++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เคาะข่าวริมโขง : "ประพันธ์" ย้ำถึงเวลาต้องมี "พรรค ก.ม.ม." ยัน "สนธิ" ทำเพื่อส่วนรวมอุดมการณ์ไม่เปลี่ยน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายการ "เคาะข่าวริมโขง" ออกอากาศทาง "อีสานทีวี" ช่วงเวลา
18.30-20.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย และ
น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ
องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี
นอกจากนี้ ยังมี นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจในรอบวัน อาทิ
กรณีนักการเมืองรุ่นเก่าพาเหน็บแหนม นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า
สวมหมวกหลายบทบาท
ทั้งได้รับการโหวตเลือกให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
อีกทั้งยังเป็นผู้นำมวลชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

นอกจากนี้
ยังเชื่อมโยงเกี่ยวกับกรณีการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับ
พันธมิตรฯ โดยมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลใช้ 2 มาตรฐานในการจัดการผู้ชุมนุม

เริ่มรายการ นายชัชวาลย์ กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีที่ นายสนธิ
ถูกเหน็บแหนมว่า ทำหน้าที่หลายบทบาทในเวลาเดียวกัน โดยประเด็นนี้ นายโสภณ
กล่าวว่า จริงๆ แล้ว การมีพรรคการเมืองใหม่
ไม่สำคัญมากเท่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เพราะเวลานี้ทุกฝ่ายก็เล็งเห็นว่า โครงสร้างกระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหา
เจ้าหน้าที่บางคนปล่อยปละให้คนชั่วลอยนวล โดยไม่จัดการอะไร
ทำให้สังคมเคยชินกับการอยู่ร่วมกับคนชั่ว
เกิดพฤติกรรมแยกแยะระหว่างคนดีกับคนชั่วไม่ออก
อยู่ท่ามกลางคนชั่วมาเป็นเวลานาน

นายโสภณ กล่าวต่อว่า เวลานี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า
ประชาชนฝากความหวังไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้
เพราะอยู่ท่ามกลางกระแสข่างทุจริตโครงการต่างๆ มากมาย อีกทั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีความแข็งแรงพอจะทำอะไรได้
ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกอัดอั้นตันใจ สำหรับกรณีที่ นายสนธิ
ลิ้มทองกุล ได้รับโหวตเลือกมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ตนถือว่าไม่ได้เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยบอกว่าจะไม่เล่นการเมือง
เนื่องจากเวลานี้ สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป การที่ นายสนธิ
ขึ้นทำหน้าที่ดังกล่าว ไม่ได้เป็นการทำโดยส่วนตัว แต่ทำเพื่อส่วนรวม
เรื่องแบบนี้ต้องดูที่ความเหมาะสมของสถานการณ์
ตนอยากให้ผู้ที่ออกมาวิจารณ์ลองมองดูความจริงที่เป็นอยู่

นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า การที่ นายสนธิ
ต้องเปลี่ยนบทบาทมาสวมหมวกอีกใบหนึ่ง
ไม่ได้ทำให้อุดมการณ์ความรักชาติแปรเปลี่ยนไป
เพราะอย่างที่ทราบว่าสถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ตนอยากให้ผู้ที่รับรู้ข่าวสารใช้วิจารณญาณไตร่ตรองดูว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร ทุกวันนี้
ทุกฝ่ายก็เห็นเป็นประจักษ์ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ประชาชนต้องตกอยู่ในท่ามกลางวงจรอุบาทว์ของนักการเมืองชั่วไม่จบไม่สิ้น

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อก่อนคนมองว่า นายอภิสิทธิ์
มีคุณสมบัติรอบด้านในการเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งตนก็ไม่เถียง
แต่วันนี้ สิ่งที่ปรากฏเห็นเด่นชัดมากกว่ากลับไม่ใช่ข้อดีของ
นายอภิสิทธิ์ แต่เป็นภาพของผู้นำที่ตกเป็นเบี้ยล่างของนักการเมืองชั่ว
เวลานี้ ตนมองไม่เห็นความกล้าหาญของนายกรัฐมนตรี
เพราะถูกครอบงำจนไม่สามารถทำอะไรได้
บ้านเมืองจึงตกอยู่ในระบอบการเมืองเก่าที่ทำให้ประเทศหาอนาคตไม่เจอ
ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลของการต้องมี พรรคการเมืองใหม่

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พันธมิตรฯ
ต้องออกไปต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช
แต่พอทำสำเร็จกลับมีพวกเหลือบไรกลุ่มใหม่ เข้ามาโกงกินบ้านเมือง
ทำให้อำนาจที่ควรเป็นของประชาชน ถูกยึดคืนไปตกอยู่ในมือนักการเมืองแทน
โดยพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง ว่า
ไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองในนามพันธมิตรฯ เพียงอย่างเดียว
แต่ทุกอย่างทำเพื่อส่วนรวม สำหรับกรณีที่มีคนกระแหนะกระแหน นายสนธิ
ตนเห็นว่า การที่มีคนมาบอกว่า นายสนธิ
เป็นสื่อมวลชนมาก่อนแล้วมาเล่นการเมือง ย่อมได้เปรียบคู่แข่งมากกว่า
ตนถือคำพูดเหล่านี้ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนไม่ปฏิเสธว่า นายสนธิ
มีสื่ออยู่ในมือ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น หากใครทำชั่ว
ต่อให้มีสื่อในมือก็หนีความชั่วที่ตัวเองทำไว้ไม่พ้น อย่างเช่น
พรรคเพื่อไทย ก็มีสื่อของกลุ่มคนเสื้อแดง คอยเผยแพร่กิจกรรม
และความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น
จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องสื่อ

"ตอนนี้ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาตัวเอง เพราะลำพังมีเพียงแค่
นายอภิสิทธิ์ คนเดียวเท่านั้น ที่ซื่อสัตย์สุจริต
แต่การปล่อยให้คนชั่วรุมโกงกินบ้านเมือง
แบบนี้จะถือว่าทำหน้าที่ผู้นำอย่างสุจริตหรือไม่" นายประพันธ์ กล่าว

นายโสภณ กล่าวเสริมว่า โบราณเคยว่าไว้
หากจะดูว่าคนเราดีจริงหรือไม่ ควรดูมิตรสหายหรือคนข้างตัวที่คบ
ถ้าคนเหล่านั้นเป็นคนดี ก็การันตีได้ว่า คนที่คบด้วยเป็นคนดี ดังนั้น
คนดีย่อมอยู่กับคนเลวไม่ได้ สำหรับตนแล้วเห็นว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างถือเป็นจุดแข็งพรรคการเมืองใหม่
เนื่องจากการเมืองไทยที่มีปัญหาในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า
ฐานเสียงของพรรคการเมืองใหม่ มาจากคุณธรรม เพราะบทพิสูจน์ต่างๆ
ได้แสดงให้เห็นมาตลอดตั้งแต่ปี 2549
ที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลโกงบ้านกินเมือง
ซึ่งต่อไปเหลือแค่พรรคการเมืองใหม่
จะต้องพิสูจน์บทบาทการทำหน้าที่ในฐานะพรรคการเมืองที่รับใช้ประชาชน

นายประพันธ์ กล่าวว่า
สิ่งที่การันตีได้สำหรับคนในพรรคการเมืองใหม่ คือ
ต้องมีการทุจริตและคอร์รัปชันแน่นอน
เพราะถ้าหากทำเช่นนั้นก็จะถือว่าที่ต่อสู้และปราบนักการเมืองขี้โกงมาทั้ง
หมดหลายๆ ปี ถือว่าสูญเปล่า หากว่ามาทำเช่นนั้นเสียเอง
โดยถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ตนขอยืนยันว่า
บุคคลดังกล่าวจะต้องถูกตรวจสอบในมวลชนพันธมิตรฯเอง
และจะถูกเล่นงานอย่างหนัก

ช่วงต่อมา นายชัชวาลย์ กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณี นายบุญจง
วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.อุบลราชธานี
แล้วถูกกลุ่มคนเสื้อแดงตะโกนโห่ไล่ โดย นายบุญจง
ถึงกับหัวเสียที่เจอเหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์
ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง
ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความชัดเจน กรณีตั้งข้อสังเกตว่า
เวลาที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมต้องมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณรัฐโดยใช่เหตุ

นายโสภณ กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า
ถ้าหากกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีประวัติเที่ยววิ่งไล่ล่าฆ่าคน
รัฐบาลก็คงไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณเหล่านี้ โดยเหตุที่ต้องประกาศใช้
เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงมีประวัติทำร้ายผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการบุกทุบ
นายอภิสิทธิ์ และทำร้าย นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ
ที่กระทรวงมหาดไทย หรือจะเป็นกรณีการทำลายการประชุมอาเซียนซัมมิต
ที่พัทยา สิ่งเหล่านี้
ทำให้รัฐบาลไม่อาจทนเสี่ยงกับพฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงได้
เพราะมีการเผาบ้านเผาเมือง สร้างความเดือดร้อนอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งถ้าหากจะโทษรัฐบาล ว่า ใช้งบประมาณเปลือง
ฝ่ายที่สมควรจะถูกประณามมากที่สุด คือ กลุ่มคนเสื้อแดง
เนื่องจากหากไม่สร้างความวุ่นวาย ก็คงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า
เวลาที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงพูดอะไรออกมา ภาพลักษณ์ทำให้สังคมไม่เชื่อถือ
เพราะคำพูดขัดกับพฤติกรรมทุกอย่าง จากที่เคยประกาศว่าจะชุมนุมอย่างสงบ
พอรวมตัวกันได้ก็ปลุกเร้าบอกว่า หากสถานการณ์พาไป
ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ คนไทยเห็นจนเบื่อ
เพราะวีรกรรมความชั่วร้ายเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการบุกบ้าน พล.อ.เปรม
ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมีการทำลายข้าวของ
ทำลายทรัพย์สินของราชการ ภาพเหล่านี้มันเด่นชัดจนทำให้รัฐบาลไม่กล้าไว้ใจ


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000119421

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น