ใครว่ารักกันหมื่นปี หรือรักตราบ ชั่วนิรันดร์ไม่มีจริง ขอท้าให้พิสูจน์ จากรักของ “แม่” เป็นตัวอย่าง พอถึงวันแม่ที อยากชวนให้หยุดคิดถึง ตัวเอง แล้วหันมาคิดถึงหัวอกแม่บ้าง คงไม่ว่ากันนะ ลองสังเกตดูเถอะ ถ้าลูกคนไหนให้ความสำคัญกับ แม่ เช่น ขยัน อยู่ใกล้ชิด, ชอบออเซาะฉอเลาะ หรือ แม้แต่กระจองอแงแบบน่ารักกับแม่บ่อยๆ ละก็ ส่วนมากคุณแม่ท่านนั้นมักไม่ค่อยแก่ แต่กลับดู สาวกว่าวัย เพราะได้รักจากลูกมาหล่อเลี้ยงหัวใจ
พูดถึงการเป็น “แม่คน” ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม่ดีๆ มักรักลูกมากกว่ารักตัวกลัวตาย หลายเท่า เคยได้ยินผู้สันทัดกรณีพูดให้ฟังจาก ประสบการณ์ผ่านการเป็นแม่คนมาเต็มสองหูว่า พอมีลูกปุ๊บ ก็ไม่อยากตายปั๊บ เหมือนมีรักหวงห่วงว่า ถ้าไม่มีแม่สักคนแล้วลูกจะอยู่กับใคร อะไรทำนองนั้น
ส่วนเมอร์ลินก็เชื่อว่า แม่เปรียบเสมือนบ้าน บ้านซึ่งนอกจากจะให้ที่พักพิงทางกาย ท่านยังให้ความมั่นคงทางใจ จึงอยากเขียนเกี่ยวกับแม่ๆลูกๆให้ฟัง เผื่อทำให้บางคนคิดถึงแม่ได้นี่นา ใครจะรู้ ใช่มะ ใน 6 สิ่งที่แม่ไม่อยากได้ยิน (6 Things mom doesn\'t want to hear) บอกว่า ถึง แม้แม่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกได้ แต่ใช่ว่า ลูกควรจะพูดทุกสิ่ง ทุกอย่าง ให้แม่ฟัง เพราะแหม แม่น่ะมีไว้เคารพบูชานะจ๊ะ ไม่ใช่ กระโถนรองรับอารมณ์ อันแปรปรวนของลูกแหง่ ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น เวลาจะพูดจะจาอะไร ถ้าโตๆ กันแล้วก็ควรยับยั้งชั่งใจ แน่ะว่าเข้านั่น ทำเป็นรู้ดี งั้นมาดูแล้วกันว่า ลูกควรคิดอะไรก่อน ที่จะพูดให้แม่ฟังบ้าง เช่น
1. เก็บความลับส่วนตัวของลูกที่อาจ กระทบต่อสุขภาพของแม่เอาไว้เหอะ อย่าพูดอะไรที่ชวนให้แม่ช็อก, หัวใจวาย หรือความดันขึ้นให้ท่านฟังเลย คุยแต่ เรื่องจ๊าบๆให้แม่ดีใจดีกว่ามั้ง
2. เก็บเรื่องเซ็กซ์ๆ เอ็กซ์ๆของคุณเอาไว้แค่ตัวเองก็พอ ไม่ใช่เมื่อคืนประทับใจกับคู่สวาทที่ฟาดฟัน กันบนเตียงจนทนไม่ไหว ต้องรีบวิ่งโร่ไปเล่าให้ แม่ฟัง เดี๋ยวแม่ลมจับขึ้นมาแล้วจะควานหายาหม่อง ยาดมไม่ทันไม่รู้ด้วย
3. อย่าเล่าทุกปัญหาของลูกให้แม่ฟัง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากช่วยลูกนะ เปล่าเลยจ้ะ เพราะแม่น่ะพร้อมช่วยลูกซำเหมอ ว่าแต่ลูกบังเกิดเกล้า เหอะ ไม่ควรสร้างปัญหาแล้วเอาไปแหมะให้แม่นะ ทำตัวเป็นเด็กดีบ้างก็ได้ เมื่อไหร่จะโตสักทีนะ
4. แม่น่ะอยากได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จของลูก แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าลูกโหลยโท่ยแล้วแม่จะรังเกียจก็หาไม่
5.อย่ามองข้ามแม่ว่าเป็นเพื่อนสนิทไม่ได้ แม่น่ะเป็นได้ทั้งเพื่อน และพี่สาว แต่ลูกบางคนกลับมองข้ามแฮะ ถ้าไหวตัวทันจะกลับลำมาเซ้าซี้ชี้ชวนให้ แม่เป็นเพื่อนซี้ ก็ยังทัน สำหรับลูก รับรองไม่มีคำว่าสายเกินไปแน่นอน
6. หัดพูดเพราะๆ หวานๆ กับแม่บ้าง แหมทีคุยกะแฟนละก็ หวานจนฟันผุไปแล้วไม่รู้กี่ซี่ ก็เห็นยังหวานกันอยู่นั่น แล้วกับแม่ล่ะยิ่งต้องพูดด้วยดีๆเข้าไปใหญ่ อย่างน้อยแม่ก็เคยเป็นหวานใจของลูก สมัยตัวเองยังเป็นเด็กเป็นเล็กใช่มะ
ส่วนแม่วัยจ๊าบสมัยนี้น่ะ ถ้ามีลักษณะที่จะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้ได้ก็ดีนะเซ่ เช่น
• เป็นแม่สมัยใหม่ที่ไม่วุ่นวะวุ่นวายกับงานจนลูกลืมหน้า สามีลืมหลัง งานน่ะสำคัญ แต่ครอบครัวก็ไม่เป็นสองรองจากอะไร
• เป็นแม่ที่รักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ จะได้ดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ ส่วนสามีช่างมัน เอ๊ย ดูแล ได้พร้อมกัน
• สามารถสอนลูกให้เป็นคนประเภทตาดู หูฟัง สมองคิด และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าทำได้ละก็ ต้องยกนิ้วให้ยอดคุณแม่คนนี้เลย
• สนุกกับงานอย่างเต็มเหวี่ยง และไม่เกี่ยงเมื่อต้องใช้เวลาอยู่กับลูก
• เป็นเพื่อนกับลูกทุกเมื่อ ไปด้วยกันได้ทุกที่ บางทีก็เป็นคุณพี่ บางคราก็เป็นคุณนาย บางครั้ง อาจเป็นนังแจ๋ว สารพัดจะเป็นทุกอย่างได้ ไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่อลูกคนเดียว
• สอนให้ลูกรู้จักพึ่งตัวเองตั้งแต่เล็ก พอโตขึ้นจะได้ไม่เหลาะแหละ เหลวเป๋วหรือเกาะ คนอื่นกิน
• แม่ที่อยากให้ลูกได้รู้และเข้าใจเสมอว่า แม้แต่กาลเวลาก็ไม่สามารถ ปิดกั้นความรักของแม่ได้
เห็นไหมล่ะว่าแม่น่ารัก น่าบูชาแค่ไหน แล้ว แบบนี้จะไม่ซื้อของขวัญไปฝากท่านหน่อยหรือ ในเมื่อแม่ดูแลเรามาตั้งนาน ก็ควรทดแทนท่านบ้างซี้
ส่วนของขวัญสำหรับแม่ที่แสนดีน่ะหรือ เลือกให้สิ่งเหล่านี้แก่ท่านสิ
1. พาแม่ไปเปิดหูเปิดตา เที่ยวต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศบ้าง ทำงานได้เงินเดือนทั้งที ให้แม่ แค่นี้ยังน้อยไป
2. พาแม่ไปพักผ่อนเข้าสปา ทำผม ทำสวย หรือแนะวิธีออกกำลังกาย ให้สมวัยเพื่อความสบายอกสบายใจก็ดีออก แต่ถ้าไปไหนไม่ได้ เอางี้ นัดแม่ไปทานอาหารค่ำด้วยกันก็น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู หนุงหนิงกะใคร ไม่เห็นจ๊าบเท่าแม่สักคน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น