++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แนวทางปฏิบัติสู่ความสงบสุข ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

1. ฝึกสมาธิหรือนั่งเงียบๆทุกวัน นี่เป็นวิธีตรงที่จะทำให้ใจของเราสงบ และควบคุมจิตของเรา เพื่อให้เราจะได้มีความสงบสุข

2. ส่งพลังแห่งความเมตตาให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตลอดทั้งวัน

3. ก่อนนอนทุกคืน ใช้เวลา 2 - 3 นาที ตรึกตรองสิ่งที่เราปฏิบัติมาตลอดทั้งวัน แล้วตั้งใจว่า จะแก้ไขให้ดีขึ้น

4. ควบคุมความโกรธ จำไว้เสมอว่าเมื่อมีคนมาด่าเรา เขากำลังช่วยเหลือเรา ให้เรามีประสบการณ์ที่ดีที่จะฝึกการควบคุมตัวเอง เขาเป็นอาจารย์ของเรา

5. ท่องชื่อผู้ที่เราศรัทธา หรือคำศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจ

6. ร้องเพลงที่ช่วยยกจิตวิญญาณของเราให้ดีขึ้นหรือเพลงที่เต็มไปด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์

7. แสวงหาเพื่อนที่ดี

8. เรียนรู้ที่จะให้สันติแก่คนอื่น ปรนนิบัติและช่วยเหลือคนอื่นให้เขาสบายใจ

9. ฝึกเงียบ พูดคำพูดที่เบาๆ และสุภาพอ่อนโยน พูดแต่สิ่งที่ดี มีสาระ ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรดีก็ให้นิ่งไว้

10. ฝึกการหายใจ หายใจช้าๆ ลึกๆ และสม่ำเสมอตลอดเวลา และให้เราตื่นตัวตลอด เวลาถ้ามีสิ่งใดมา
รบกวนระบบการหายใจของเรา ความสงบสุขมีความสัมพันธ์กับระบบหายใจมาก คนเจ้าอารมณ์และคนที่โกรธง่ายมักจะหายใจเร็ว แต่คนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำจะรู้สึกสงบสุข และเต็มไปด้วยความสงบ จะหายใจช้าๆ ซึ่งการหายใจช้าๆ ลึกๆ และสม่ำเสมอจะช่วยให้เราสามารถบังคับตนเองได้ มีความสงบและมีความสุข

11. สะสมเพิ่มพูนคุณค่าของความเป็นมนุษย์ในชีวิตประจำวันของเรา

แนะนำแหล่งที่มา มาจากหนังสือบทเรียนแห่งชีวิตในโลกยุคใหม่ "แนวทางสู่ความสุข"
โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ISBN 974-94126-1-3

ขอเพิ่มเติมนะคะ
ได้มีโอกาสอ่านบทความนี้ เลยอยากแบ่งปันให้กับทุกๆท่านครับ ทำได้ง่ายๆไม่อยากเลย

การที่ได้สงบจิตสงบใจไปนั่งในห้องพระ หรือการสวดมนต์ภาวนาก็เป็นแค่การทำจิตที่กำลังโกรธ หรือว้าวุ่นให้สงบลงเท่านั้น จะเห็นได้ว่าในวันหนึ่งๆ จิตของเราไม่ได้หยุดนิ่ง เราใช้พลังงานในรูปความคิด มีสภาพของจิตที่แปรปรวนไม่หยุดนิ่ง คิดระลึกเรื่องในอดีต คิดถึงอนาคต การสัมผัสในรูปแบบ รูป รส กลิ่น เสียง นำพาให้เกิดความรู้สึกซึ่งจิตจะเป็นตัวรับรู้และออกคำสั่งตลอดเวลา อารมณ์ของผู้ครองจิตแต่ละคนล้วนแปรปรวน วันหนึ่งๆ อาจมีหลายอารมณ์ เช้ามีความสุข บ่ายมีความทุกข์ เย็นมีความโกรธ อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ ย่อมผันผวนไปตามเหตุการณ์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ถ้าผู้ครองจิตคนใด มีอารมณ์หวั่นไหว ขาดความสงบ ย่อมหาความสุขได้ยาก

พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัล) วัดอัมพวัน เคยกล่าวไว้ว่า การจะล้างจิตให้สะอาด ทำได้ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น ซึ่งข้อนี้เป็นการปฏิบัติที่ให้ผลโดยรวม แต่ถ้าจะชะล้างจิตให้สะอาดเป็นเรื่องๆ ไป โดยกระทำทุกครั้งที่จิตเกิดหวั่นไหว เพราะความโกรธ ความโลภ ความเศร้าโศก พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนให้กำหนดจิตไว้ตรงลิ้นปี่ (อยู่ประมาณกลางหน้าอก ระหว่างลูกกระเดือกกับสะดือ) หลับตาทำสมาธิ หายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ถ้าเกิดจากความทุกข์ก็ให้ภาวนาว่า ทุกข์หนอๆๆๆๆๆ ถ้าเกิดจากความโกรธ เมื่อมีคนมาให้ร้ายเรา ก็ให้ภาวนาว่ารู้หนอๆๆๆๆๆๆ หรือ โกรธหนอๆๆๆๆๆ อย่างน้อยให้ทำนานสักครึ่งชั่วโมง ถ้าผู้ใดเป็นผู้คล่องแคล่วในการปฏิบัติก็จะเร็วกว่านั้น เมื่อปฏิบัติไปสักพัก ความรู้สึกโกรธหรือความทุกข์ของท่านก็จะคลี่คลายหายไปในที่สุด และมีความสุขเข้ามาแทนที่ นี่คือการล้างจิตให้สะอาดเป็นเรื่องๆ ไป หลวงพ่อสอนไว้ว่า “จำไว้นะ ถ้าตายขณะโกรธจะไปทางเดียวนะ นรก ถ้าตายขณะเกิดความโลภ จะไปเกิดเป็นเปรต ขณะเกิดโทสะร้ายแรง จิตจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ถ้าตายในขณะนั้นจิตของตนเองนั่นแหละจะพาไปนรกทันที”

ผู้แสดงความคิดเห็น คมกริช นามมงคุณ (เบลล์) (komkom-dot-ko-at-hotmail-dot-com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น