++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

6 ทักษะที่นายชอบ


1. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อนี้หนิงเองก็ขอยืนยันนะคะว่าเป็นเรื่องสำคัญในการทำงานมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน เพราะหากการสื่อสารไม่ดีโอกาสในการผิดพลาดก็จะเกิดขึ้นสูง ดังนั้น เราต้องมาดูกันว่าการสื่อสารประกอบด้วยอะไรบ้าง ส่วนแรกส่วนของการส่งสาร ซึ่งการส่งสารก็มีหลายทางเช่นกัน เช่น การพูดด้วยวาจา การพิมพ์ในรูปของเอกสารหรือส่ง e-mail แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องมีความชัดเจนทั้งเรื่องของภาษาที่ใช้และข้อมูลที่ครบถ้วนด้วย ไม่ใช่คิดแล้วแต่ชี้แจงไม่หมด ซึ่งคนรับสารก็ไม่สามารถเข้าทางในได้ อีกอย่างสำหรับเรื่องของการส่งสาร คือ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ทางเดียวเสมอไป บางครั้งต้องใช้ทั้งเอกสารและการอธิบายด้วยเพื่อสร้างความชัดเจนให้มากขึ้น และป้องกันการผิดพลาด มาถึงส่วนที่สองก็คือส่วนของการรับสาร ซึ่งบางครั้งคิดว่าเข้าใจแล้วแต่อาจจะคิดไปเองตามรูปแบบที่ผู้รับอยากให้เป็นเพราะพื้นฐานคนเราต่างกัน ดังนั้นเมื่อรับสารแล้วทางที่ดีก่อนจะปฏิบัติใด ๆ ถ้าเป็นไปได้ ควรจะทำการยืนยันก่อนว่าที่เราเข้าใจนั้นถูกต้องตรงกันจริง ๆ

2. การทำงานเป็น Team จากที่หนิงทำการ Training ในหลาย ๆ ครั้ง หนิงจะย้ำเสมอว่า ตอนนี้รูปแบบของการทำงานนั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยุคการทำงานแบบ One Man Show หมดสมัยไป ซึ่งก็คือยุคของการใช้ IQ นั่นเอง แต่ ณ ปัจจุบันเป็นยุคของ EQ ซึ่งก็คือยุคของการใช้ Service Mind ใช้การทำงานเป็นทีม ดังนั้นการที่เราอยู่ในองค์กรยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ปัญหาการขัดแย้งต่าง ๆ ยิ่งมีมาก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนร้อยพ่อพันแม่มาอยู่ด้วยกัน แต่หากเราพยายามใช้หลัก ?เอาใจเขามาใส่ใจเรา? หรือ ?การคิดบวก? ให้มาก ๆ ก็อยู่กันเป็น Team ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปค่ะ

3. นักแก้ปัญหา ไม่ใช่ปัญหาเชาว์นะคะ แต่โดยปกติคนที่ตอบปัญหาเชาว์ต่าง ๆ ได้ดีก็มักจะแก้ปัญหาได้ดีนะ (เท่าที่เจอมา) นั่นหมายความว่าบุคคลบางจำพวกอาจจะไม่ใช่คนที่เรียนหนังสือเก่ง แต่รู้จักในการเอาตัวรอดเป็นก็อาจจะอยู่ในข่ายนี้ได้เหมือนกันนะคะ เพราะคนที่เรียกเก่งแต่ต้องใช้หลักการหรือตัวอย่าง หรือความขยันทำให้เรียนเก่ง ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเก่ง ตรงกับข้ามกับคนที่เรียนไม่เก่งแต่เอาตัวรอดได้นะคะ

4. ผู้มีความคิดริเริ่ม ซึ่งหนิงมักจะบอกกับทีมงานของหนิงเสมอว่า บางครั้งเรื่องบางเรื่องที่เราทำกันมานานจนเป็นประเพณีนั้น ไม่ได้หมายความว่า ดีแล้ว หรือเปลี่ยนไม่ได้ หากสิ่งที่เราปฏิบัติมานานแสนนานนั้น เรายังมองเห็นจุดบกพร่อง ก็มีวิธีการอื่นที่ง่ายกว่า สะดวกกว่า เราก็ควรที่จะยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงด้วย ไม่งั้นการพัฒนาก็จะไม่เกิด ซึ่งก่อนหน้านี้หนิงก็เคยพูดถึงเรื่องของการ Change เอาไว้บางแล้ว ลองกลับไปอ่านกันดูนะคะ

5. มีทักษะในการจัดการ แน่นอนค่ะ ผู้ที่มีการจัดการที่ดีย่อมมีความเป็นระบบสูง นั่นก็คือ อาจจะต้องมีการวางแผนงาน เช่น การทำ Action Plan ต่าง ๆ ล่วงหน้าเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมนั่นเอง และนอกจากเรื่องของการวางแผนแล้ว เราเองก็ควรจะมีการจัดการคน จัดการเวลาที่ดีด้วย ประสิทธิภาพการทำงานจึงจะเกิดขึ้นสูงสุด เพราะหากคุณมองแค่มุมเดียว มันก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทุกด้านนั่นเองค่ะ

6. ผู้ที่สามารถปรับตัวเองได้ ขออนุญาตนะคะ หนิงขอยกตัวอย่างเช่นสัตว์ต่าง ๆ ที่มีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมเพื่อเอาตัวรอดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจก, ตั๊กแตน หรืออีกหลาย ๆ ชนิด หรือถ้าจะให้เห็นภาพอีกอย่างก็คือ ?น้ำ? เพราะน้ำเมื่ออยู่ในภาชนะชนิดใดก็ตามมันก็สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะมันมีการปรับตัวนั่นเอง แต่ถ้ามันกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อไหร่ มันก็ไม่สามารถที่จะปรับเข้ากับภาชนะต่าง ๆ ได้ จนกว่ามันจะละลาย จริงไห๊มค่ะ

เป็นไงบ้างค่ะ สำหรับ 6 ทักษะที่กล่าวมา บางข้ออาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่เราต้องไปหานะคะว่าตัวเราเองยังขาดข้อไหนบ้าง เพราะไม่งั้นเราก็จะไม่ได้แก้ไขในจุดที่เราบกพร่อง ส่วนเรื่องไหนที่เราแข็งแรงแล้วก็พยายามเสริมให้เกร่งยิ่งขึ้นไปอีก การพัฒนาของการไม่มีทางสิ้นสุดหรอกนะคะ หากเราสำรวจตัวเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ อิอิ

ที่มา: wordpress.com (2011-03-24)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น