หลายคู่มักจะไปพิสูจน์ความรัก ด้วยการเดินทางขึ้นภูกระดึง และเกิดความทรงจำดีๆต่อกันระหว่างการเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดภูกระดึง
แต่เวลาที่ไปเที่ยวภูอื่นๆ หลายคู่ไม่ค่อยเกิดความทรงจำต่อสถานที่มากนัก เพราะภูอื่นๆ สามารถเดินทางโดยรถยนต์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ แต่ภูกระดึง จะต้องเดินเท้าขึ้นไป
ความจริง ภูอื่นๆ ก็สามารถเดินเท้าขึ้นไปชมได้ แต่เมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางอื่นๆ ใครล่ะ จะเดินขึ้นภู ในเมื่อคนอื่นๆ นั่งรถยนต์กันทั้งนั้น
บันทึกรักจากชายคนหนึ่ง ที่หยิบมาบันทึกไว้ใน blog แห่งนี้นั้น ได้กล่าวถึงการเดินทางพาที่รักของเขา ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เริ่มต้นด้วยการนั่งรถโดยสารไปลงยังปากทางเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้น และเดินเท้าเข้าไปชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นด้วยสองขาของคนทั้งคู่
สถานที่ที่พากันไปท่องเที่ยวนั้น คือ ภูกุ้มข้าว วัดสักกะวัน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบซากไดโนเสาร์ที่เป็นที่รู้จักของหลายคนนั่นเอง และสามารถขับรถเข้าไปชมถึงบริเวณวัดสักกะวัน , พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ได้เลย แต่ชายคนหนึ่ง จูงมือพาที่รักของเขาเดินเข้าไป
ความจริงแล้ว ระยะทางไม่ไกลจนเกินไป แต่สำหรับคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง แข้งขาไม่ค่อยดี เดินเหินไม่สะดวก คงไม่เหมาะที่จะเดินเป็นระยะทางยาวถึงเพียงนั้น
สอบถามผู้ชายคนนี้ว่า ถ้าแฟนของเขาเดินไม่ไหว แข้งขาไม่ดีล่ะ จะพาเธอมาเที่ยวอย่างไร เขาบอกว่า ก็จะเหมารถพาเธอมาเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้ ไม่ให้เธอต้องเดินเลย
ถ้าแข้งขาไม่ค่อยดี จะไปหารถเข็นสำหรับคนพิการ ให้เธอนั่งและเข็นพาเธอไปชมสถานที่เสียเลย...
แต่ความเป็นจริง เธอแข็งแรงมาก เขาถามเธอบ่อยๆ จะเดินเหินไหวหรือ เหนื่อยนะ ไกลด้วย แต่เธอบอกว่า ไหว สบายมากๆ เขาก็ตามใจเธอ แต่พยายามหยุดพักเป็นระยะๆ เพื่อให้เธอได้พักไปด้วย เดี๋ยวจะเหน็ดเหนื่อยเป็นลมหน้ามืดไปเสียก่อน
ขนาดตอนเช้า เธอกินกาแฟแก้วเดียว ยังมีเรี่ยวแรงเดินเหินได้ถึงเพียงนี้ ถือว่า เป็นขาเฮ้วจริงๆ
แต่พอถึงตอนเย็นย่ำค่ำลง เธอคงจะนอนหลับสบาย เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
การได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติด้วยกัน เป็นความประทับใจที่ลืมไม่ลง เพราะการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ในบรรยากาศใหม่ๆ ทำให้เกิดความประทับใจ และความทรงจำที่ดีๆต่อกัน อย่างน้อยการได้สัมผัสบรรยากาศและสถานที่ทีไม่จำเจบ้าง ทำให้ชีวิตรักมีสีสันมากขึ้น
การเดินทางท่องเที่ยวกับการเดินทางของหัวใจ ทำให้เขาได้ดูแลเธอตลอดระยะเวลาของการเดินทาง เขาพาเธอเดินขึ้นบันได 400 ขั้นสู่ยอดภูกุ้มข้าว และเดินลัดเลาะชมวิวในจุดชมวิว ที่มองลงมาเห็นท้องทุ่งนางดงามดังภาพถ่ายทางอากาศ ที่เธอเห็นแล้ว ตื่นเต้น จนตะโกนร้องสุดเสียง “สวยจริงโว้ย”
ไม่รู้ว่า คนที่อยู่ข้างล่าง จะตกใจกับเสียงที่ได้ยินหรือไม่ เพราะบรรยากาศโดยรอบ เงียบสงบ แม้แต่ขณะที่นั่งอยู่บนจุดชมวิว ยังได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์ และเสียงตะโกนพูดคุยของชาวบ้านที่อยู่ข้างล่างอีกด้วย
ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เขาได้พาเธอไปนั่งชมวิวที่ก้อนหินใหญ่ รับลมเย็นๆยามบ่าย และกอดประคองตัวเธอไว้ข้างกาย มองหน้าของเธอที่สดชื่นในบรรยากาศธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และหอมแก้มเธอหลายครั้ง
หอมแก้มเธอ ณ จุดชมวิว ยอดภูกุ้มข้าว...
สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวในวันที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เพราะไม่ใช่เทศกาลวันหยุด ทำให้ทั้งคู่มีมุมส่วนตัว อยู่ด้วยกันในบรรยากาศธรรมชาติ เงียบสงบ เมื่อสอบถามผู้ชายคนนี้ เกี่ยวกับโปรแกรมที่จะพาที่รักของเขาไปท่องเที่ยวในครั้งต่อไป เขาบอกว่า มองไว้หลายที่แล้ว ในแบบที่ไปเช้ากลับตอนบ่าย ภายในวันเดียว เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการทำงาน หรือต้องลาหยุดหลายวัน
เพราะหัวใจไม่เคยมีวันหยุดสำหรับความคิดถึงและความห่วงหาอาทร การเดินทางของหัวใจ และการท่องเที่ยวนั้น สามารถเดินทางได้ทุกเวลาเท่าที่หัวใจต้องการเช่นกัน
เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้ไปสัมผัส ให้ไปเติมเต็มความรักความทรงจำที่งดงามระหว่างกันอีกหลายที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น