เฉลิมชัย
เฉลิมชัย
โฆษิตพิพัฒน
โฆษิตพิพัฒน
“
ชีวิตนี้มีแตสุข
ชีวิตนี้มีแตสุข”
ในยุคนี้นอยคนนักที่จะไมรูจักเฉลิมชัย โฆษิต
พิพัฒน ศิลปนผูยิ่งใหญ เจาของตํานานพูดไปดาไป
อันลือลั่น การที่คนคนหนึ่งซึ่งดูดุดัน กาวราว จะ
สามารถบรรจงสรางงานศิลปะที่ออนชอย งดงามราว
เนรมิตไดนั้น มีความพิเศษที่ไมเหมือนใคร เรามารูจัก
ตัวตนของเขาใหลึกซึ้งกวาที่เคยกันดีกวา
ขอเริ่มดวยความสําเร็จของอาจารยในวันนี้วามีที่มา
อยางไร
มีธรรมะและสติเปนธงชัยนําชีวิต รูตลอดเวลาวาเรา
กําลังทําอะไร ไมหวังจะกอบโกย รักในสิ่งที่ทํา มุงมั่นตั้งใจ
จริง ธรรมะสอนใหมีเปาหมาย ทําใหเราสามารถดํารงชีวิต
Page 2
รวมกับผูอื่นในโลกนี้อยางปราศจากทุกข เมื่อปราศจากทุกข
แลว เราจะมีความเมตตาตอเพื่อนมนุษย รูจักใหเกียรติผูอื่น
ทําใหเจริญกาวหนา ทําอะไรก็สําเร็จ
ทราบมาวาที่วัดนี้มีพนักงานเปนรอย แตไมมีปญหาใน
การทํางาน อาจารยมีหลักในการบริหารจัดการ
อยางไร
งาย! ใจตองเปนธรรมะมากที่สุด ใจตองไมมุงหวังให
เปนของกู ไมเอาเปรียบผูอื่น วัดนี้ไมเคยมีปญหา ไมมีใคร
ยายไปทํางานที่อื่น ไมมีใครทอดทิ้งเรา ทุกคนอยูกันดี ทุก
คนตองอิ่ม ครอบครัวเขาตองมีความสุข สวัสดิการเขาตองดี
ชีวิตครอบครัวเขาตองดี ใจที่เปนเมตตานั่นคือการบริหารที่ดี
ที่สุด
สวัสดิการมีอะไรบาง
ใหทุกอยาง ใหโบนัสเหมือนที่อื่น มีเงินใหยืมฟรีใน
กรณีฉุกเฉิน ที่นี่เราประชุมกันทุกเดือน หลังจากประชุมเสร็จ
ก็จะถามถึงปญหาครอบครัว ใครมีปญหาบอกมา ลูกเรียน
หนังสือฟรี รักษาพยาบาลฟรี อยูดีกินดี ไมตองเสียคาน้ําคา
ไฟ รักษาโรคทุกอยาง ตายเผาให ที่นี่เลี้ยงจนตายไมมี
เกษียณอายุ แกลงก็กวาดใบไมไป นี่ตายมา 3 คนแลว เราก็
เผาให ไมใชแคลูกศิษยเรา ชาวบานเราก็ทําให ฟรีหมด รถ
ขนศพ อาสนะ ไมตองเสียเงินสักบาท ไมวาใครตาย ไมวา
ยากดีมีจน เราจายให ศพละประมาณสองพันบาท อีกหนอย
เมรุเสร็จ คนงานก็เผาที่นี่เลย เผาฟรี
อาจารยกําหนดเงินเดือน เงินโบนัสอยางไร
พนักงานเขากําหนดของเขาเอง ประชุมกันเอง เรา
สอนเขาในเรื่องคุณธรรม ไมเห็นแกได ไมเห็นแกตัว สอน
มัชฌิมาปฏิปทา สอนธรรมะทุกอาทิตย สอนมาเปนสิบๆ ป
Page 3
ตั้งแตมันเปนคนชั่ว กระทั่งเปนคนดี ขี้เหลาเมายา สําสอน
เลว กลายเปนคนดีหมด เปนคนชอบเลี้ยงคนเลวใหเปนคนดี
ที่นี่พนักงานจะมีอํานาจในการตัดสินใจ ไมวาจะเปน
การขึ้นเงินเดือนหรืออะไร หัวหนาฝายรวม 13 ฝาย เราสอน
เขาเรื่องประชาธิปไตย การบริหารวัด สอนหมด ผูจัดการ
ควรทําอะไร ผูชวยผูจัดการทําอะไร เลขาฯทําอะไร หัวหนา
ฝายทําอะไร คนลางหองสวม คนสวน สอนเองหมด แลวทํา
ใหดูดวย ฝายประชาสัมพันธนี่สอนตั้งแตพูดไมโครโฟน เริ่ม
จากจดใหแลวบอก “มึงมานั่งขางกู กูพูดใหมึงฟง แลวมึง
พูดตาม สอนๆๆ จนเดี๋ยวนี้มันเกงชิ_หาย ทุกอยางสอนตัว
ตอตัว จบป.6-ป.4 ก็พอ ไมตองเรียนจบสถาบันไหน มึงมา
เรียนกับกู”
วิธีสอนตองสอนดวยความเมตตา สอนดวยการทําเปน
ตัวอยาง ไมไดสั่งอยางเดียว เราทําทุกอยางในวัดนี้ เช็ดถู
พื้น กวาดขยะ กวาดใบไม ทําจนพวกมันเกรงใจ เมื่อกอน
ตองใสหมวกเดินแทงขยะทั่ววัด ไมพูดสักคํา แทงขยะ แทง
ใบไมคนเดียว จนเดี๋ยวนี้ลูกศิษยเห็นใบไมหลนอยูใบเดียวก็
เก็บ เห็นเราจับไมกวาดมันวิ่งมาแยง ไมเคยตองถือไมกวาด
เลยตอนนี้หาอะไรเก็บไมไดเลย
เลิกงานแลวพายุมา มันวิ่งกันมาหมดเลย มาจากบาน
มาเก็บเต็นท เก็บของ กวาดใบไมที่ปลิว ถาฝนตกกลางคืน
ตีหามาดูเลย ออกมายี่สิบสามสิบคน มากวาดใบไมหมด
ภายในพริบตา นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญที่สุดในการบริหารจัดการ
คน บริหารจนความรูสึกในใจเขาเหมือนเรา มีความรักวัด
เหมือนกัน มีความรับผิดชอบเหมือนกัน มีความปรารถนาให
ความงดงามแกประชาชนเหมือนกัน
สอนมันวา “บุญของมึงอยูใกลกวาคนอื่น มึงเก็บใบไม
ใบหนึ่ง มึงเก็บขยะชิ้นหนึ่ง มึงดูแลวัดดวยความเปนหวงเปน
ใยก็เปนบุญของมึง มึงบริการประชาชนที่มาก็บุญของมึง
มนุษยคนอื่นสูมึงไมไดเพราะตองแสวงหาบุญ แตบุญของ
พวกมึงอยูใกลมึงตลอดเวลา”
Page 4
เงินเดือนคือสัมภาระของชีวิต แตบุญคือสัมภาระของ
จิตวิญญาณ ตองแสวงหาเอง
แลวภายในครอบครัวของอาจารยมีหลักในการจัดสรร
เงินอยางไร
สิ่งที่สําคัญที่สุดคืออยาเปนหนี้ หาไดเทาไรก็ใชแบบ
พอเพียง รูจักแบงสันปนสวน จะตองมีเงินเหลือติดกระเปา
ทุกครั้ง อยาใชจนหมดตูด เวลายากจนเนี่ย หาเงินไมได
จริงๆ ก็อด ไมกิน บางครั้ง ก็กินขาวกับน้ําปลา พอมีเงินตอง
มีเก็บและตองไมเปนหนี้ เมื่อกอน ประกวดผลงานไดเงิน
รางวัลมาหมื่นหา แทนที่จะเอามาเลี้ยงกัน นี่ไมเอา ไมเลี้ยง
ใคร เลี้ยงเพื่อนสนิทจริงๆ สองสามคน อยางเกง เลี้ยงขาว
สองสามรอยบาท ประเภทเลี้ยงเหลาเมาหัวราน้ําหมดไปหา
พัน อยาฝน ไมทํา เพราะวันขางหนาไมรูวาจะมีหรือเปลา
ตอนยากจน โคตรระวังในการใชเงิน จะใชเงินแบบวัน
ขางหนาอาจจะอด พอรวยแลวก็ยังเปนอยางนั้น จนกระทั่งรู
วาวันขางหนาไมอดแลว ไมจําเปนตองระวังแลว ก็สุรุยสุราย
ขึ้นมาบาง แตก็ยังเก็บเงิน ตอใหเที่ยวสําสอนขนาดไหนก็มี
เงินเก็บ ถาเราตาย เมียจะดูแลทุกอยางหมด ไมเคยเก็บเงิน
ใชสวนตัวแมแตบาทเดียว มีชีวิตที่เรียบงายที่สุด กินขาววัด
กินพรอมลูกศิษย มันเคาะระฆังก็ไปกินกับมัน ไมใชเงิน
ดูแลครอบครัวกอน จากนั้นทําบุญสรางวัดหมดเลย
อาจารยมีวิธีสอนลูกอยางไร
กับลูกสอนประจําวา “จงมีความสุข” ไมมีคําสอนอะไร
ที่มากกวานี้ ทุกอยางเปนไปตามกรรม ใหเขาทําทุกอยางที่
เขามีความสุข แตไมตองเบียดเบียนใคร
ทุกวันนี้สังคมไทยชอบพอกพูนกิเลสใหแกลูก เด็กถูก
พอแม ถูกสังคมยัดกิเลสใหไมรูจักพอ อยากได อยากดี
อยากเดน อยากทุกอยาง แตเราหยิบยื่นความสุขใหแกลูก
บอกเขาวาไมตองเครงเครียดในการเรียนมาก ไมเคี่ยวเข็ญ
Page 5
ลูก ไมจําเปนตองไดที่หนึ่ง แตจงเรียนอยางมีความสุข ให
ผาน ใหรอดพอ ขางหนาจะเปนยังไงลูกไมตองใฝฝน ไม
ตองอยากเปนหมอ ไมตองอยากเปนอะไรที่คนอื่นเขาอยาก
เปน ลูกจงถามใจของตัวเองวาลูกปรารถนาอะไรที่เปน
ความสุข แลวจงทําสิ่งนั้น ลูกไมตองไปสนใจวาอาชีพอะไร
ที่ทําใหลูกร่ํารวย อยานึกถึงความร่ํารวย จงนึกถึงความสุข
ในใจของตัวเอง แลวจงทํามัน ไดเงินนอยไมเปนไร แต
ความสุขมีคามากกวา
จงแสวงหาเงินเพื่อเลี้ยงชีวิตใหมีความสุข แต
ไมใชแสวงหาความร่ํารวยแลวทุกข
เสียชาติเกิด
แลวสอนใหเขารูจักความทุกขดวยหรือเปลา
แนนอน เมื่อเขามีความสุขแลวเราก็จะพูดถึงความทุกข
ทันที จะบอกเขาวา ขณะนี้ลูกมีความสุข แตลูกจะตองมี
ความทุกขตามมา เปนตนวา ทุกขเมื่อเสียของรัก ถูกเพื่อน
ขโมยของ หรือโตขึ้นมามีแฟนแลวแฟนทิ้ง เมื่อลูกมี
ความสุข จะพูดถึงความทุกขใหฟงดวย ไปงานศพตองพูด
ใครตายตองพูด เพื่อใหเห็นการพลัดพราก ยิ่งเพื่อนตายยิ่ง
ดีเลย เขาจะไดรูจักวา ดีเลว สุขทุกข คูกันเสมอ
แลวตัวอาจารยเอง สมัยวัยรุนเปนอยางไร
เราก็บาบอคอแตกของเราไป กินเหลาเมายา เที่ยวสํา
สอน แตโชคดีที่มีธรรมะมาตั้งแตเกิด เพียงแตมนุษยตอง
เปนไปตามวัย แตวาเรารูตัวตลอด เราบอกตัวเองวา
ตองการรูถึงความเลวเพื่อปลอยวางในอนาคต
Page 6
อาจารยเคยลองเสพยาไหม
ลองทุกอยาง กัญชา ยากลอมประสาท อยากรูวามัน
เปนยังไง แตไมติด เพราะตองการศึกษา ตองการเรียนรู
ไมไดหลงใหลไปกับมัน แตเด็กที่ออนแอ ไมมีธรรมะนั้น
อยาแตะตองสิ่งเหลานี้ เพราะมันไมมีเปาหมายอยางเรา วา
วันหนึ่งขางหนากูตองเปนคนดีคนที่ออนแอ พอเสพก็ติด
หลงใหลไปเลย แตเรารูจักเบรก มีสติ
รูสึกวาตัวเองมีธรรมะตั้งแตเมื่อไร
ตอนแรกไมรูหรอกวาเรามีธรรมะ แตวามันถูกสติเบรก
ตลอดเวลา เชนเมื่อวันที่เมาที่สุด กลับมาบานตอนตีสามตีสี่
นาจะมีความสุขกับสิ่งที่เสพมาทั้งหมด กินเหลา มีผูหญิง
สวยๆ คิดดูสิ มันนาจะมีความสุขใชไหม กลับมาบานแฮง
เมาชิ_หาย นอนเอนหลังอยูบนเตียง จิตมันถามเลยวา “
ไอ
เหลิม มึงสุขเหรอ มึงสุขจริงเหรอวะ
” เมื่อมีคําถาม เราถึงมี
ความรูสึกวา “
กูไมไดสุข กูเปนทุกข หนึ่ง กูปวดหัว สอง
พรุงนี้กูตองมีปญหากับผูหญิงแน ตองมีเรื่องวุนวายกับสิ่งที่
กูกระทําเมื่อคืนนี้ กูไมไดสุขเลย กูหลอกลวงตัวกูเอง
” การ
ตอบตัวเองนําไปสูการเรียนธรรมะ เริ่มจากการอานงานเขียน
ของอาจารยพุทธทาส “
คูมือมนุษย
”
หลังจากเหตุการณนั้นเลยรูวา เฮย! ในใจกูมีธรรมะนี่
หวา
ทําไมถึงเลือกศึกษาธรรมะของทานพุทธทาส
เพราะเราไมเชื่อเรื่องไรสาระ เราเชื่อเรื่องเหตุและผล
บังเอิญมีหนังสือ
คูมือมนุษย
อยูแลวที่บาน แตไมเคยอาน มี
หนังสือธรรมะอยูเต็มบาน เมื่อป 2525 ศึกษามาหมดนะ
ศึกษามโนมยิทธิ ศึกษาพระธรรมกาย ศึกษายุบหนอพอง
หนอ ศึกษาทุกสาย เพื่อมุงหวังไปสูไสยศาสตร เดิมทีสนใจ
เรื่องพวกนี้ แตปรากฏวาไมประสบความสําเร็จ ก็ละวางหมด
Page 7
อาจารยเชื่อเรื่องชาติภพไหม
เชื่อมาก และเชื่อวาธรรมะปฏิบัติในภพชาตินี้จําเปน
อยางยิ่งที่จะนําไปสูภพชาติที่เราปรารถนา ตอนนั้นศึกษา
ธรรมะของอาจารยพุทธทาสจนเขาใจ เมื่อเขาใจก็เริ่มดวย
การฆากิเลสในใจตัวเอง คือ กาวขามกระโดดไปสูการฆา
กิเลสในใจตัวเอง ฝกละกิเลส ตั้งแตความโลภ ความอิจฉา
ริษยา ความหลง ยึดมั่นถือมั่น ทุกอยาง
มีขั้นตอนไหมวาตองเริ่มละกิเลสตัวไหนกอน
เริ่มจากตัวที่งายที่สุดกอนเพื่อเปนกําลังใจ สําหรับ
ตัวเองที่งายที่สุดคือ ฆาเรื่องวัตถุ บาบอคอแตก ความบา
เพชร บาพลอย ฆาวัตถุ นําไปสูการฆาความหลง ความยึด
มั่นถือมั่น เหลานี้ฆากอน เพราะมันเปนตัวออนที่สุดของตัว
เรา แตบางทีมันเปนตัวแข็งที่สุดของคนอื่น
ฝกตัวเองใหกินเหลานอยลง กินอยางมีสติ เจอผูหญิง
สวย ชอบ แตหยุดยั้งตัวเอง ไมลามปามไปสูการเอาเปรียบ
ผูอื่น บางคนสวยมาก ทนไมได พาไปกินขาว กินขาวแลว
ไมเอา ถึงแมผูหญิงจะใหโอกาสก็ไมทํา สติเบรกตลอดเวลา
ไมทําอะไรที่ลวงเกินกาวขามไปสูสิ่งที่ผิดศีลธรรม
ตอนหลังถอดเครื่องเพชร ถอดนาฬิกาแพงๆ ทิ้ง ไมซื้อ
อีก ไมปรารถนา ใสเสื้อมอฮอม ในขณะที่เมื่อกอนไปออก
งานที่ไหนไมใสเครื่องเพชรไมได ทุกคนยังไมเชื่อ หาวา
ตอแหล เดี๋ยวมันก็กลับมาใสอีก
สําหรับอาจารย กิเลสตัวไหนฆายากที่สุด
ความโกรธ ความโกรธนี่ยากที่สุด อันนี้ฝกฆามาตลอด
จนเดี๋ยวนี้ ตั้งแตอยูวัดมา
สี่ปแรกก็ยังมีความโกรธ มีความไมพอใจ สติหยุดความ
โกรธไดชา แตไมเหมือนสมัยหนุมนะ สมัยหนุมเนี่ย
โหดเหี้ยมมาก ตัวนี้ยากที่สุด เหลืออยูตัวเดียว ทุกวันนี้ก็
Page 8
พยายามแก แตเดี๋ยวนี้ดีขึ้นมาก สามปหลังนี้ดีมาก ไมเคย
โกรธ หรือถาโกรธขึ้นมาก็หยุดยั้งไดเร็วกวาแตกอน
กับคนที่เรารักนี่โกรธไหม
โกรธหมด รักเริกอะไร โกรธหมด ไมพอใจกูโกรธหมด
ตัวนี้ฆามันทุกวัน ฆามันทั้งภายนอกภายใน เมื่อภายนอกเกิด
ความโกรธ สติตองกําหนดวา มึงโกรธแลว หยุดความโกรธ
คําสั่งจะออก แตเมื่อกอนนี้คําสั่งออก ทําเลย ไมสน กะซวก
ทันทีเลย
ตอนหลังนั่งสมาธิ ยอนรอบ ชอบนั่งสมาธิตอนตีสองตี
สาม มันจะยอนใหเราเห็น ภาพอยางละเอียด ทําไมกูยั้งไม
อยู จิตกูทําไมพายแพกับมัน จะเห็นภาพชัดมาก เอาละ รอบ
หนา เราจะยั้งดวยวิธีอะไร อยางนี้เขาเรียกวาแกภายนอก
แลวแกภายใน แตถาไมแกภายใน ภายนอกยังไงก็แกไมได
เคยอานหนังสือเลมหนึ่งบอกวา กอนตายถาจิต
สุดทายคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เคยทํามา แมจะเคยทําชั่วมา
บาง แตถาจิตสุดทายกระหวัดไปถึงบุญกุศล ก็จะทํา
ใหไมตองไปเกิดในอบายภูมิ อาจารยเชื่ออยางนั้น
หรือเปลา
การฝกวิปสสนาฆากิเลสของตัวเองก็เพื่อมุงไปจิต
สุดทายนี่แหละ เราจะไดไมตองไปกระซิบขางหูคนที่กําลัง
จะตายใหคิดถึงวัด คิดถึงบุญกุศล เพราะเอาเขาจริงมันคิด
ไมไดหรอก ตัวกิเลสมันมีอํานาจมากกวา ความหวงผัว หวง
ทรัพยสมบัติ
ความกลัวตายมันมากกวา กูจะตายจริงเหรอ
โอย! กูไมอยากตาย กูไมอยากตาย หลานกูยังเล็กอยู ผัวกู
มันตองไปมีเมียนอยแน สมบัติที่ซอนไวยังไมไดบอกใคร
อยากจะพูด อยากจะบอกสารพัด คิดเหรอวาความคิดที่เพิ่ง
ไปทําบุญมาสามรอยหาสิบบาทมันจะแวบขึ้นมา ไมมีทาง
ดังนั้นตองฝกเพื่อที่วากอนตายจะไดคิดเรื่องดีๆ
หรือไมคิดเลย ซึ่งสุดยอด ตองฝกใหไปสูจุดนั้น
Page 9
พูดถึงสุขภาพอาจารยบาง เปนอยางไร ตรวจเช็คบาง
หรือเปลา
ไมตองเช็ค คนที่มีธรรมะแลวเขาไมอยากอยูในโลกนี้
หรอก สําหรับตัวเองเมื่อปวย บอกคนใกลชิดไวแลววาอยา
เปนกังวล จงปลอยใหตายอยาเอาหนากากมายัด อยาเอา
สายระโยงระยางมายัด จะทําอาการสํารวมสงบแลวตาย จะ
เขาสมาธิใหอยูในความวางแลวตาย ถารางกายไมดีเมื่อไหร
จะเขาสมาธิ พักผอน ไมกินยา ก็หายทุกที ยกเวนโรคอยาง
มะเร็ง อัมพาต หรืออะไรที่สูงๆ นี่เปนกรรม ตองยอมรับดวย
ความเบิกบาน ถือเปนการชดใชกันไป เมื่อปวยก็จะเปนสุข
ไดยินวาอาจารยเคยมีปญหาสุขภาพถึงขนาดจะสราง
วัดไมสําเร็จจนตองตั้งจิตอธิษฐาน
เปนกระดูกทับเสนประสาท เดี้ยง ชาทั้งตัว ปวด
ทํางานไมได ตอนนั้นสรางวัดมาได สักสามป เดี้ยงหมดเลย
นอนเจ็บทรมาน ไปหาหมอ หมอก็บอกตองผาคอ ชาไปขาง
หนึ่งแลวเจ็บปวดทั้งตัว ปวดแขนราวลงมา คอก็ยกไมขึ้น
นอนไดทาเดียวตลอด ตองใสปลอกคอ
แตวาเราเปนคนที่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อวา เฮย! เปนเรื่อง
สวนตัวของกู ถามีกรรมทําใหไมสามารถสรางวัดได จงเปน
แลวตายไป หรือเปนอัมพาตเดี้ยงไปเลย แตถาบุญกูยังมีอยู
กูตองชนะ กูตองรอด เลือกเลย ยินดีทั้งสองทาง ยินดีใน
บุญ ยินดีในกรรม ยินดีในทุกขที่เกิดขึ้น ยินดีในสุขที่เกิดขึ้น
ยินดีทั้งสองอยางเทาเทียมกัน เสร็จแลวกลับมาวัด
เขาสมาธิ อดทนตอสูกับความเจ็บปวดของตัวเองอยูสาม
เดือน เอาชนะความเจ็บปวดทุกอยางดวยตัวเราเอง
จนกระทั่งหายเปนปลิดทิ้ง
Page 10
ไมไปหาหมอ
ไปหาหมอ หมอจะผา หมอจะจัดการทุกอยางตาม
ระบบของแพทย แตเราก็หลอกหมอวา ขอกลับบานมาคิด
ดูกอน
เชื่อวามันเปนสภาวะของกรรมซึ่งเขามาทดสอบใจเรา
รูเลยวานี่เปนเรื่องระหวางกูกับกรรมเกา ไมเกี่ยวกับหมอ ไม
เกี่ยวกับใคร
ตอนนั้นกลัวไหมวาจะสรางวัดไมเสร็จ
ไม สรางได เรื่องทุกอยางมันอยูที่ใจ
ถาเราเชื่อในตัว
เรา เชื่อวาธรรมะเปนสิ่งที่ดีที่สุดแลว เปนหนทางที่ถูกตอง
ที่สุดแลว ชีวิตเราจะมีแตความสุข โคตรความสุข
เราจะ
มองวาสรรพสิ่งสรรพสัตวในโลกลวนกระจอกงอกงอย ไร
สาระ ไมมีอะไรเปนแกนสาร โลกมนุษยนี้กูเดินทางมาแค
แวบเดียว เพื่อมาดูมันแลวกูก็จะไป มันไมมีคาอะไรเลยสัก
อยาง ปวยก็ไมอยากใหใครมายุงเกี่ยว
เปนอัมพาตอัม
พฤกษกูก็ยินดี กูจะนั่งรถเข็นดวยใจที่เบิกบาน บอกเมีย
เตรียมรถเข็นไวเลย ไมตองหวง ถาเดี้ยงก็จะบอกลูกศิษย
ลูกหาใหเข็นมาดูวัด แลวกูสั่งการมึง กูนั่งรถเข็น กูเดี้ยงขาง
หนึ่ง ถึงปากกูเบี้ยวหนากูยังยิ้ม
(ทําทาประกอบสมจริงมาก)
กูก็ยังมีความสุข แลวกูก็ปวยไปเรื่อยๆ แลวกูก็ตาย
จบที่สุด
ของวิบากกรรม ไมเห็นเปนไรเลย วัดนี่สรางไดอยูดี
แลวอาจารยหายไดอยางไร
นั่งสมาธิอยางเดียว นั่งมากที่สุด เปนความวางอยาง
เดียว ดับสมอง ดับทุกอยาง แลวก็จี้ไปตรงความเจ็บปวด
จนกระทั่งไรความเจ็บปวด เวลาออกสมาธิกลับมาปวดอยาง
เดิม ก็ไมเปนไร ไมสน ไมไปจองที่ความเจ็บปวด ไมไปคิด
วา “ทําไมกูถึงมีกรรมขนาดนี้” ทนรับกรรมดวยความเบิก
บาน ไมหดหูใจ ไมเศราหมอง ไมเสียใจ ไมรูสึกรําคาญ ไม
Page 11
อยากฆาตัวตาย พอเรายินดีเบิกบานในความเจ็บปวด ความ
เจ็บปวดนั้นก็เบาลง
จําไววา คนที่สุขจริงคือสุขไดแมกายเปนทุกข สองสิ่ง
นี้คูกันเสมอ ฉะนั้น จงยินดีรับทุกขที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
เทากับยินดีในสุขที่เกิดขึ้น
ในการสรางวัดรองขุน คนพูดกันวามีปาฏิหาริยหรือมี
เทวดามาชวย อาจารยรูสึกแบบนั้นหรือเปลา
อยาไปสนใจ ไรสาระ บุญถึงมันก็สรางได บุญคืออะไร
คือธรรมะในใจของตัวเราเอง คือมีความเมตตา นําไปสู
ความสําเร็จทุกอยาง ประหนึ่งเทวดามาดูแลปกปกรักษา มา
คุมครองคุมภัย มนุษยถาสรางบุญมาก ทําอะไรก็สําเร็จ
งายดาย
จุดประสงคที่อาจารยสรางวัดรองขุน แทจริงแลวคือ
อะไร
ภายนอกเปนเรื่องของรูปธรรม วาสรางเพื่อค้ําจุน
ศาสนา เพื่อที่จะมอบใหแกชาติบานเมือง และเพื่อถวาย
พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ใหเปนศิลปะสมัยรัชกาลที่ 9
ที่ไม ลอกเลียนใคร เปนความกตัญูในบานเกิด ตองการ
ใหเกิดประโยชนในแงของเศรษฐกิจ ใหเปนแหลงทองเที่ยว
ที่ใหญระดับโลก
สวนภายในเปนเรื่องนามธรรม เพื่อเปนสัมภาระในการ
เดินทางของจิตวิญญาณไปสูสภาวะแหงการไมกลับมาเกิด
สมมุติถาเกิดอะไรขึ้นกับวัด อาจารยทําใจไดหรือ
ศึกษาธรรมะมาขนาดนี้ จะไปยึดมั่นอะไรเลา สรางก็
สรางไป ตายก็ตายไป ก็บอกแลววาความตายก็ไมสนใจ จะ
สนใจวัตถุพวกนี้ไดไง มันไมมีคาอะไร คาเหลานี้มันเปนคา
จากการปรุงแตงของมนุษยตัวอื่น ไมใชสัตวอยางกู ชวย
เขียนไปดวย มนุษยตัวอื่นมันยินดี มันยึดติดถือมั่น แตคน
Page 12
อยางเราไมใช เราสรางเพื่อปลอยวาง สรางเพื่อฆากิเลส
ของตัวเอง สรางเพื่อเปนสารประโยชนแกมวลมนุษยชาติที่
มันยังยึดติดและหลงใหลในสิ่งนี้อยู
จากจุดนี้แลวอาจารยตั้งใจจะทําอะไรตอคะ
สรางความเมตตาใหแกกลา หยิบยื่นทุกอยางใหแก
ประชาชน ประเทศชาติ และศาสนา จะทําประโยชนใหแก
มนุษยคนอื่นจนลมหายใจสุดทาย เมตตาคือสิ่งที่สูงที่สุด
ของบุญบารมี นี่คือการสรางบุญบารมีในรอบสุดทายของ
ตัวเอง
วาไปแลวก็เปนการทําเพื่อหลุดพนของตัวเอง แปลวา
ยังมีตัณหาใชหรือไม
ใชสิ ตองเขาใจวาตัณหาของมนุษยมีทั้งฝายดีแหละ
ฝายเลว ฝายดีตองมีความทะเยอทะยาน มุงไปสูความหลุด
พน ถาไมมีตัณหา จะพยายามเหรอ ทุกอยางมันตองมี
ตัณหาหมด เขาเรียกวาตัณหาฝายดี กอนหลุดพนตองมี
ตัณหาทั้งนั้น ตัณหาในที่นี้คือมีความอยากที่จะหลุดพน คน
ไมมีความมุงมั่น ไมอยาก มันจะเปนอะไรได ไมงั้นจะมี
ศาสดามาไดไง จะมีผูหลุดพนมาไดไง
การเปนมนุษยมันดีตรงนี้ สัตวมันไมมีความมุงมั่น ไมมี
แรงทะเยอทะยาน การเกิดเปนมนุษยจึงเปนการพัฒนา
ธรรมะของตัวเอง พัฒนาภพชาติของตัวเอง การไดเกิดเปน
มนุษยนั้นโชคดีที่สุด เพราะมนุษยมีความทะเยอทะยาน มี
เปาหมาย
บั้นปลายชีวิตอาจารยคิดจะบวชไหม
ไมตองการบวช เพราะเชื่อวาไมตองบวชก็สามารถละ
ภพชาติได เราบวชภายใน ไมตองบวชภายนอก เราอยู
รวมกับผูอื่นอยางมีความสุข ชวยเหลือ เมตตา ไม
Page 13
เบียดเบียนผูอื่น ไมเอารัดเอาเปรียบใคร ทําหนาที่ของเรา
ใหดีที่สุดอยางมีคุณธรรม
คําถามสุดทาย อาจารยคิดวาตัวเองเปนอัจฉริยะหรือ
เปลา
ไมเลย อัจฉริยะเปนเพียงคําจํากัดความของคนที่
เหนือกวาผูอื่น เราไมไดเหนือกวาผูอื่น เรามองคาของใจ
มากกวาวัตถุ ไมมองวัตถุเหนือใจ คนอาจมองวาเรา
เหนือกวาคนอื่นในเรื่องวัตถุ แตเรากลับเห็นวาตัวเอง
กระจอก ไมมีคาเลย ใจของเราที่ตอสูมา ที่ฝกฝนมานั้น
สําคัญกวา
วัตถุเดี๋ยวนี้ผุพังไปตามกาลเวลา มันไมคนทน
ไมไดงดงามอยางนี้ไปตลอด สุดทายมันเปนอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา เปนของไมเที่ยง แตสิ่งสําคัญคือใจเรา
ดังนั้นใครจะ
บอกเปนอัจฉริยะอะไร ไมสนใจ ไมเคยเยอหยิ่งทรนงวา
พิเศษเหนือกวาคนอื่น
สิ่งเดียวที่พิเศษกวาคือ “กูไมมีทุกข”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น