ธวัชชัย จรูญชาติ
ระบอบทักษิณ : จุดเริ่มต้นและจุดจบ / โดย วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน (1) "9 วิธีการ" ในการขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของระบอบทักษิณ-ทรราชแห่งสยามประเทศ! (1) มองการเมืองเป็นธุรกิจ มองประเทศเป็นบริษัท ทักษิณเป็น CEO ขายภาพลักษณ์ คิดเร็ว ทำเร็ว โกงเร็ว ขายความนิยมสู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง ตัดอำนาจ ส.ส.ลูกพรรคให้เป็นเพียงลูกจ้างหรือขี้ข้า ตัดบทบาทตัวกลางทั้งหลายในระบบเดิม อันได้แก่ เทคโนแครต (ข้าราชการนักวิชาการ) นักวิชาการ เอ็นจีโอ เครือข่ายสังคม (2) แบ่งประชาชนเป็นสองพวก เอาพวกรากหญ้าเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ชูการเลือกตั้งเป็นสรณะ อีกพวกหนึ่งที่รู้เท่าทัน มีหน้าที่จ่ายภาษี แต่ไม่ต้องฟังเสียง (3) มุ่งซื้อเสียงพวกรากหญ้าคนด้อยการศึกษาให้มากที่สุด ด้วยการจ่ายเงินซื้อโดยตรง ควบคู่กับใช้เงินภาษีจ่ายซื้อเสียงผ่านมาตรการประชานิยมต่างๆ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะทำให้พวกรากหญ้ามีความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างจริงจังยั่งยืนหรือไม่ ทำลายเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการบริโภคครัวเรือน (4) ทำลายระบบสื่อมวลชนด้วยการซื้อสื่อ แทรกแซงสื่อ กดดัน คุกคามสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น สั่งให้ อสมท ถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของสนธิ ลิ้มทองกุล และรายการของเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือสั่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษี หรือสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ของรัฐตรวจสอบธุรกรรมการเงินของสถานีวิทยุบางแห่งที่เห็นตรงข้ามกับตน สยบสื่อมวลชนผ่านงบโฆษณาภาครัฐ สื่อที่วิพากษ์วิจารณ์ทักษิณจะถูกตัดรายได้จากงานโฆษณาของภาครัฐ ส่วนสื่อที่เชลียร์หรือละเว้นการเสนอข่าวด้านลบของรัฐบาลทักษิณจะได้รับงานโฆษณาภาครัฐเต็มที่ ทำให้สื่อที่ชาวบ้านนิยมอ่านหมดสภาพ “หมาเฝ้าบ้าน” เพื่อปิดหูปิดตาประชาชนทั่วไป สื่อเหล่านี้ได้แก่ มติชน ข่าวสด ไทยรัฐ ส่วนฟรีทีวีก็ไม่มีการเสนอข่าวด้านลบของระบอบทักษิณเช่นกัน ใช้วิทยุชุมชนราว 5,000 แห่งทั่วประเทศโฆษณาชวนเชื่อเผยแพร่คำโกหกหลอกลวงคนรากหญ้าให้หลงเชื่อ ตัวอย่างเช่น โกหกว่าเงินกองทุนหมู่บ้านเป็นเงินของทักษิณส่งมาช่วยเหลือ มองทักษิณเป็นที่พึ่งพิง รอคอยการแจกทานจากทักษิณ (5) ใช้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือเข้ายึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ เอา ส.ส.มาเป็นลูกจ้างของเจ้าของพรรคคือทักษิณ ได้รับเงินเดือนประจำพิเศษจากทักษิณคนละ 50,000-100,000 บาทต่อเดือน ออกกฎหมายในรัฐสภาตามคำสั่งของทักษิณ ตัดตอนการตรวจสอบถ่วงดุล ใช้ครอบครัวและวงศ์วานว่านเครือเป็นศูนย์กลางการบริหารอำนาจและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการใช้อำนาจ (6) ยึดอำนาจรัฐทุกรูปแบบ ครอบงำกลไกการตรวจสอบทั้งวุฒิสภาและองค์กรอิสระ รวมทั้งซื้อคนระดับบนของภาครัฐที่ซื้อได้ ถ้าซื้อไม่ได้และปลดได้ก็ปลด (ยกตัวอย่าง ปลดนายถวิล เปลี่ยนศรี ถูกปลดออกจากเลขาธิการ สมช.แล้วตั้ง ภราดร พัฒนถาบุตร แทน) เพื่อให้ค้ำจุนอำนาจการเมือง อันได้แก่ ส.ส., ส.ว., ประธานสภาฯ ทั้งสอง, ผบ.เหล่าทัพ, ผบ.ตำรวจ, กกต., อัยการสูงสุด, ตุลาการบางส่วน, ข้าราชการระดับสูง, นักวิชาการลิ่วล้อ (7) ใช้หน่วยงานรัฐบางแห่ง กรมสรรพากร ตำรวจ เป็นเครื่องมือสร้างความกลัวให้กับผู้ที่ออกมาคัดค้าน ทักท้วง วิจารณ์รัฐบาล เพื่อให้หยุดส่งเสียงวิพากษ์รัฐบาล (8) เมื่อทักษิณหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศ ก็ตั้งนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดทำการแทน โดยรับคำสั่งจากทักษิณโดยตรง ข้าราชการระดับบน ลูกพรรค และประธานรัฐสภาต้องไปพบทักษิณที่ต่างประเทศเพื่อรับคำสั่งพิเศษ (9) ทำลายคุณธรรม จริยธรรม อันดีของสังคมไทย ทักษิณเชื่อมั่นว่าเงินซื้อได้ทุกคน ดังตัวอย่าง ซื้อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ที่ทำรัฐประหารล้มอำนาจของทักษิณให้กลายมาเป็นผู้สนับสนุนการเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น