นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกประปรายแม้สภาพอากาศจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวก็ตาม ทำให้มีแอ่งน้ำขังหรือมีน้ำขังอยู่ตามเศษวัสดุ เศษภาชนะต่างๆ จานรองกระถางต้นไม้ และกาบใบไม้ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของยุงลาย อาจทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกในฤดูหนาวได้ ซึ่งโรคนี้พบผู้ป่วยได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด รณรงค์ให้ประชาชนทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้ชุมชนทุกแห่ง จัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดยุงลายเพื่อลดปริมาณยุงลายให้มากที่สุด และหากมีรายงานพบผู้ป่วยแม้เพียงรายเดียว ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เพื่อควบคุมโรคภายใน 24 ชั่วโมง และทำลายลูกน้ำยุงลายพ่นสารเคมีฆ่ายุงตัวแก่ภายในบ้านและรอบบ้านผู้ป่วย ในรัศมี 100เมตร และพ่นซ้ำอีก 7วัน
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 - 19 มกราคม 2555 พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 332ราย เสียชีวิต 1 ราย แนวโน้มสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2554 ซึ่งมีผู้ป่วย 291 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยผู้ป่วยร้อยละ 56 อยู่ในภาคกลาง จำนวน 185ราย เสียชีวิต 1ราย รองลงมาคือภาคใต้ 69ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ42ราย และภาคเหนือ 36ราย และตลอดปี 2554 ที่ผ่านมาทั่วประเทศมีผู้ป่วย 65,961 ราย เสียชีวิต 59 ราย
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า โรคไข้เลือดออกขณะนี้พบได้ทุกวัย จะมีอาการป่วยหลังถูกยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกกัดประมาณ 5-8วันลักษณะอาการเริ่มจากมีไข้สูงกะทันหัน ไข้จะสูงติดต่อกัน 2-7วัน ผิวหน้าแดง ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัวปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก คลื่นไส้ อาเจียนแต่จะไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูกไหล เหมือนไข้หวัด นอกจากนี้อาจมีผื่นหรือจุดแดงๆ ขึ้นที่ใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นไข้จะลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัว สดชื่น แจ่มใสขึ้น และหายเป็นปกติ แต่จะมีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 2-5 ที่มีอาการช็อค เนื่องจากมีเลือดออกในอวัยวะภายใน เป็นอันตรายมาก มักจะเกิดหลังไข้ลง อาการที่สังเกตได้คือผู้ป่วยจะซึมลง เบื่ออาหาร มีอาการเพลียมาก ปวดท้อง อาเจียน กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ถ่ายปัสสาวะน้อยลง ขอให้รีบพาไปโรงพยาบาลทันที
กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือกลุ่มเด็กเล็กเพราะเด็กยังไม่สามารถบอกอาการตัวเองได้ ดังนั้นจึงขอให้ผู้ปกครองใช้วิธีสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากหลังให้กินยาลดไข้ คือยาพาราเซตามอลหรือเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้วไข้ไม่ลดภายใน 2วัน หรือเด็กร้องกวนมากไม่กินนม ขอให้ผู้ปกครองคิดถึงว่าเด็กอาจป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ให้รีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องและรักษาอย่างทันท่วงที
“ประการสำคัญที่สุดในการให้ยาลดไข้ ขอให้ใช้ยาพาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน อย่างเด็ดขาด เนื่องจากหากป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ซึ่งมีเลือดออกในอวัยวะภายในอยู่แล้ว ยาแอสไพรินจะทำให้มีเลือดออกมากขึ้น เพราะคุณสมบัติของแอสไพรินจะต้านการแข็งตัวของเกร็ดเลือด ทำให้เลือดหยุดยากและเสียชีวิตได้” นายแพทย์ไพจิตร์กล่าว
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวอีกว่า วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกคืออย่าให้ยุงกัดและต้องลดปริมาณยุงลาย ขอให้ประชาชนยึดหลัก 3 เก็บ คือ 1.เก็บขยะ ทั้งเศษภาชนะขังน้ำ พลาสติกเหลือใช้ 2.เก็บบ้าน ให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพักอาศัย เก็บล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำให้เป็นระเบียบ และ3.เก็บน้ำ เก็บน้ำกินน้ำใช้ให้สะอาด มิดชิด โดยปิดฝาภาชนะ โอ่ง ไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่ หากทุกคนร่วมมือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว เชื่อว่าในปีนี้โรคไข้เลือดออกจะไม่เกิดการระบาดอย่างแน่นอน
************************************************************* 5 กุมภาพันธ์ 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น