สรรพคุณ...
บรรเทาอาการวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย เหนื่อยล้า ลมจะใส่
เพราะทำงานหนักแต่ได้เงินน้อย หรือค้าขายไม่รวย ค้าขายไม่ดี
ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มีอาการปรับตัวยาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง
หนี้สินพะรุงพะรัง หรือที่รวยแล้วเกิดอาการอยากรวยเพิ่มขึ้น
การบริจาคทาน การทำบุญด้วยทรัพย์และปัจจัย 4 นอกจากจะมีอานิสงส์โดยตรง
คือ ทำให้ชาตินี้และภพชาติเบื้องหน้ามั่งคั่งร่ำรวยไปด้วยโภคทรัพย์สมบัติ
แต่นิสัยที่ถูกสั่งสมขึ้นจากการบริจาคทานถี่ๆและทำบุญอย่างสุดกำลังบ่อยๆ จะทำให้เรามีอัธยาศัยไม่โลภ
ตัดความตระหนี่ออกจากใจได้ง่าย ไม่คิดอยากได้สิ่งของ ของผู้อื่นมาเป็นของตน
มักน้อย สันโดษ ไม่มีลับลมคมใน ซื่อสัตย์ ใจกว้าง ปลอดกังวลในเรื่องทรัพย์ได้ง่าย
และมีสภาพจิตใจที่ไม่ติดอะไรเลย ทำให้เวลานั่งสมาธิใจจะรวมหยุดนิ่งได้เร็ว จิตใจจะปลอดโปร่ง
ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรจนเกินเหตุ สามารถอดทนต่อความพลัดพรากจากของรักได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ทำให้มีนิสัยสลัดตนออกจากภพได้ง่าย
หากเราได้ทำบุญกับพระที่ปฎิบัติดี ก็เท่ากับว่าผู้รับมีความบริสุทธิ์ บุญก็จะส่งผลกับเรามากและเร็ว
ดังข้อความที่ปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก ( เล่มที่ 14 ข้อ 711 และเล่มที่ 23 ข้อ 224 )
ซึ่งสรุปได้ว่า ยิ่งเราทำบุญกับผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็จะได้บุญมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งเปรียบให้เข้าใจง่ายๆดังนี้
ทำบุญกับสัตว์เดรัจฉาน ได้บุญ 100 หน่วย
ทำบุญกับคนไม่มีศีล ได้บุญ 1,000 หน่วย
ทำบุญกับคนมีศีล 5 ได้บุญ 10,000 หน่วย
ทำบุญกับคนมีศีลอุโบสถ (ศีล 8) ได้บุญ 100,000 หน่วย
ทำบุญกับสมมุติสงฆ์ (พระที่ถือศีลครบ 227 ข้อ) ได้บุญ 1,000,000 หน่วย
ทำบุญกับพระโสดาบัน ได้บุญ 100 ล้านหน่วย
ทำบุญกับพระสกิทามี ได้บุญ 10,000 ล้านหน่วย
ทำบุญกับพระอนาคามี ได้บุญ 1,000,000 ล้านหน่วย
ทำบุญกับพระอรหันต์ ได้บุญ 100,000,000 ล้านหน่วย
ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้บุญ 10,000,000,000 ล้านหน่วย
ทำบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บุญ 1,000,000,000,000 ล้านหน่วย
ทำบุญถวายสังฆทานกับคณะสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ได้บุญมากกว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้า 100 เท่า
ทำบุญสร้างวิหารทาน ได้บุญมากกว่าทำบุญสังฆทานกับคณะสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 เท่า
จะเห็นได้ว่า การให้ทานกับใครก็ตาม แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ขอทาน หรือคนไม่มีศีล
หากเราให้ด้วยใจบริสุทธิ์ อยากช่วยเหลือ เราก็ได้บุญทั้งนั้น เพียงแต่ปริมาณของบุญที่ได้ไม่เท่ากันครับ
วิหารทาน หมายถึง สิ่งก่อสร้าง เช่น กุฎิ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ห้องสุขา เป็นต้น
บุญจะมีอานุภาพดึงดูดสิ่งดีๆโอกาสดีๆ รวมทั้งโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลายให้บังเกิดขึ้น อย่างอัศจรรย์
และจะไปตัดรอนวิบากกรรม สิ่งผิดพลาดในชีวิตที่เคยทำมา รวมทั้งอุปสรรคต่างๆนาๆในชีวิต
ทุกข์ โศก โรค ภัย และสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่กำลังเผชิญอยู่ให้มลายเบาบางหายสูญ
คนเราหากไม่เติมบุญ บุญที่มีอยู่ย่อมหมดลงสักวันหนึ่ง ช่วงไหนบุญเรามากหรือบุญเก่าทำมาดี เกิดมาในกองเงินกองทอง
มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ช่วงไหนบุญหมดหรือบุญน้อยลง สิ่งดีๆทุกสิ่งทุกอย่างจะพลัดพรากจากไป
ปัญหาและอุปสรรคต่างๆก็จะเข้ามารุมเร้า...
"ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลังบุญ มีบุญอย่างเดียวอะไรๆก็สำเร็จหมด"
ปุญญัง..โจเรหิ ทูหรัง
ขึ้นชื่อว่าบุญโจรไม่สามารถนำไปได้...โจรไม่สามารถโขมยได้..ปล้นได้
น้ำไม่สามารถพัดหรือท่วมทับได้....ไฟไม่สามารถเผาทำลายได้....
เพราะบุญเป็นของเฉพาะตัวเฉพาะตน...คนใหนทำคนนั้นได้
อคฺคสฺมึ ทานํ ททตํ อคฺคํ ปุญฺญํ ปวทฺฒติ
อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ
เมื่อให้ทานในวัตถุอันเลิศ บุญอันเลิศ อายุ
วรรณะ ยศ เกียรติ สุข และ กำลังอันเลิศ ก็เจริญ
อคฺคทายี วรทายี เสฏฺฐทายี จ โย นโร
ทีฆายุ ยสวา โหติ ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชติ
ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ให้สิ่งที่ดี ให้สิ่งที่ประเสริฐ
ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศ ในภพที่ตนเกิด
ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ
มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ
ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้
เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร
เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ
ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด
ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น
โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ
อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ
ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง
ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ
อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท
ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท
ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ
ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
อเทยฺเยสุ อททํ ทานํ เทยฺเยสุ โย ปเวจฺฉติ
อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต สหายํ อธิคจฺฉติ
ผู้ใดไม่ให้ทานในคนที่ไม่ควรให้ แต่ให้ทานในคนที่ควรให้
เมื่อประสบปัญหา ย่อมได้พบผู้ช่วยเหลือ
แหล่งที่มา
http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=2&qid=2614
nice blgo
ตอบลบ