พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีอีก 9 คน ต้องพ้นจากตำแหน่ง หลายคนอาจจะเบาใจเพราะไม่แตกหักข้างใดข้างหนึ่ง แต่ก็มีหลายคนบอกว่า ผลออกมาแบบนี้มัน "ไม่สุด" ทุกอย่างก็ยังอึมครึม และจะเลวร้ายขึ้นอีก
การเมืองกำลังเข้าใกล้สุญญากาศ แต่สำหรับเศรษฐกิจอยู่ในห้วงสุญญากาศมานานแล้ว ฟ้องจากดัชนีไตรมาสแรกติดลบทุกตัวท่องเที่ยวที่เป็นความหวัง -5.8% ผลพวงมาจากความขัดแย้งทางการเมืองล้วนๆ แม้จะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น เพราะในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีเสียงปืน เสียงระเบิดดัง และมีคนบาดเจ็บเรื่อยๆ
แต่ที่พลิกล็อกคือการส่งออก -0.8% ทั้งที่ไม่เกี่ยวการเมืองโดยตรง แต่เป็นเพราะสินค้าส่งออกของไทยสู้คู่แข่งไม่ได้ ขีดความสามารถการแข่งขันต่ำลง สินค้าราคาสูง แต่ไม่โดดเด่น ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ
การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน "เดี้ยง" มานานแล้ว ไตรมาสแรกเอกชนลงทุน -6.8% ภาครัฐติดล็อกรัฐบาลรักษาการ งบประมาณปี 2558 ต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ส่วนการบริโภค -1.8% ถ้าเป็นบัว 4 เหล่าก็ถือเป็นเหล่าที่ 4 ไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด
น่าสังเกตความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะผูกโยงและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมากเท่ากับครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯยิ่งลักษณ์จะถูกปลด แต่รัฐบาลก็ยังอยู่โดยมี "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" รับไม้ต่อนั้น น่าจะผลักดันให้มีการ "เลือกตั้ง" ขณะที่ กปปส. ต้องยืนกราน "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" เท่านั้น
แม้การเมืองยังอยู่ในวังวนเดิมๆ แต่จะเข้มข้นและรุนแรงยิ่งขึ้นประเทศคงเข้าสู่สภาพ "ติดล็อก" หาทางออกไม่เจอ สถานการณ์อย่างนี้โอกาสที่จีดีพีปีนี้ติดลบจึงมีสูงยิ่ง
คงจะได้เห็นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจต่างก็เดินกอดคอ ลงเหวพร้อมๆ กัน เตรียมรับมือกันให้ดี
คอลัมน์ เมืองไทย 25 น./ทวี มีเงิน
ข่าวสดออนไลน์, 9 พ.ค.2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น