โดยการสมัครสร้าง blog และเขียนบันทึกใน blog ซึ่งเจ้าหน้าที่ท่านนั้นได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ใส่รูปถ่ายตัวเอง ที่อยู่ รายละเอียดต่างๆ ใน blog ที่เป็นชุมชนที่เปิดเผย
แรกเริ่มเขียนบันทึกเผยแพร่ด้วยความตั้งใจที่ดี เขียนไปหลายบันทึก เวลาผ่านไป มีผู้สนใจเข้ามาค้นพบ รวมทั้งบุคลากรในสังกัดเดียวกัน เลยถูกกังขาว่า คนเขียนบันทึกคนนั้น คงมีผลประโยชน์ หวังสร้างภาพ สร้างผลงานให้ตัวเองแน่ๆ
เวรจริงๆ
มีความคิดเลวๆ อีกแล้ว
การเขียนบันทึกที่ต้องการที่จะสร้างชื่อเสียง สร้างผลงานนั้น ดูไม่ยาก จากเนื้อหาของบันทึกนั่นเอง หากเนื้อหาเป็นไปในทิศทางที่ยกย่องตัวผู้เขียนบันทึกเอง ในทำนองว่า หากไม่มีตัวเขา ไม่ใช่เพราะเขา ทุกสิ่งที่เขียนมา คงไม่เกิดได้ แถมยังระบุอย่างชัดเจน... ซึ่งเหมือนกับผลงานของผู้แทนราษฎร นักการเมืองต่างๆ ที่มักจะใส่ชื่อ-สกุล ติดไว้ในสาธารณูปโภค สิ่งก่อสร้าง ถนน สะพาน ที่ตนเองผลักดัน และมีการติดป้ายระบุชื่อไว้ว่า ผลงานนี้ เกิดจากการผลักดันของ ส.ส..... แม้แต่ ศาลาริมทาง ก็จะมีชื่อของนักการเมืองติดไว้
การเขียนบันทึกนั้น มีหลายลักษณะ มีทั้งลักษณะการบอกเล่าเรื่องราวสู่กันฟัง ทั้งเรื่องราวของคนอื่น และเรื่องราวของตัวเอง การเล่าเรื่องราวของคนอื่น เปรียบเหมือนกับผู้สื่อข่าวที่บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ของคนอื่นสู่สาธารณะ ในกรณีนี้ไม่เห็นมีใครมองว่า นักข่าวคนนั้น สร้างภาพ สร้างผลงานให้ตัวเอง....
อาจเพราะ นั่นคือหน้าที่ของเขา และทุกคนก็ยอมรับว่า นักข่าวเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวที่เป็นข่าวนั้นให้หลายคนได้รับรู้
กรณีเจ้าหน้าที่สังกัดกรมพัฒนาที่ดิน มาเขียนบันทึกใน blog แห่งหนึ่ง แล้วมีผู้มองว่า ต้องการสร้างภาพให้ตัวเอง มีผลประโยชน์แอบแฝง...
..มันเป็นการมองแบบคนใจแคบ..
...มองตัวเองเป็นหลัก...
... เพราะความคิดที่คับแคบของผู้มองนั่นเอง ซึ่งผู้มองมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวสมองอย่างฝังแน่น
...คนที่ไม่มีความคิดที่จะสร้างภาพ มีความจริงใจย่อมไม่คิดเช่นนั้น
คนที่คิดแบบไหน ลึกๆแล้ว ย่อมเป็นคนแบบนั้น
ผู้ที่มีมุมมองแบบนั้น ขี้อิจฉา กลัวคนอื่นจะได้หน้ามากกว่าตัวเอง
เฮ้อ เมืองไทย....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น