ในอดีต การพัฒนาประเทศอาจมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ขาดภูมิคุ้มกันทางสังคมที่ดี เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหา ก็ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งประเทศ และประชาชน
วันนี้ ไม่มีใคร ไม่เคยได้ยิน คำว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน” แต่จะเข้าใจความหมาย หรือนำไปใช้ได้อย่างถูกวิธีหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่สำหรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ตระหนักดีว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน จะต้องคำนึงถึงความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
วันนี้ บีโอไอคงส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่มุ่งเน้นผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัทของคนไทย หรือบริษัทต่างชาติ จำเป็นจะต้องส่งเสริมให้การลงทุนนั้นๆ นำมาซึ่งประโยชน์ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย
ดังนั้น ในปี 2553 ที่ผ่านมา บีโอไอจึงได้ออกนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใน 3 กลุ่มหลักๆ ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความยั่งยืน ได้แก่ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทน เช่น เอทานอล ไบโอดีเซล การผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ ก๊าซชีวมวล
รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Chemicals) และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Products) และกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รถยนต์ไฮบริด เทคโนโลยีชีวภาพ การวิจัยและพัฒนา
ผลจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้ในปี 2553 (มกราคม - 30 พฤศจิกายน 2553) มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายใต้นโยบายดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 100 โครงการ เงินลงทุนรวม 74,710 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดนี้อาจจะไม่สูงมากนัก หากเปรียบเทียบกับมูลค่าเงินลงทุนตลอดทั้งปีที่สูงเกือบ 450,000 ล้านบาท แต่หากพิจารณาในแง่ของคุณค่าโครงการที่จะลงทุน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะมีโครงการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทนที่ต้องการลงทุน เพิ่มอีก 38 โครงการ มีโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต้องการลงทุน 4 โครงการ และมีโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา สิ่งแวดล้อมอีก 58 โครงการ
นอกจากนี้ บีโอไอยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อการประหยัดพลังงานหรือใช้พลังงานทดแทน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะมีการลงทุนในส่วนนี้ในอนาคตอันใกล้อีกจำนวน 50 โครงการ รวมเงินลงทุนประมาณ 16,986 ล้านบาท และคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดสารที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อยสารอันตรายประเภทต่างๆ จำนวนมาก
และในปี 2554 บีโอไอก็จะเดินหน้าขับเคลื่อนการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างต่อเนื่อง โดยจะผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การลงทุนภาคอุตสาหกรรมเป็นที่ยอมรับของชุมชน รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนเพื่อสังคม ครอบคลุมกิจการเพื่อสังคม มุ่งเน้นประโยชน์ต่อสังคมเป็นหลัก ไม่ได้เน้นเพื่อแสวงหากำไร
“บีโอไอแฟร์ครั้งที่ 3 หรือ “บีโอไอแฟร์ 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน”
จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 25 พฤศจิกายน 2554 ที่อิมแพค เมืองทองธานี
โดยจะเป็นเวทีสำหรับการแสดงให้เห็นความรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม”
และปลายปีนี้ บีโอไอก็จะจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เคยจัดมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2538 “ก้าวไกลไทยทำ 38 บีโอไอแฟร์ 95” และในปี 2543 “เชื่อมั่นเมืองไทย บีโอไอแฟร์ 2000”
บีโอไอแฟร์ครั้งที่ 3 หรือ “บีโอไอแฟร์ 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน” (Going Green for the Future) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 - 25 พฤศจิกายน 2554 ที่อิมแพค เมืองทองธานี จะแตกต่างจากบีโอไอ 2 ครั้งก่อนตรงที่ ไม่เพียงแต่แสดงเทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำจากทั่วโลกของบริษัทที่ลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น บีโอไอแฟร์ 2011 ยังจะเป็นเวทีสำหรับการแสดงให้เห็นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของ ภาคเอกชนชั้นนำทั้งไทยและจากต่างประเทศอีกด้วย
ขณะนี้ บริษัทชั้นนำที่ตอบรับเข้าร่วมแสดงในงานบีโอไอแฟร์ 2011 ล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของ Green Policy, Green Process, Green Product, Green Technology และกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ
บีโอไอแฟร์ 2011 นอกจากจะเป็นเวทีสำหรับสร้างแบรนด์สีเขียว (Green Branding) ของภาคเอกชนแล้ว ยังเป็นการประกาศพันธสัญญา (Green Commitment) ของภาคอุตสาหกรรมทั้งวงการที่มีต่อสังคมไทย และสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาและก้าวต่อไปอย่างยั่งยืนด้วย
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2553-8111 หรือที่ head@boi.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น