++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ศิลปะในการทำงานให้มีความสุข



มีศิลปะที่อยากจะบอกกันอีกสักข้อหนึ่งว่า จงทำการงานด้วยสติปัญญา คือรู้ว่าเราเป็นมนุษย์ มีหน้าที่อย่างมนุษย์ แล้วก็ทำหน้าที่อย่างมนุษย์ แล้วก็เป็นสุข

เมื่อเราทำการงาน เรามีความรู้ถูกต้องว่าทำอย่างนี้ ทำด้วยสติทำด้วยปัญญาอย่างนี้ อย่าทำด้วยความหวังว่าเมื่อไรมันจะออกผลมา อย่าทำด้วยความอยาก คือตัณหา อยากเหมือนใจจะขาดที่จะเห็นผลงาน นี่คนบ้ามันจุดไฟขึ้นมาสุมเผาตัวเอง ความอยากนั้นเป็นไปติดต่อกันไม่ขาดตอน นี้เรียกว่าความหวัง ยิ่งหวังเท่าไรยิ่งเผาหัวใจเท่านั้น ฉะนั้นอย่าทำด้วยความอยาก อย่าทำด้วยความหวัง.

ยกตัวอย่างเหมือนกับว่า ซื้อล็อตเตอรี่มาแผ่นหนึ่งแล้วก็อย่าไปสนใจจนนอนไม่หลับว่ามันจะถูกเมื่อไร ไม่ต้องสนใจลืมเสียก็ได้ ไว้ไปตรวจดูเมื่อถึงวันฉลากมันออกก็แล้วกัน ตลอดหลายๆ วันนั้นอย่าไปหวังให้มันบ้า อย่าไปหวังให้มันเป็นคนนอนไม่หลับ หรือว่าทรมานจิตใจ การงานนี้ก็เหมือนกัน ทำนา ทำสวน ค้าขาย หรืออะไรก็ทำไปด้วยสติปัญญา ระงับความอยากความต้องการในผลงานเสีย แล้วก็ระงับความหวัง ที่เด็กๆ เขาชอบหวังกันนักเสีย สนุกเป็นสุขอยู่ในการกระทำ แล้วผลมันก็ออกมาเอง

คนโง่ก็ถามขึ้นมาว่า ถ้าอย่างนั้นเอากำลังที่ไหนมาทำงาน ถ้าไม่หวัง ถ้าไม่สอนให้อยาก ไม่สอนให้หวัง?

เราก็ตอบว่านั้นมันเรื่องของคนโง่ ต้องเอากิเลสตัณหามาเป็นกำลังใจสำหรับทำการงาน เรามันลูกศิษย์พระพุทธเจ้า เราไม่โง่ เราเอาสติ และปัญญานั่นแหละมาเป็นกำลังใจสำหรับทำการงาน พวกโน้นทำงานด้วยกำลังของกิเลส เช่นความอยากและความหวังเป็นต้น เราเป็นพุทธบริษัท ทำการงานด้วยกำลังแห่งสติปัญญา กำลังแห่งปัญญานี้ดีหรือมากกว่ากำลังแห่งความหวังหรือความอยาก ซึ่งเป็นกิเลส

มีการดำรงชีวิตอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการงาน ก็เลยเป็นความสุขอยู่ในการงาน เป็นการศึกษาที่ทำให้ฉลาดมากขึ้น แล้วเป็นการก้าวหน้าทางจิตของวิญญาณ ในการเป็นมนุษย์ของตน เป็นอันว่าหมดปัญหาไปอันหนึ่ง เป็นการประสบผลสำเร็จด้วยความงดงามอย่างยิ่ง แล้วก็เป็นงานฝีมืออย่างยิ่ง เพราะการปฏิบัติอย่างนี้มันไม่ใช่ง่าย มันละเอียดอ่อน มันก็เป็นงานฝีมืออย่างยิ่ง ศิลปะแห่งการครองชีวิตในแง่ของการงาน

พุทธทาสภิกขุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น