++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สัตว์การเมือง โดย นายขุนทอง ภูผิวเดือน




มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องรวมกันอยู่เป็นหมู่ เป็นคณะไม่สามารถจะอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายได้ มีวัฒนธรรมของกลุ่มของเผ่าพันธุ์ เป็นเอกลักษณ์ สร้างอารยธรรมของเผ่าพันธุ์เป็นแบบฉบับ มีความทะเยอทะยานอยาก เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองดีขึ้น มีการพัฒนาไม่หยุดยั้ง

การเมืองเป็นสมบัติติดตัวมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
การเมืองมีมาตั้งแต่มนุษย์กำเนิดขึ้นในพิภพ
มนุษย์กับการเมืองเป็นของคู่กัน
มีมนุษย์อยู่ไหน มีการเมืองที่นั่น

ดังนั้น จึงมีศัพท์เรีนกมนุษย์ว่า สัตว์การเมือง

สังคมมีวิวัฒนาการทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละเผ่าพันธุ์ แต่ละชาติ ปรับปรุงการเมืองให้เข้ากับความเชื่อของเผ่าพันธุ์ สอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อทางศาสนา และสภาพแวดล้อมของสังคม

เราชาวพุทธ หากได้ศึกษาการเมืองจากพระสูตรในพระไตรปิฏก ซึ่งพระพุทธเจ้า ศาสดาเอกของโลกทรงบัญญัติไว้ เราจะเข้าใจการเมืองแนวพุทธศาสนาได้ดี

พระพุทธองค์ มิได้ให้แนวทางการเมืองไว้ในบทใดโดยเฉพาะ แต่ได้ทรงเสนอแนะไว้เป็นแบบผสมผสานปนปะไว้ในหลายๆตอน หลายๆพระสูตร ขอนำมาอ้างอิงเพื่อเป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อย ดังต่อไปนี้

๑.อัคคัญญสูตร พระสูตรนี้กล่าวถึงเรื่องสังคมมนุษย์ เมื่อมนุษย์เกิดขึ้นในโลก จากการวิวัฒนาการทางรูปร่างลักษณะเรื่อยมา จนมีเพศชาย เพศหญิง มีการสืบพันธุ์ ขยายเผ่าพันธุ์

เริ่มแรก จำนวนมนุษย์มีน้อย ทรัพยากรธรรมชาติมีมาก อาหารมีมาก หาเช้า ได้เช้า หาเที่ยวได้เที่ยง หาค่ำได้ค่ำ ไม่มีการกักตุน ไม่ยึดถือว่า อะไรเป็นของตนเอง

ต่อมามนุษย์มีจำนวนมากขึ้น ความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้น ความเห็นแก่ตัวนี้เอง ก่อให้เกิดการกักตุนและยึดถือว่า สิ่งนี้เป็นของตน สิ่งนั้นเป็นของคนอื่น มีการหวงห้ามแสดงการเป็นเจ้าของ ก่อเกิดการทะเลาะวิวาทแย่งชิงกรรมาสิทธิ์กันขึ้น เป็นปัญหาของสังคม

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาหัวหน้าหรือผู้นำ เพื่อแก้ปัญหาตัดสินข้อพิพาท โดยธรรมชาติ ในสังคมหนึ่งย่อมมีคนฉลาด คนเก่งกว่าคนอื่นอยู่เป็นธรรมดา คนที่สังคมเห็นว่า เก่ง มีสติปัญญา ก็ได้เป็นหัวหน้า ตัดสินข้อพิพาท

เมื่อตัดสินข้อพิพาท โดยธรรม ถูกใจของคนทั้งหลาย คนทั้งหลายจึงอุทานออกมาว่า ราชา ราชา คำว่า ราชาจึงมาจากคำอุทานของคนดึกดำบรรพ์ ซี่งแปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่ซื่อสัตย์

สังคมมีหัวหน้า ก็เกิดการปกครอง มีรูปแบบการเมืองที่ชัดเจนขึ้นมา มีคนกล่าวอยู่เสมอว่า

การเมืองเป็นขบวนการแสวงหาอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็ใช้อำนาจ ปกครองดูแลผู้อยู่ใต้ปกครอง นี้คือที่มาของคำว่า การเมือง การเมืองที่แท้จริงเป็นเรื่องคุณรรม

๒. จักรวัติสูตร พระสูตรนี้กล่าวถึงการเป็นผู้นำ การเป็นพระราชา การเป็นจักรพรรดิ ฯลฯ

พระพุทธองค์ ทรงเสนอแนะไว้ คล้ายๆกับเป็นเรื่องจริง หรือเป็นนิทานก็ไม่ทราบได้ ดังนี้

มีพระราชาองค์หนึ่ง ปกครองแคว้นๆหนึ่ง ข้าราชบริพารจับคนขโมยของคนอื่นได้ พระราชาออกไปไต่สวน ถามคนขโมยว่า ทำไมจึงขโมย คนขโมยตอบว่า ไม่มีอะไรจะกิน พระเจ้าข้า ฯ พระราชาจึงพระราชทานทรัพย์ให้เพื่อไปทำมาหากิน

ประชาชนคนอื่นๆ เมื่ออดอยากยากจนทราบข่าว จึงพากันขโมย จำนวนขโมยมากขึ้น เพื่อพระราชาสอบสวนขโมยทั้งหลาย ก็ตอบว่า พวกข้าพระพุทธเจ้าไม่มีจะกิน ทราบว่า พระราชาพระราชทานทรัพย์แก่ขโมย จึงพากันขโมย พระราชาแก้ปัญหาโดยให้ประหารชีวิต

แทนที่ขโมยจะหมดไป กลับมีขโมยที่มีพฤติกรรมโหดร้าย คือ ขโมยแล้วฆ่าเจ้าของทรัพย์ เมื่อปิดบังเสีย

พระราชาจึงสรุปเป็นบทเรียนว่า การตั้งโรงทานก็ดี การให้ทรัพย์สินเงินทองก็ดี มิใช่แนวทางที่ถูกต้องที่จะให้ราษฎรช่วยเหลือตนเองได้

แท้ที่จริง การปกครองนั้น ต้องใช้ธรรมเป็นอำนาจ ยอดปรารถนาสูงสุดของการปกครอง คือ ความเป็นธรรม คนในปกครองต้องมีศีลธรรม แต่ศีลธรรมจะมีไม่ได้ หากคนในปกครอง ไม่มีกินมีใช้สมควรแก่อัตภาพ

ผู้ปกครอง จำเป็นต้องสร้างเศรษฐกิจให้มั่นคง กระจายรายได้โดยเป็นธรรมแก่ประชาชน เศรษฐกิจดี ศีลธรรมมี หรือ ศีลธรรมมีย่อมดีเศรษฐกิจ คือ สุดยอดปรารถนาของสังคม


จากพระไตรปิฏกที่กล่าวมา สรุปได้ว่า การเมือง คือ คุณธรรม ที่คนพูดว่า การเมือง คือ น้ำเน่า ก็ดี หรือ การเมืองเป็นเรื่องการแย่งชิงผลประโยชน์ จึงไม่ถูกต้อง จริงๆแล้ว คนคือตัวการทำให้การเมืองเป็นน้ำเน่า คนเห็นแก่ตัวมากเกินไป ทำให้เกิดการแย่งชิง

ในตัวของการเมืองเอง คือ คุณธรรมครับ

ผู้เขียนมอบข้อเขียนนี้ เพื่อเป็นกุศล แด่ คุณเกื้อ บุญเพิ่ม น้องร่วมหมู่บ้านมาตั้งแต่เกิด เรียนชั้นประถมด้วยกัน ที่สำคัญยิ่งกว่า คุณเกื้อ เป็นบุคคลตัวอย่าง สร้างฐานะตนเองจนสำเร็จ มีรถบรรทุกเก่าๆคันเดียว ผู้เขียนเคยนั่งไปบ้านไผ่ด้วย เพื่อต่อรถไฟไปสอบที่กรุงเทพฯ รถเข้าเกียร์ ๔ ไม่ได้ เพราะมันหลุด ผู้เขียนจึงเป็นผู้ช่วยกัปตันจำเป็น จับคันเกียร์ไว้ตลอดทาง

คุณเกื้อเป็นผู้นำที่ดี นำบริษัทแสงประทีปก้าวหน้า นำสังคมในหลายๆ กิจกรรม เป็นนักการเมืองท้องถิ่น คือ นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ หากอายุไม่สั้น เขาอาจเป็นนักการเมืองระดับชาติก็ได้

นี่คือ ความสำเร็จ ที่เป็นตัวอย่างได้ คุณเกื้อ บุญเพิ่ม ไปอยู่ภพใดก็ต้องได้รับความสำเร็จ เพราะบุญเก่าเขาเยอะ

นายขุนทอง ภูผิวเดือน


จากหนังสือ ประทีป แห่งแสงประทีป
อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เกื้อ บญเพิ่ม ณ เมรุวัดชัยสุนทร อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น