โรคอัลไซเมอร์เป็นอาการสมองเสื่อมเกิดจากการตายของเซลล์สมอง และเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หลังมีอาการและไม่ได้รับการรักษาความจำเสื่อมจะรุนแรงและเสียชีวิตลงภายใน 8 ปี หากได้รับการรักษาอาจอยู่ได้ถึง 20 ปี
อาการระยะแรกๆ จะขี้หลงขี้ลืมเล็กๆน้อยๆ มีพฤติกรรมและบุคลิกเปลี่ยนไป เช่นลืมของที่ใช้เป็นประจำ นึกคำพูดไม่ออก สับสนเรื่องเวลา สถานที่ จำคนในบ้านไม่ได้ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน จนไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรตามปกติได้
ปัจจัยเสี่ยง
1. อายุ 80ปี มีโอกาสเป็นมากกว่าอายุ 65-69 ปีถึง 10 เท่าแต่ปัจจุบันเริ่มมีอาการตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเป็นได้ทั้งชาย/หญิง
2. กรรมพันธุ์
3. สุขภาพไม่ดี หรือสาเหตุของโรคจากการอักเสบ เช่น
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน (ดื้ออินซูลิน) มีโอกาสเสี่ยงถึง 65%
- กรดยูริคสูง
- ต่อมไทรอยด์พิการ
- ระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์บกพร่อง
- โรคหัวใจ
4. การขาดสารอาหาร
- ขาดโอเมก้า 3 (น้ำมันปลา มี DHA และ EPA สูง)
- มีระดับโฮโมซีสเตอินสูง เพราะขาดวิตามิน B6,B12 และโฟเลต
- ขาดวิตามินเค
5. ได้รับสารพิษจากสภาพแวดล้อม
- มีธาตุอลูมิเนียม (หม้อหุงต้ม) ในระดับเป็นพิษ
6. ระดับของสารอะเซติลโคลีนลดลง โคลีนเป็นสารสื่อประสาทช่วยให้มีความทรงจำ (มีมากในไข่ไก่)
7. ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง สตรีที่หมดประจำเดือน
8. ไขมันทรานส์ (รายละเอียดในหนังสือ)
9. สมองขาดอาหาร นักวิจัยเพิ่งเข้าใจกลไกว่า สมองสามารถสร้างอินซูลินได้ด้วยตัวของมันเอง โดยเปลี่ยนน้ำตาลในกระแสเลือดให้เป็นอาหารสมอง เพื่อการดำรงชีวิตของเซลล์สมอง
ในปัจจุบันวงการแพทย์ ยังเชื่อว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ยิ่งไปกว่านั้นอาการจะกำเริบขึ้นตามอายุ และเสียชีวิต (เหมือนกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โรนัลด์ เรแกน) แต่มีงานวิจัยหลายงานที่ใช้สารอาหารและน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีกรดไขมันสายกลางสูงถึง 63% ในการรักษาช่วยทำให้ดีขึ้น และยังมีบทวิจัยที่ได้ศึกษาทั่วโลกว่าประเทศอินเดีย มีประชากรเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยที่สุดในโลก เพราะอาหารที่ชาวอินเดียทาน คือ แกงกระหรี่ ในแกงกระหรี่ประกอบด้วย ขมิ้นชันกับกะทิ ได้มีการศึกษาถึงขมิ้นชัน สามารถ ซึมผ่านหลอดเลือดฝอย ในสมองและช่วยต้านทานอนุมูลอิสระซึ่งทำให้เซลล์สมองไม่ถูกทำลาย ขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสารสกัดจากเม็ดองุ่นถึง 50-60 เท่า
งานวิจัยที่สนับสนุน
การค้นพบของ Dr.Mary Newport เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลของ Neonatal Intensive Care Unit, Spring Hill Regional Hospital , Florida ได้รักษาสามีอายุ 59 ปี เป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่เริ่มมีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเข้าร่วมการทดลองทางการแพทย์ โดยใช้ตัวยาใหม่สำหรับโรคสมองเสื่อม (Dementia) แต่พบปัญหาคือผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้ป่วยต้องมีส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ได้อยู่บ้าง ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ ความพิการของสมองได้เลยจุดนั้นแล้ว
ทาง Dr.Mary จึงได้หาทางรักษาใหม่โดยใช้น้ำมันมะพร้าวในการรักษา การรักษาได้ให้น้ำมันมะพร้าว 7 ช้อนชา ลงไปในอาหารทุกมื้อ มีสิ่งที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น ในระยะเวลา 2 เดือน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พูดมากขึ้น มีอารมณ์ดีขึ้น ความตั้งใจอยู่กับงานดีขึ้น จำชื่อญาติๆได้ ทั้งที่ก่อนนี้ 1 ปี จำใครไม่ได้เลย
หลังจากใช้น้ำมันมะพร้าวผ่านไป 1 ปีครึ่ง อาการที่ก้าวเดินไม่ได้เมื่อก่อน ดีขึ้นจนสามารถ วิ่งได้ อ่านหนังสือเข้าใจ ความทรงจำระยะสั้นดีขึ้น แทบจะรู้สึกว่ากลับคืนสู่ปกติแล้ว
Dr.Mary ให้เหตุผลของการฟื้นจากอัลไซเมอร์ว่าเป็นผลของน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันสายกลางสูงต่างจากกรดไขมันสายยาวที่มีอยู่ทั่วไปในน้ำมันพืชทุกชนิด เพราะมันมีขนาดโมเลกุลที่สั้นกว่า จึงถูกดูดซึมและถูกใช้เปลี่ยนให้เป็นพลังงานในตับและแทนที่จะเก็บไว้ในรูปไขมัน กลับเปลี่ยนเป็นคีโตน(Ketone)ที่เป็นแหล่งของพลังงานทดแทนของร่างกาย
คีโตน เป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานและแหล่งของคีโตนก็คือ กรดไขมันสายกลาง(MCT)ที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวคีโตนช่วยฟื้นเซลล์สมองกลับคืนมา ป้องกันการตายของเซลล์สมอง และ ยังใช้รักษาโรค เช่น
- โรคพาร์คินสัน (Parkinson’s Disease)
- โรค Multiple Sclerosis (ALS)
- โรค Lou Gehrig’s Disease
- โรคลมชักที่ดื้อยา
- โรคเบาหวานชนิดที่1 และชนิดที่2 (ดื้ออินซูลิน)
- ช่วยฟื้นฟูอาการโรคหัวใจหลังจากอาการหัวใจวายอย่างรุนแรง
- ข่วยฟื้นฟูสมองจากการขาดออกซิเจน
- ทำให้เนื้องอกที่เป็นมะเร็งหดตัว
- โรคในกลุ่มอาการดาวน์ (Down's Syndrome) ออติสติก
ในกรณีของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ เซลล์ประสาทในสมองบางส่วนไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าไปได้ เพราะเกิดการดื้ออินซูลินและเซลล์ค่อยๆตายไป เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นใช้เวลานับเป็นสิบๆปี
ความทุกข์ทรมานของผู้ต้องดูแล คนในครอบครัวต้องเป็นภาระหนักอย่างยิ่ง ก่อนที่อาการจะปรากฏ ถ้าเราดูแลโดยเข้าใจทำให้เซลล์สมองมีคีโตน สมองจะยังมีชีวิตอยู่ได้และคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ
วิธีการดูแลและป้องกัน
อาหารที่ควรทาน/เพิ่ม
1. ใส่น้ำมันมะพร้าว 7 ช้อนชาลงในอาหารทุกมื้อ อาจมีอาการระบายท้อง ควรเริ่มทานจากน้อยๆแล้วค่อยๆเพิ่ม
2. น้ำมันปลา (โอเมก้า-3) มี DHA EPA บำรุงสมอง
3. ขมิ้นชัน
4. ทานไข่แดง วันละ 1-2 ฟอง (เป็นยางมะตูม)
5. ทานวิตามิน B6 , B12 และโฟเลต
6. ผัก/ผลไม้ปลอดสารพิษ
*ข้อแนะนำ น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ร้อน ควรทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดร้อน เช่นพืชตระกูลแตง เก็กฮวย จับเลี้ยง น้ำใบบัวบก ย่านาง ถั่วเขียวต้ม ฯลฯ
อาหารที่ควรลด/เลิก
- แป้งขาว/น้ำตาลทรายขาว/น้ำตาลเทียม (แอสปาร์เทมทำลายเซลล์สมอง)
- ไขมันผ่านกรรมวิธีและไขมันทรานส์
- แอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- ภาชนะที่เป็นอลูมิเนียม
- ยาต่อต้านอะเซติลโคลีน เช่น ยาลดปวด ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาระงับความเครียด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น