นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์
โดย...จารยา บุญมาก
หลังจากที่กรมบัญชี กลาง กระทรวงการคลัง ออกมาประกาศว่า จะมีมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายยานอกบัญชียาหลักสำหรับสิทธิสวัสดิการข้า ราชการ ถึง 9 กลุ่ม นับเป็นประเด็นที่ทำให้วงการข้าราชการไทยต้องสะดุ้ง สะเทือนกันไม่น้อย โดยในเบื้องต้นได้ยกเลิกการจ่ายยาในกลุ่มยาลดข้อเข่าเสื่อมไปแล้ว ซึ่งกรมบัญชีกลางมั่นใจว่า สามารถจะประหยัดงบประมาณได้กว่า 400 ล้านบาท
ขณะที่อีก 8 กลุ่มที่เหลือนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ประกอบด้วย 1.กลุ่มยาลดไขมันในเลือด 2.กลุ่มยาป้องกันโรคกระดูกพรุน 3.กลุ่มยาลดการเป็นแผลและเลือดออกในกระเพาะอาหาร 4.กลุ่มยาต้านอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ 5.กลุ่มยาเบื้องต้นในการรักษาความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเลือด คั่ง 6.กลุ่มยาลดความดันโลหิต 7.กลุ่มยาป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด และ 8.กลุ่มยารักษามะเร็ง โดยหากยกเลิกได้สำเร็จมีการคาดการณ์ว่า สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมเกือบ 7 หมื่นล้านบาทต่อปี
นพ.สัมฤทธิ์ ศรีธำรงค์สวัสดิ์
สำหรับแนวคิดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา สํานักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) ในสังกัด สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้มีการศึกษาสถานการณ์การใช้ยาในสวัสดิการข้าราชการแล้ว พบว่า มีอัตราที่สูงเกินความจำเป็น จึงพยายามคิดหาวิธีการในการควบคุมการสั่งจ่ายยาในระบบดังกล่าว
โดยนพ.สัมฤทธิ์ ศรีธํารงสวัสดิ์ กรรมการและเลขานุการ สวปก.ยืนยันว่า กล่าวว่าในปี 2552-2553 พบว่า รพ.ขนาดใหญ่ที่ข้าราชการเข้าใช้บริการสาธารณสุขนั้นเรียกเก็บค่ายาแต่ละปีใน 3 กลุ่ม ได้แก่ ยาลดไขมัน มีมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท ยาโรคมะเร็งมีราว 1,300 ล้านบาท ยาต้านการอักเสบราว 1,000 ล้าน ซึ่งเมื่อเทียบกับระบบประกันสังคมและผู้ใช้สิทธิรักษาฟรีแล้ว พบว่า การเบิกจ่ายยาในระบบข้าราชการนั้น คิดเป็นหนึ่งเท่าตัวของทั้งทั้งสองระบบรวมกัน จึงต้องเร่งหามาตรการควบคุม แม้ สวรส.จะมีการยืนยันตัวเลขค่าใช้จ่ายแบบชัดเจน แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
นอ.(พิเศษ)นพ.อิทธิพร คณะเจริญ
มุมของนพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้ อำนวยการ (ผอ.) โรงพยาบาลรามาธิบดี เห็นว่า แนวคิดของกรมบัญชีกลางนั้นเป็นหนทางในการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ก็จริง แต่ยาบางกลุ่มไม่ควรจะยกเลิก ได้แก่ กลุ่มยาเบื้องต้นในการรักษาความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเลือดคั่ง กลุ่มยาลดความดันโลหิต กลุ่มยารักษามะเร็ง เนื่องจากในโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง รพ.รามาธิบดี มีผู้ป่วยที่เป็นข้าราชการมาใช้บริการจำนวนมาก และโรคที่มีผู้มาเข้ารับการรักษาเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ มะเร็ง โรคความดัน เบาหวาน และหัวใจ อีกทั้งผู้ป่วยส่วนมากเกษียณอายุราชการแล้วบางรายต้องรักษาตัวนานและต่อ เนื่อง ในกระบวนการรักษาบางครั้งแพทย์พยายามจะใช้ยาในบัญชียาหลัก เพราะราคาถูกกว่า แต่พบว่าบางกรณีไม่สามารถทำได้จึงจำเป็นต้องสั่งจ่ายยานอกบัญชียาหลักที่มี ประสิทธิภาพมากกว่าแม้ว่าราคาแพงแต่ก็คุ้มค่ากับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ ป่วย
“เชื่อว่า โรงพยาบาลทุกแห่งของรัฐบาลไม่มีแห่งใดต้องการที่จะผลาญงบประมาณด้วยการจ่าย ยานอกบัญชีที่มีราคาแพง แต่เพื่อชีวิตของผู้ป่วย แพทย์ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ และที่สำคัญโรคมะเร็งยังเป็นโรคอันดับแรกที่คร่าชีวิตคนไทย ดังนั้น อยากให้พิจารณาดีๆ เสียก่อนโดยอาจจะรับฟังเสียงจากข้าราชการก่อนก็ยังดี เพราะอย่างน้อยข้าราชการทุกคนก็ทำหน้าทีรับใช้ประชาชนเสมอมา หากจะเปลี่ยนระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลช่วงนี้ก็ควรฟังมีการประเมินผล กระทบก่อน” ผอ.รพ.รามาธิบดี อธิบาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น