นิทานที่ สาม ชื่อเรื่อง "Is that so?" ท่านลองแปลเอาเองว่า อย่างไรมัน ก็คล้ายๆ กับว่า
"อย่างนั้นหรือ?" นิทานที่สามนี้ เล่าว่า
ณ สานักเซ็น ของอาจารย์ เฮ็กกูอิน ซึ่งเป็นวัดที่เลื่องลือมาก เป็น
เหมือนกับว่า เป็นที่พึ่งของหมู่บ้าน ที่ร้านชาใกล้ๆ วัดนั้น มีหญิงสาวสวยคน
หนึ่ง เป็นลูกเจ้าของร้าน ทีนี้ โดยกะทันหัน ปรากฏว่า มีครรภ์ขึ้นมา พ่อแม่
เขา พยายาม ขยั้นขยอถาม ลูกสาวก็ไม่บอก แต่เมื่อถูกบีบคั้นหนักเข้า ก็ระบุ
ชื่อ ท่านอาจารย์ เฮ็กกูอิน
เมื่อหญิงสาวคนนั้นระบุอาจารย์เฮ็กกูอินเป็นบิดาของเด็กที่อยู่ในครรภ์
พ่อแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไปที่วัด แล้วก็ไปด่าท่านอาจารย์เฮ็กกูอิน ด้วย
สานวนโวหารของคนที่โกรธที่สุดที่จะด่าได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากว่า "Is that so?" คือ ว่า "อย่างนั้น
หรือ"
สองคนด่าจนเหนื่อย ไม่มีเสียงจะด่า ไม่มีแรงจะด่า ก็กลับไปบ้านเอง
ทีนี้ พวกชาวบ้านที่เคยเคารพนับถือ ก็พากันไปด่าว่าเสียที ที่เคยนับถือ
อย่างนั้น อย่างนี้ ท่านก็ไม่มีประโยคอะไรที่จะพูด นอกจากว่า "Is that so?"
พวกเด็กๆ ก็ยังพากันไปด่าว่า พระบ้า พระอะไร สุดแท้แต่ ที่จะด่าได้
ตามภาษาเด็ก ท่านก็ว่า "Is that so?" ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ต่อมา เด็กคลอดออกมาจากครรภ์ บิดามารดาที่เป็นตายายของเด็ก ก็
เอาเด็กไปทิ้งไว้ให้ท่านอาจารย์ เฮ็กกูอินในฐานะเป็นการประชด หรือ อะไรก็
สุดแท้ว่า "แกต้องเลี้ยงเด็กคนนี้"
ท่านอาจารย์ เฮ็กกูอิน ก็มีแต่ "Is that so?" ตามเคย
ท่านรับเด็กไว้และต้องหานม หาอาหารของเด็กอ่อนนั้น จากบุคคลบาง
คน ที่ยังเห็นอกเห็นใจ ท่านอาจารย์ เฮ็กกูอินอยู่ พอเลี้ยงเด็กนั้นให้รอดชีวิต
เติบโตอยู่ได้
ทีนี้ ต่อมานานเข้า หญิงคนที่เป็นมารดาของเด็กเหลือที่จะทนได้มัน
เหมือนกับไฟนรก เข้าไปสุมอยู่ในใจ เพราะเขาไม่ได้พูดความจริง ฉะนั้น วัน
หนึ่ง เขาจึงไปสารภาพบอกกับบิดามารดาของเขาว่า บิดาที่แท้จริงของเด็ก
นั้น คือ เจ้าหนุ่มร้านขายปลา
ทีนี้ บิดามารดา ตายายคู่นั้น ก็มีจิตใจ เหมือนกับนรกเผาอยู่ข้างใน อีก
ครั้งหนึ่ง รีบวิ่งไปที่วัด ไปขอโทษ ขอโพย ต่ออาจารย์เฮ็กกูอิน ขอแล้ว ขอ
เล่าๆ เท่าที่จะรู้สึกว่า เขามีความผิดมากอย่างไร ก็ขอกันมากมายอย่างนั้น
ท่านก็ไม่มีอะไร นอกจาก Is that so? แล้วก็ขอหลานคนนั้น คืนไป
ต่อมา พวกชาวบ้านที่เคยไปด่าท่านอาจารย์ ก็แห่กันไปขอโทษอีก
เพราะความจริงปรากฏขึ้น เช่นนี้ ขอกันใหญ่ ไม่รู้กี่สิบคน ขอกันนานเท่าไร
ท่านก็ไม่มีอะไรจะพูด นอกจาก Is that so? อีกนั่นเอง
เรื่องของเขาก็จบเท่านี้
Page 2
นิทานเรื่องนี้ จะสอนว่าอย่างไร เราถือว่า นิทานชุดนี้ ก็เหมือนกับ นิทานอิสป ในทาง
วิญญาณ ในทาง Spiritual point of view
นิทานเรื่องนี้ สอนว่าอย่างไร นั้นหรือ มันก็เหมือนกับที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า "นตฺถิ โลเก
รโห นาม" และ "นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต" "การไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก" หรืออะไรทานองนี้
แต่ท่านทั้งหลาย ลองเปรียบเทียบดูทีหรือว่า ถ้าพวกครูบาอาจารย์ ของเราทั้งหลาย
เป็นผู้ถูกกระทา อย่างท่านอาจารย์เฮ็กกูอิน ท่านจะเป็นอย่างนี้ได้ไหม คือจะ Is that so?
คาเดียว อยู่ได้ไหม
ถ้าได้เรื่องนี้ ก็คงจะไม่เป็น อย่างที่กาลังเป็นอยู่ คือ คงจะไม่ถูกฟ้องว่า ตีเด็กเกินควร
หรือ อะไรทานองนั้น ต้องไปถึงศาลก็มี
อาตมาเคยเห็น ครูที่บ้านนอก ต้องไปพูดกันถึงโรงถึงศาลก็มี เพราะตีเด็กเกินควร เป็น
ต้น นี่คือ มันหวั่นไหวต่ออารมณ์มากเกินไป จนกระทั่ง เด็กเล็กๆ ก็ทาให้โกรธได้ทีเรื่องนิด
เดียวก็ยังโกรธได้นี่ เพราะว่า ไม่ยึดถือความจริงเป็นหลักอยู่ในใจ มันจึงไหวไปตามอารมณ์
โกรธมาก กลัวมาก เกลียดมาก ล้วนแต่เป็นอารมณ์ร้ายไปเสียทั้งนั้น ทาไมไม่คิดว่า มัน
ไม่ใช่ เรื่องราวอะไรมากมาย มันไม่ใช่ เป็นไปตามเสียงส่วนมาก ที่ยืนยันว่า อันนั้น ต้องเป็น
อันนั้นจริง ความจริง มันต้องเป็นความจริง ถ้าจะมีอุเบกขา ก็ควรจะมีอุเบกขาอย่างนี้ ไม่ใช่
อุเบกขาผิดอย่างอื่น ฉะนั้น เราควรจะฟังของเขาไว้
คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/
ผู้คัดลอกและเรียบเรียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น