++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ตูนิเซียซินโดรม อาการโรคการเมืองที่อาจติดต่อได้

โดย ว.ร.ฤทธาคนี
ความต่อเนื่องของการปฏิวัติล้มรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมองว่าเป็นหุ่นของลัทธิอำมาตย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทักษิณสาวก กลุ่มนายทุนสามานย์ และกลุ่มนิยมอนาธิปไตยล้มสถาบันสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์เป้าหมายในการโค่นล้มระบอบการปกครองของไทยความเข้มข้น ตั้งแต่น้อยไปหามาก ซึ่งหมายความว่า หากประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้ว ถ้าเปลี่ยนแปลงแต่น้อยก็อาจจะหมายถึงการปฏิรูประบบการเมืองที่ไม่กระทบจิตใจ คนทั้งชาติ แต่จะสร้างกรอบให้มีข้อจำกัดในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่หากต้องการเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรง ก็คือ การทำลายสถาบัน และสถาปนาระบบสาธารณรัฐตามความคิดของอนาธิปไตยนิยมเพียงหยิบมือ

อนาธิปไตยไม่ใช่สังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ แต่อนาธิปไตยสวมเสื้อสังคมนิยมเพื่อให้ดูดี และให้มีการเลือกตั้งซึ่งดูเป็นประชาธิปไตย เพราะมีพรรคการเมืองตัวแทนเพียบให้ดูว่ามีหลายพรรค อนาธิปไตยเป็นเผด็จการที่สร้างภาพความเสมอภาคเป็นเกราะหรือให้ดูมีเสรีภาพใน กลุ่มพวกนิยมลัทธินี้ จนทำลายสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น อนาธิปไตยนิยมไม่เคารพสิทธิและความคิดของคนอื่น รวมทั้งไม่ยอมรับวัฒนธรรมที่ดีงามมาแต่เก่าก่อน ส่วนหนึ่งของอนาธิปไตยเชื่อว่าขนบธรรมเนียมบางอย่างไร้สาระ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพวกเขาไม่ชอบและริษยา ไม่ยอมรับในส่วนที่ดีของวัฒนธรรมนั้น

แก่นอนาธิปไตยเชิงรัฐศาสตร์แล้วมีความซับซ้อนมาก แตกประเภทออกไปมากมาย แต่ตะวันตกเชื่อว่าอนาธิปไตยนิยม คือ การต่อต้านทุกระบบของชาติที่คนส่วนใหญ่เห็นดีเห็นงาม แต่ในอัตตานิยมของคนเพียงไม่กี่คนจะต่อต้าน แล้วชักนำโน้มน้าวให้พวกมีปมด้อยทางสังคมฮึกเหิมลืมตัว ลืมชาติกำเนิด ลืมเคารพในความชอบธรรมของคนส่วนใหญ่ รวมทั้งต่อต้านความชอบธรรมร่วมสมัย

เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศสนับสนุนคำแถลงของนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานคนเสื้อแดง ที่กลุ่มแดงจะนัดชุมนุมกันในวันที่ 23 มกราคมนี้ และคาดว่าจะมีคนมาร่วมประชุมนับแสนแต่ไม่รับผิดชอบถึงผลพวงที่จะเกิดตามมา อ้างว่าคนมากมหาศาลควบคุมไม่ได้

ขณะที่ นายจตุพร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายโดยเป็นผู้ชี้นำให้เผากรุงเทพฯ เมื่อพฤษภาคมที่แล้ว ออกมาข่มขู่พ่อค้าแม่ค้า พนักงานโรงแรม ร้านอาหาร และสถานเริงรมย์ย่านสี่แยกราชประสงค์ โดยเน้นที่ว่า “ราชประสงค์เป็นของราษฎร ไม่ใช่เป็นของเจ้าของห้าง เพราะพื้นที่ห้างล้วนแต่เช่าทั้งนั้น” ทั้งเน้นว่า การอธิบายว่าเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ มันแลกไม่ได้กับการสูญเสียของชีวิต ชีวิตย่อมสูงกว่าทุกสิ่ง ผู้ประกอบการราชประสงค์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเสื้อแดง เพราะคู่ต่อสู้ของเราคืออำมาตย์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ประเด็นนี้ทางการต้องสืบให้ได้ว่าการสังหารในวัดปทุมวนารามเป็นแผนการเสื้อ แดงหรือไม่ที่สร้างประเด็นกล่าวโทษทหารแต่กลับไม่พูดถึงการสังหารหมู่ทหาร ที่ราชดำเนิน

นายจตุพรหลีกเลี่ยงคำว่านายทุน เพราะคำนี้กระทบสถานภาพของกลุ่มนักธุรกิจที่สนับสนุนคนเสื้อแดง

ส่วนคำว่าอำมาตย์นั้น นักวิชาการรัฐศาสตร์ทั่วไปยังไม่สามารถให้นิยมศัพท์ตามที่คนเสื้อแดงบัญญัติ ศัพท์นี้ขึ้นมาว่าหมายถึงอะไร สร้างความเสียหายให้สังคมอย่างไร และมีใครเป็นแกน

แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัด นักโฆษณาชวนเชื่อเสื้อแดงบอกกับชาวบ้านว่า ลัทธิอำมาตย์คือลัทธิที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นแกนนำเพื่อควบคุมการปกครอง และสร้างอำนาจเผด็จการจนชาวบ้านหลงเชื่อ ทั้งยังมีการโฆษณาชวนเชื่อที่ลึกล้ำกว่านั้น จนเกิดปรากฏการณ์ต่อต้านสถาบันที่เข้มข้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง ไทย

เมื่อทักษิณใช้แกนนำมวลชนจากกรณีการเมือง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ในช่วงการตั้งพรรคไทยรักไทย แกนนำเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกอนาธิปไตยนิยม ไม่ใช่นักปฏิวัติ เป็นนักโฆษณาชวนเชื่ออาชีพ เช่น กลุ่มนายเหวง โตจิราการ หรือนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ หรือกลุ่มนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายสุรชัย แซ่ด่าน นายอดิศร เพียงเกษ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น

บุคคลเหล่านี้ทักษิณรวบรวมไว้ด้วยเงินตราและกิจการธุรกิจ เพื่อเอาไว้เป็นกองทัพต่อต้านการประท้วงรัฐบาลของเขา โดยกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กันมาก่อน จากการเข้าป่าก็ทำให้การประท้วงเกิดขึ้นยากนักเคลื่อนไหวจะรู้จักกัน ยุทธศาสตร์นี้ของทักษิณได้ผล เพราะทุกครั้งที่มีประชาชนมาประท้วงรัฐบาลทักษิณในปี 2545 แล้ว บรรดานักประท้วงและนักต่อต้านการประท้วงแบ่งผลประโยชน์กัน ทักษิณกินข้าวกับชาวบ้าน ซึ่งต่อมาแยกย้ายกันกลับไปด้วยคำมั่นสัญญาเต็มกระเป๋า

การโฟนอินของทักษิณ เป็นการเตือนสติคนไทยที่ระแวงพฤติกรรมของเขาและคนเสื้อแดง ที่มุ่งหวังจะโค่นรัฐบาลและระบอบการปกครอง หากได้โอกาสเพราะแนวความคิดในการปฏิวัติล้มล้างระบบยังติดแน่นในจิตสำนึก ไม่มีวันเสื่อมคลาย พลังความมุ่งมั่นที่มีเงินเป็นปัจจัยเอาไว้ซื้อคน ก็ยังเข้มแข็งจนนางธิดา กล้าพูดว่าจะมีคนมาชุมนุมที่ราชประสงค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครั้งละหมื่น ถึงครั้งละแสนคน การเคลื่อนย้ายคนเรือนแสนต้องมีงบประมาณมากโขอยู่ แถมยังกระทำได้บ่อยๆ

นับแต่นี้ไป ตูนิเซียซินโดรม จะเป็นอาการหลายๆ อาการของความผิดปกติทางการเมืองไทย ที่เป็นปัจจัยให้คนเสื้อแดงสามารถยกตัวอย่างสร้างความฮึกเฮิมให้กับผู้รู้ เท่าไม่ถึงการณ์ทั้งหลายออกมาสมทบ เพราะพวกไม่รู้ว่าเหตุการณ์ตูนิเซียนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ถ้าเขารู้ว่าประชาชนเดือดร้อนเพราะประธานาธิบดีคอร์รัปชันทุจริต รัฐมนตรีคอร์รัปชันทุจริต พวกเขาก็จะรู้ว่าคนโกงบ้านโกงเมืองเท่านั้นที่อยู่ไม่ได้

ตูนิเซียประสบปัญหาทางเศรษฐกิจรุนแรง แต่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ตลาดส่งออกในสหภาพยุโรปของตูนิเซียซบเซา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวย่านเมดิเตอร์เรเนียนซบเซา จึงทำให้คนว่างงานเพิ่มขึ้น เพราะนักศึกษาเรียนจบไม่มีงานทำ

แต่บ้านเราเศรษฐกิจถดถอยเพราะปัจจัยภายใน แกนนำคนเสื้อแดงไม่เดือดร้อน เพราะเม็ดเงินไหลตามท่อน้ำเลี้ยงที่มีรูปแบบการส่งเงินมากมายหลายวิธี

การใช้สี่แยกราชประสงค์เป็นสมรภูมินั้น ก็เพราะราชประสงค์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญทางธุรกิจของชาติ สัญลักษณ์ทางกายภาพหลายอย่างบ่งบอกถึงเหตุการณ์ สถานการณ์ และถ้าราชประสงค์ซบเซาเพราะไร้ผู้คน มีแต่คนใส่เสื้อแดง บรรยากาศการลงทุนก็จะมีค่าเป็นศูนย์ การท่องเที่ยวก็ซบเซา พ่อค้าแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ พนักงานโรงแรม ร้านค้าต่างๆ เดือดร้อน และในที่สุดก็ต้องเลือกสมทบที่โค่นล้มรัฐบาล เพราะรัฐบาลช่วยอะไรไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่รัฐถูกข่มขู่ กดดัน อีกทั้งแตกแยกกัน

จำเป็นต้องมองโลกในแง่ลบ เพราะต้องการบอกรัฐบาลว่าเงื่อนไขอะไรที่เป็นสาเหตุของตูนิเซียซินโดรม นายอภิสิทธิ์ ต้องขจัดออกไป และต้องเด็ดขาด ความเด็ดขาดของรัฐบาลกระตุ้นให้ชาวราชประสงค์สร้างเกราะป้องกันตัวเองไม่ให้ เจ๊งได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น