++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันวาเลนไทน์

วันนี้หลายคน ย่อมรู้จักเป็นอย่างดีว่า มีที่มา ที่ไป ยังไง

วันวาเลนไทน์นี้ อาจจะไม่ใช่ วันสำคัญในพระพุทธศาสนา

แต่ก็มีความสำคัญกับเหล่าประชาชนทั่วไปเป็นอันมาก เพราะเป็นวันที่แสดงถึง การมอบความรัก ความเข้าใจ ให้แก่กัน

แต่ทุกวันนี้ มีหลายคน ทำตัวไปในทางผิด ไม่เข้าใจเกี่ยวกับความรักที่แท้จริงว่า ควรมีความรักเช่นไร



วันนี้ผมจึง อยากจะแนะนำ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความรัก ให้ฟังครับ



นิยามจริงๆ ของความรักนั้นคือ ความเป็นห่วงเป็นใย

ไม่อยากให้ คนที่เราผูกพันนั้น ต้องลำบาก โดยเราไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ อยากให้เขา มีความสุข แค่นี้ก็เป็นสุขใจ



อันนี้ถือว่า เป็นความรักที่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดผลร้ายแก่ ตัวผู้รักและถูกรัก

แต่ปัจจุบันนี้ คนหลายคนเข้าใจเกี่ยวกับความรักไปในทางที่ผิด



เช่น



รักเพราะอยากได้เขา เป็นของเรา

รักเพราะเขา เพราะความเหงา ไม่อยากอยู่คนเดียว

รักเพราะไม่อยากสูญเสียเขาไป เป็นต้น



ความรักที่ว่านี้ จัดเป็นความรักที่เป็นโทษ เพราะก่อความทุกข์ใจ ให้ทั้งสองฝ่าย

ทำให้เกิดความหึงหวง ไม่เป็นส่วน บางทีอาจจะกลายเป็นไฟตัณหา ซะด้วยซ้ำ

ทำให้เกิดการหมางใจระหว่างคู่รักก็มี จนต้องเลิกรากันไป เพราะไม่เข้าใจกัน



เมื่อเข้าใจพื้นฐานของความรักแล้ว ทุกคนควรร่วมปฏิบัติตัว ให้มีความรักแบบที่ถูกต้อง

เพื่อที่จะได้รักษาน้ำใจคนที่รัก ให้สามารถรักกันนานได้ แม้ความตายมาพราก ก็ไม่อาจจะพรากใจคู่รัก ให้แยกกันไปได้

ทุกคนจึง ควรปลูกฝัง คุณธรรมแห่งความรักไว้ในใจ ดังนี้



1.เมตตา ให้รักเขาด้วยเมตตา ไม่อยากให้เขาได้รับทุกข์



2.กรุณา ให้รักเขาด้วยความเมตตา แม้เขาทุกข์อะไร เราก็พร้อมจะช่วยเหลือเขา ให้เขาหายจากความเศร้าโศก

หากเขาทำอะไรผิด ก็พร้อมจะชี้ทาง ให้เขากลับเข้ามาในทางที่ถูก ที่ควร เสมอ



3.มุฑิตา แม้ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน หากเป็นสิ่งที่ดี ที่ควรแล้ว ก็ควรปล่อยเขาไปทำ

ควรยินดีกับเขา เมื่อเขาได้พบสิ่งที่ดี ไม่หึงหวงเพราะอยากให้เขาอยู่กับเรานานๆ



4.อุเบกขา แม้เกิดอุปสรรคใดขึ้นกับความรัก ก็พร้อมจะวางเฉย ไม่ทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้เพิ่มขึ้นแก่ทั้งสองฝ่าย

เพราะไฟตัณหาจากความรักนั้น ร้อนแรงร้ายกาจยิ่งกว่าสิ่งใด หากไม่ควบคุมให้ดี ย่อมจะกลับมาเผาใจตัวเองให้มอดไหม้ไปได้



5.ปิยะวาจา ควรพูดด้วยวาจาที่มีเสน่ห์คือ พูดเพราะ พูดแต่ความจริง พูดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่กัน เพื่อรักษาน้ำใจ ให้ครองรักกันได้นาน



6.ทาน แบ่งปันสิ่งที่ดีให้แก่กันคือ อาจจะหยิบยื่น สิ่งที่จำเป็นให้แก่คนรัก ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวัตถุ แต่อาจจะเป็นอยากอื่นก็ได้ เช่น

แบ่งปันความอบอุ่นใจให้แก่เขา ไม่ทำให้เขาว้าเหว่ เป็นต้น



7.สมานัตตา ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย รักเขายังไง ก็รักอย่างนั้น ไม่ลดน้อยลงเพราะจะเกิดความเบื่อหน่าย จนต้องเลิกรักกันไป



8.อัตถจริยา หมั่นทำตัวเอง ให้ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนรัก เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ทำตัวเหลวไหล เที่ยวไปในที่ไม่เป็นประโยชน์ เป็นต้น

เพื่อจะได้ ไม่เกิดความระหองระแหงใจ แก่กัน





ธรรมทั้ง 8 ข้อนี้ มาจาก พรหมวิหาร 4 และสังคหวัตถุ 4

ซึ่งเป็น ธรรมที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจคน ให้รักกันไปตลอดกาล



แม้เกิดข้ามภพ ข้ามชาติไปใหม่ ก็ยังจะคงกลับมารักกัน เป็นบุเพสันนิวาส

ไม่มีวันจะเลิกรากันง่ายๆ ซึ่งเป็นความรักที่ไม่มีโทษภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น