++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

ฮือฮา ชาวบุรีรัมย์จัดงานศพอุทิศกุศลให้ “กวาง” - หลังพลัดหลงเข้ามาตายในวัด

บุรีรัมย์ - ฮือฮา ชาวบ้านบุรีรัมย์ จัดพิธีงานศพให้ “กวาง” หลังพลัดหลงเข้ามาตายภายในวัด เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับกวางตัวดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่ากวางจะนำโชคลาภมาให้ทางวัดและหมู่บ้าน เหตุพบขณะประกอบพิธีลงเสาเอกก่อสร้างศาลาการเปรียญ หอระฆัง และกุฏิพระ

วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายเกรียงศักดิ์ แผ้วพลงสง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า ได้มีกวางพลัดหลงเข้ามาหลบอยู่ใต้ฐานเมรุเผาศพ วัดบ้านหนองจันดุม หมู่ที่ 2 ต.หนองโสน อ.นางรอง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา และได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยพระกับชาวบ้านได้พาการจัดพิธีศพเพื่อทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับ กวางตัวดังกล่าวด้วย เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่ากวางตัวดังกล่าวจะนำโชคลาภมาให้กับทางวัดและหมู่ บ้าน เนื่องจากวัดบ้านหนองจันดุม กำลังดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญ หอระฆัง และกุฏิพระ

ผู้สื่อข่าวจึงรับเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านร่วมร้อยคน ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ กำลังช่วยกันประกอบพิธีงานศพ ตามความเชื่อของชาวบ้าน ให้กับกวางที่บริเวณคอกกวาง ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดบ้านหนองจันดุม เพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กวางตัวดังกล่าว หลังจากพลัดหลงเข้ามาในวัด ขณะกำลังมีการยกเสาเอก เพื่อสร้างศาลาการเปรียญ ก่อนที่กวางตัวดังกล่าว จะเสียชีวิตลงเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วันที่ 9 ม.ค.โดยจะมีการตั้งซากกวางสวดพระอภิธรรม เป็นระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-12 ม.ค.จากนั้นจะทำการฝังซากกวาง ไว้ข้างเมรุของวัดไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อไป

พระณรงค์ ยะโสฺธโร อายุ 47 ปี พระลูกวัดบ้านหนองจันดุม ผู้ที่พบเห็นกวางตัวดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ม.ค.หลังฉันภัตตาหารเช้าเสร็จ ก็ได้ทำความสะอาดบริเวณโดยรอบของวัด จากนั้นได้นำไฟมาเผาหญ้า ที่ขึ้นอยู่บริเวณโดยรอบของเมรุเผาศพของทางวัด

ระหว่างนั้นกำลังเดินอ้อมมาข้างหลังเมรุ เพื่อจะจุดไฟเผาหญ้าอีกกองหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังตะกุกตะกักอยู่ใต้ฐานเมรุเผาศพ จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบเป็นเงาตะคุ่มๆ และโผล่หัวออกมา ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับสุนัขและวัว แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นตัวอะไร ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปบอกญาติโยม ที่กำลังประกอบพิธีลงเสาเอกศาลาการเปรียญให้มาช่วยดู

ระหว่างนั้นกวางตัวดังกล่าวได้วิ่งออกจากใต้ฐานเมรุเผาศพ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันจับไว้ จึงทราบว่าเป็นกวาง ก่อนจะนำขึ้นรถอีแต๊ก ทะเบียน ฆข 484 บุรีรัมย์ เพื่อนำกลับวัดและได้สร้างคอกเลี้ยงเอาไว้ เพื่อรอให้เจ้าของหรือเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจสอบ

พระณรงค์ เล่าต่อว่า กวางตัวดังกล่าวเป็นกวางเพศผู้ มีน้ำหนักตัวประมาณ 100 กว่ากิโลกรัม มีสภาพอิดโดย และมีบาดแผลถลอก คล้ายถูกยิงด้วยปืนแก๊ป เข้าตามร่างกายหลายแห่ง กระทั่งกลางดึกของวันดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.กวางตัวดังกล่าวก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ ชาวบ้านจึงได้ประชุมตกลงกันว่า ควรจะจัดงานศพให้กวางตัวดังกล่าว เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นการนำโชคลาภมาให้กับทางวัด เพราะกวางได้เข้ามาขณะกำลังมีการประกอบพิธียกเสาเอก สร้างศาลาการเปรียญวัด

ด้าน นายเผือ ใจดี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.2 บ้านจันดุม ต.หนองโสน ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ที่มีกวางหลุดเข้ามาอยู่ในวัดและเข้ามาในช่วงที่กำลังมีการก่อสร้างศาลาการ เปรียญ แล ะหอระฆัง กับ กุฏิพระ ซึ่งตนเองมองว่าในพื้นที่หมู่บ้านจันดุมแห่งนี้ และหมู่บ้านใกล้เคียง ไม่ได้มีป่าสวนหรือป่าสาธารณะประโยชน์ตั้งอยู่ใกล้ พอที่จะมีกวางหลุดเข้ามาได้ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยพบเห็น ว่ามีสัตว์ป่าอย่างกวาง หรือสัตว์ป่าประเภทอื่นหลุดเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด จึงถือเป็นเรื่องประหลาดอย่างยิ่ง

โดยตอนแรกจะมีการเลี้ยงเอาไว้ แต่กวางมาสิ้นใจตายเสียก่อน จึงได้ประชุมตกลงกันกับชาวบ้าน ว่า จะทำอย่างไรดีกับกวางตัวดังกล่าว หากจะแล่เนื้อมาแบ่งกันรับประทาน ชาวบ้านเชื่อว่าไม่เป็นสิ่งดี เพราะชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะเป็นสัตว์นำโชค ที่มาช่วยทางวัดดำเนินการหางบประมาณมาทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และอีกอย่างถือว่ากวางตัวดังกล่าว ได้หนีร้อนมาพึ่งเย็นจึงไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ตกลงกันว่าจะจัดงานศพให้ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ 3 วันคือตั้งแต่วันที่ 10 -12 ม.ค.ก่อนจะประกอบพิธีฝังไว้ที่ข้างเมรุเผาศพของทางวัด ซึ่งเป็นสถานที่พบกวางตัวดังกล่าวเป็นแห่งแรก

ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ แผ้วพลสง นายก อบต.หนองโสน กล่าวว่า ได้รับการประสานความร่วมมือจากชาวบ้าน ว่า มีกวางหลุดเข้ามาและเสียชีวิตลง โดยชาวบ้านได้ตกลงกันว่าจะจัดงานศพให้กับกวาง ก่อนประกอบพิธีฝัง และจัดทำเป็นอนุสรณ์สถานให้กับกวาง ซึ่งทาง อบต.หนองโสน จะเข้ามาให้การสนับสนุนช่วยเหลือในด้านต่างๆ เกี่ยวกับการประกอบพิธี

“กวางตัวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นกวางป่า เพราะพื้นที่โดยรอบ ต.หนองโสน ไม่มีที่ตั้งของป่าสงวนหรือป่าที่พอจะเป็น แหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ และเชื่อว่าน่าจะเป็นกวางที่มีคนเลี้ยงเอาไว้ เนื่องจากเขากวางมีรอยตัด และที่ใบหูของกวางมีรอยคล้ายกับรอยขลิบหูของวัว ควาย” นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น