เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น
มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วมากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว
แต่จะมองด้านไหนก็ตามก็ทำให้เราคิดว่าแก้วยังขาด พร่อง
ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่
เสียก่อนแล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ
ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถ ในการหาเงิน หาของ
หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม
เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้น
ไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ
เมื่อก่อนที่เราคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข
พอเรามีเข้าจริงๆปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ
ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา
ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้านขนาดคนที่มีเป็นหมื่นล้าน
ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ รวมทั้งคนที่เรารักหนักหนา
ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนาน ๆใจเราก็เรียกร้อง
มากขึ้นๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา
แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโตหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม
เคล็ดลับของความสุขก็คือ เราพยายามอย่างเต็มที่ในการหาเงิน
หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ
ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้
โดยไม่ต้องรออนาคต
ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลง
จนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นมีเกินอยู่อีกเท่าตัว
มีเกินพอสำหรับเรา และ พอที่จะแบ่งให้คนอื่นเมื่อเราเต็ม
เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้คนที่เรารัก
ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง
การลดขนาดของแก้วน้ำก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ
ความรู้สึก ความคิดของเราแต่และขณะที่เรารู้ทันใจเราที่อยากได้
อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงาน
ไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว
แหล่งที่มา : http://www.tamdee.net
--
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น