โรคเป็นสาวก่อนวัย
Precocious Puberty หรือที่ เราอาจเคยได้ยินว่า "โรคเป็นสาวก่อนวัย" ที่เจาะจงใช้คำว่าเป็นสาว ก็เพราะว่ามักจะเกิดกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ อาการเป็นสาวก่อนวัยในที่นี้ไม่ใช่เด็กแก่แดดจากการเลี้ยงดู หรอกครับ แต่เป็นโรคซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการเจริญเติบโตในช่วงวัยเด็ก ทำให้เด็กมีเต้านม หรือมีประจำเดือน รังไข่และมดลูก หรืออัณฑะทำงาน และพร้อมที่จะเจริญ พันธุ์ ซึ่งการเจริญเติบโตที่เร็วผิดปกตินี้อาจส่งผลเสียต่อเด็กหลายด้าน เช่น กระทบต่อเรื่องส่วนสูงของเด็ก (เพราะหลังจากที่มนุษย์เราเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ปลายของกระดูก ระหว่างข้อต่อจะถูกปิดลงทำให้หยุดสูง) โอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม (สันนิษฐานทางการแพทย์ว่าการมีเต้านมเร็ว จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้มาก เพราะเนื้อเยื่อเต้านม ถูกกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศหญิงเร็วขึ้น) สภาพจิตใจของเด็ก รวมถึงอันตรายจากบุคคลภายนอก เช่น กรณีการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และภาวะตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม
อะไรทำให้แตกเนื้อสาวเร็ว?
สาเหตุจากภายใน
เด็กที่มีไฮโปธาลามัสผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด หรือเกิดกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ ได้รับการผ่าตัดหรือได้รับการฉายแสงที่สมอง หรือเป็นเนื้องอกของต่อมใต้ สมองซึ่งอยู่ใกล้กับไฮโปธาลามัส ก็จะส่งผลให้การควบคุม การทำงานของระบบไฮโปธาลามิกฯ (ควบคุมการผลิตฮอร์โมน) นี้ผิดเพี้ยนไป ระบบจึงทำงานเร็วขึ้น ก็เกิดเป็นสาวก่อนวัยขึ้นมา
อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การเป็นเนื้องอกบางชนิดในช่วงแกนกลางของไฮโปธาลามัส (แกนกลางของสมอง) เช่นเนื้องอก Harmatoma ซึ่งเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ ไม่ส่งผลให้เห็นจากอาการภายนอก แต่เนื้องอกชนิดนี้ จะสามารถสร้างฮอร์โมนบางชนิดขึ้นมา และฮอร์โมนเหล่านั้นมีผลไประตุ้นฮอร์โมนโกนาโดรโทรฟิน ในต่อมใต้สมอง (Pituitary) ให้ทำงานเกิดสร้างฮอร์โมนเพศขึ้น ก็จะส่งผลต่อการ เป็นสาวก่อนวัยได้ รวมถึงการมีซีส และเนื้องอกที่รังไข่ หรืออัณฑะ หรือหรือต่อมเพศ ซึ่งสามารถส่งผลให้เป็นสาวก่อนวัยได้เช่นกัน และท้ายสุดคือการผิดปกติของต่อมหมวกไตซึ่ง ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศโดยตรง กรณีนี้พบได้ในเด็กที่เป็นโรค CAH (โรคต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนเกิน)
สาเหตุจากภายนอก
ในอดีตเราจะพบว่าเด็กที่กินวิตามิน หรือยาบางชนิดที่โฆษณาว่าเด็กกินยานี้ แล้วจะโตเร็ว ซึ่งแท้จริงแล้วยานี้มีส่วน ผสมของฮอร์โมนเพศ เมื่อกินยาประเภทดังกล่าวเข้าไป เด็กจะมีการสะสมไขมันมากขึ้น ทำให้เด็กเด็กอวบขึ้น ดูตัวโตกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เป็นผลพวงจากการได้รับฮอร์โมนก่อนวัย
การโตก่อนวัยนั้นจะส่งผลเสียต่อระบบโครงสร้างความสูงของเด็ก กระบวนการนี้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงนั้นมีอยู่ทั้งใน ผู้ชาย และผู้หญิง ฮอร์โมนตัวนี้จะเป็นตัวควบคุมให้ปลายของกระดูกซึ่งเจริญเติบโตอยู่ปิดลง ทำให้เด็กผู้หญิงหยุดสูงหลังจากมีประจำเดือน 2 ปี ส่วนเพศชายปลายกระดูกจะปิดช้า กว่าผู้หญิง3-5 ปีหลังมีน้ำอสุจิ (ผู้ชายเลยมีโอกาสสูงกว่าผู้หญิง) ดังนั้นหากได้รับฮอร์โมนเพศดังกล่าวเข้าไปในวัยที่ไม่เหมาะสมและปริมาณมาก เกินไป ก็จะส่งผลให้เด็กเกิดโรคเป็น หนุ่มหรือเป็นสาวก่อนวัยได้
เป็นสาวก่อนวัยโดยไม่มีสาเหตุ
ตั้งแต่ ปี 1920 พบว่าทุก 20 ปี มนุษย์จะมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วขึ้น ครึ่ง ถึง 1 ปีของอายุเกณฑ์เดิม จนปัจจุบันเด็กผู้หญิงเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ เมื่ออายุ 8 ปี ในเด็กชายเริ่มที่อายุ 9 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับเรื่องของภาวะโภชนาการเกิน หรือ ความอ้วน เพราะพบว่าเด็กที่มีร่างกายอ้วน มักจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็ว กว่าเด็กที่ผอม แต่ทั้งนี้การอ้วนเกิน 120 เปอเซนต์ของค่ามาตรฐาน ซึ่งถือว่าเป็นโรคอ้วน กลับจะส่งผลในทางกลับกันคือทำให้เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้า
ในส่วนของ " ไก่" ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงกันว่ามีการฉีดฮอร์โมนเร่งมากมายจนส่งผลมาถึงคน นั้นสามารถอธิบายได้ว่า ในอดีตไก่ที่เรากินกันเป็นไก่บ้าน เนื้อของไก่ส่วนใหญ่เป็นกล้ามเนื้อมากกว่า ไขมัน แต่ในปัจจุบันที่ประเทศเราเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรม มีไก่บ้านน้อยลง เหลือเพียงไก่เลี้ยง ซึ่งถูกขุนให้อ้วนด้วยหัวอาหารทำให้มีปริมาณไขมันในเนื้อสูง เมื่อเด็กชอบกินไก่ ตามการโฆษณาของสื่อทางโทรทัศน์ จึงส่งผลให้เด็กมีไขมันและคอเรสเตอรอลในร่างกายเยอะ ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะการเป็นสาวก่อนวัยดังที่ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก็เป็นได้
การสกัดวัยสาวให้ก้าวไปอย่างปกติ
เมื่อนำบุตรหลานของท่านเข้าพบแพทย์ แพทย์จะตรวจร่างกายเพื่อหาความผิดปกติ แล้วทำการรักษาเพื่อตัดสาเหตุก่อน หรือหากเด็กมีประวัติได้รับฮอร์โมนเพศก็ต้องสั่งระงับยานั้น
กรณีที่ตรวจไม่พบสาเหตุ การรักษาจะทำได้เพียงการฉีดยาเพื่อ ชะลอการเป็นสาวเพื่อรักษาให้เด็กสามารถเจริญเติบโตตามโครงสร้างที่ควรจะเป็น และลดความเสี่ยงต่างๆ เช่นมะเร็งเต้านมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึงเรื่องของสภาพจิตใจของ เด็กที่อาจยังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย
ยาที่ใช้ฉีดเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ขึ้น ชื่อ GnRH-agonist โดยจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อเดือนละ 1 ครั้ง ฮอร์โมน ชนิดนี้จะยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง มีผลให้ฮอร์โมนเพศจากรังไข่ลดลง ซึ่งยาชนิดนี้จำเป็นต้องฉีดติดต่อกันไปจนอายุประมาณ 10-12 ปี และเมื่อหยุดฉีดเด็กจะเริ่มเป็น สาวภายใน 3-6 เดือน การใช้ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อเด็กยังไม่มีประจำเดือน และควรรักษาก่อน 6 ขวบจะได้ผลดีที่สุด
ท้าย สุดที่อยากแนะนำคือ การจัดส่วน อาหารให้เด็กรับประทานอย่างเหมาะสม ไม่กินของที่มีไขมันมากเกินไป อัตราการเพิ่มของน้ำหนัก และความสูงควรให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามวัย น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ในส่วนด้านจิตใจของ เด็ก การอบรมเลี้ยงดูมีผลต่อนิสัยของเด็กอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น