เกิดมาลืมตาขึ้นมาในโลกมันก็เป็นหนี้แล้ว คิดดูเองมองเห็นได้ง่าย พอเกิดออกมาก็เป็นหนี้บุญคุณบิดามารดาที่ให้เกิดมา แล้วก็เป็นหนี้อะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่เขาทำไว้ดี ทำไว้ถูกต้อง เราเกิดมาก็ได้อาศัยไอ้ความรู้ หยูกยา การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ พอเกิดมาเราก็ได้ใช้ได้กิน ได้ใช้ ก็เป็นหนี้บุคคลผู้ได้คิดค้นสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา ใส่ไว้ในโลก
พอทารกเกิดมาจากท้องมารดาก็ได้ใช้ ได้กินได้ใช้ ก็เป็นหนี้ไปแล้ว ก็เป็นหนี้บุญคุณของบิดามารดาไปแล้ว และมันก็ได้รับการคุ้มครองดูแลรักษาเรื่อยมา ๆ เช่นว่าประเทศชาติมีระบบการปกครองดี มีกฎหมายดี มีการทำหน้าทีดี มีความปลอดภัย เราก็อยู่อย่างปลอดภัย ถ้ามันไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็มีคนมาฆ่าตายเมื่อไรก็ได้ จะมีคนมาบุกรุก จะมีคนมาเหยียบย่ำ มาปล้นมาชิงมาอะไรก็ได้ นี่ก็เรียกว่ามันก็เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวแล้ว และบางคนก็ไม่อาจจะรู้หรือไม่คิดไม่คิดไม่ยอมรับรู้ก็มี มันก็มี มีไปตามแบบอันธพาล
เราควรจะระลึกถึงข้อที่ว่า มันอยู่คนเดียวไม่ได้ในโลกนี้ มันจะต้องอาศัยซึ่งกันและกันไปลองคิดอยู่คนเดียวดู ลองคิดอยู่คนเดียวในโลกนี้ดูจะอยู่ได้ไหม จะอยู่ได้อย่างไร ในโลกนี้คนเดียว ไม่ว่าเขาจะยกโลกทั้งโลกนี้ให้เราเป็นเจ้าของครอง คนเดียวมันก็อยู่ไม่ได้นั่นแหละ นี่เรียกว่ามันก็ต้องสัมพันธ์กันทุกอย่าง แล้วจะรู้จักบุญคุณของสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้อาศัย คำว่าอาศัยนี่ก็ได้อาศัยกิน ได้อาศัยใช้สอย ได้อาศัยร่มเงา ได้อาศัยเพื่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย คนโบราณเขาจึงมีการสั่งสอนอบรมให้รู้บุญคุณไปเสียหมด แล้วก็จะได้ไม่ทำผิดกับสิ่งเหล่านั้น
พุทธทาสภิกขุ
ธรรมเทศนา ความเป็นหนี้ และความไม่เป็นหนี้ ปี ๒๕๓๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น