++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไตเสื่อมและใจเสื่อม


 ตามหาแก่นธรรมตอนที่ 236 ไตเสื่อมและใจเสื่อม

 ไตเสื่อมและใจเสื่อม

                  ไตเป็นอวัยวะสำคัญในการคัดกรองของเสียและยังเป็นเครื่องมือรักษาระดับน้ำภายในร่างกายให้แก่มนุษย์เพื่อคงความสมดุลอยู่เสมอ
                  อายุของไตจะเติบโตเด็มที่ไม่เกินสามสิบสี่ปี เพราะในปีที่สามสิบห้าไตก็จะเริ่มเสื่อมไปปีละหนึ่งเปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย
                  ผู้หญิงส่วนใหญ่ธรรมชาติจะให้อวัยวะโดยรวมแข็งแรงกว่าผู้ชายเพราะเป็นเพศที่ต้องออกลูก
                  ในสมัยปัจจุบันแพทย์จะเอาค่าหรือผลเลือดที่เกี่ยวกับการคัดกรองของเสียในร่างกายหรือของเสียอย่างเช่น Creatinine ในเลือดมาคำนวณเป็นค่าeGFR ที่ได้ค่าต่ำกว่า 90 หรือ90% นำมาบ่งชี้ว่าไตของท่านเริ่มเสื่อมจะแล้ว
                  โดยเฉพาะในวัยที่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีจะถือว่าผิดธรรมชาติ แต่ถ้าเลยไปกว่านั้นก็เป็นไปตามธรรมชาติแห่งความเสื่อม
                  ผู้คนสมัยนี้เป็นโรคไตกันมากเพราะการกินอาหารรสจัดโดยเฉพาะรสเค็ม รวมทั้งอาหารโปรตีนสูง ไม่นับสิ่งที่ใช้ปรุงแต่งให้อร่อยลิ้นและยาค่าแมลงที่ผู้เพาะปลูกหรือผู้เลี้ยงฉีดกันเข้าไป
                  คนฉีดก็ตายเร็วคนกินก็ตายเร็วเพราะไตพังนี่แหละ(สอบถามรายละเอียดได้จากแพทย์ที่ใกล้ชิดของท่าน) แพทย์หลายท่านจึงแนะนำว่าอยากตายช้าอายุยืนก็กินจืดเสียมั่ง
                 ใจของผู้คนก็เช่นกัน มันก็รู้จักเสื่อม แถมยังเสื่อมเร็วกว่าไตเสียอีก เสื่อมเสมอมาตั้งแต่เกิดเพราะกิเลสสามกอง อันมีโลภ โกรธ หลง ผลัดเปลี่ยนกันมาหรืออาจจะมาพร้อมกันให้ผู้คนเกิดความอยากหรือไม่อยาก (ตัณหาทั้งปวง)
                 บ้างไม่รู้อะไรเลยก็ไปโทษแต่ตัณหา อุปทาน อวิชชา กรรมว่ามันทำให้ทุกข์เช้าเย็นค่ำร่ำไปหรือทุกข์ยันเต
                 บ้างก็อ้างว่าเดี๋ยวนี้สิ่งล่อใจมันเยอะกว่าเก่าก่อน กิเลสมันเลยมาก บ้างก็อ้างว่าโลกมันทันสมัยขึ้นกิเลสมันมีอุบายให้หลงมันมากขึ้น
                 ที่มากไปกว่านั้นก็พวกที่อ้างไปว่า หากเกิดเป็นผู้คนในสมัยพระพุทธเจ้าก็คงจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นแน่
                 หาได้รู้อะไรเลยเพราะกิเลสมันย้อมเผาลนจิตใจจนขาดความสงบ
                 พระพุทธองค์ได้ทรงทิ้งมรดกธรรมไว้มากมายและมานานหลายพันปี สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้                           บางคนกลับไปอ้างคำสอนมาถ่ายทอดว่าจริงทั้งหมด แม้จะแก้ไขชำระกันมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
                 บางคนก็อ้างว่าไม่เชื่อเพราะผ่านการแก้ไขมามากหลาย และผู้แก้ไขพระไตรปิฎกเชื่อได้จริงหริอ
                 พระพุทธองค์ก็ทรงพระปรีชาญาณหยั่งรู้จึงสอนในเรื่องกาลามสูตรให้พุทธศาสนิกชนได้ทราบว่าทำอย่างไรถึงจะรู้ธรรมได้โดยไม่ผิดพลาด พิจารณาเช่นไร ซึ่งในพระไตรปิฎกก็มีให้ผู้เป็นบัณฑิตได้สืบค้นมิใช่เอาไว้เสพเท่านั้นเพื่อโวหาร
                ครูบาอาจารย์ในชั้นหลังที่ท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบและถึงความตื่นรู้จากการกระำทำก็ได้มตตาชี้แนะมากมาย ไม่ว่าจะสายไหนๆ
               สุดท้ายผลรับมันก็ออกมาเช่นเดียวกันคือความสุขอันประณีตแห่งอริยสัจในชั้นแห่ง"สภาวะนิโรธ"
               เลิกเสพสิ่งที่จะทำให้ใจเสื่อม ด้วยพละห้าอินทรีย์สังวรศีล และปัญญา
                หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ครูบาอาจารย์แท้แห่งวัดสะแก อยุธยาท่านจึงสอนว่า"หากพวกเอ็งเอาจริงข้ารับรองสำเร็จ"
               หลายๆคนยังพร่ำล่วงเกินผู้คน ครูบาอาจารย์เพราะมานะที่เป็นความยึดถือในตน พลัดหลงไปในทะเลบาปและลึกแห่งโอฆะ เพราะความยึดติด........ น่าเสียดาย
               ธรรมะแท้รสจืดสงบเย็นประณีต มีให้ทุกท่านชิมส่งให้ถึงทุกลมหายใจและกายนี้ ลองพิจารณาดูนะครับท่านทั้งหลาย เอวัง
                                        ธรรมะสวัสดี

                                       แทนสะมะชัยโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น