++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

มหานรก ๘ ขุม

มหานรก ๘ ขุม

ขุมที่1 สัญชีวนรก
ได้แก่ พวกมหาโจร ปล้นทำลายทรัพย์สิน ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้ต่ำต้อย เมื่อตายจะไปอยู่ในนรกขุมนี้ นายนิรยบาลจะใช้อาวุธ ที่มีแสงฟาดฟันร่างกาย ขาดออกเป็น ๒ ท่อน ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกฟาดฟันให้ตายลงไปเป็นเช่นนี้อีก เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

ขุมที่ 2 กาฬสุตตะนรก
ได้แก่ พวกเพชฌฆาต พวกที่ฆ่านักบวช ภิกษุสามเณร ผู้ทุศีล อลัชชี พวกนี้เมื่อตายไป จะไปเสวยทุกข์ในกาฬสุตตะนรก นายนิรยบาลจะใช้เชือกสีดำ ดีดไปที่ร่างกาย แล้วใช้มีด ขวาน หรือเลื่อย ตัด ถาก หรือเลื่อย ตามรอยเชือกที่ดีดไว้ ได้รับความทุกขเวทนาแสนสาหัส

ขุมที่ 3 สังฆาตะนรก
ได้แก่ พวกพรานนก พรานเนื้อ หรือพวกที่ชอบทรมานเบียดเบียนสัตว์ ที่ตนใช้ประโยชน์ เช่น วัวควาย โดยขาดความเมตตาสงสาร บุคคลเหล่านี้เมื่อตายไปแล้ว ก็จะไปเสวยทุกข์ในสังฆาตะนรก ซึ่งจะถูกภูเขาเหล็ก ที่มีเปลวไฟลุกโพลง เคลื่อนมาบดทับขยี้ร่างกาย จนแหลกละเอียดเป็นจุณไป

ขุมที่ 4 โรรุวะนรก
ได้แก่ พวกเมาสุราอาละวาดทำร้ายร่างกาย พวกเผาไม้ทำลายป่า พวกกักขังสัตว์ไว้ฆ่า พวกชาวประมง เมื่อตายย่อมไปเสวยทุกข์ในโรรุวะนรก จะถูกนายนิรยบาล ทรมานด้วยควันไฟ อันร้อนระอุให้เข้าไปสู่ทวารทั้ง ๙ ร้องระงมด้วยความเจ็บปวด ทรมานแสนสาหัส

ขุมที่ 5 มหาโรรุวะนรก
ได้แก่ พวกที่ลักเครื่องสักการะบูชา ขโมยทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ครูอาจารย์ หรือภิกษุสามเณร นักบวชต่าง ๆ บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้ว ย่อมไปเสวยทุกข์ในมหาโรรุวะนรก โดยถูกไฟเผาตามทวารทั้ง ๙ ร้องครวญครางด้วยเสียงอันดัง

ขุมที่ 6 ตาปนะนรก
ได้แก่ พวกเผาบ้านเผาเมือง เผาโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ บุคคลเหล่านี้ตายแล้ว ต้องไปเสวยทุกข์ในตาปนะนรก จะถูกนายนิรยบาลให้นั่งตรึงด้วยหลาวเหล็ก อันร้อนแรงและมีไฟลุกท่วมร่างกาย

ขุมที่ 7 มหาตาปนะนรก
ได้แก่ พวกมิจฉาทิฏฐิบุคคล เห็นผิดเป็นชอบ ไม่รู้จักของดีมีประโยชน์ ปฏิเสธเรื่องบุญ เรื่องบาป เห็นว่าตายแล้วสูญ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเที่ยง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำแต่ทุจริตกรรม บุคคลเหล่านี้ตายแล้ว ย่อมไปเสวยทุกข์ในมหาตาปนะนรก จะถูกนายนิรยบาลไล่ให้ขึ้นไปบนเขาเหล็ก ที่กำลังร้อนแรง เมื่อลื่นตกลงมาเบื้องล่าง ก็จะถูกหลาวเสียบ และมีไฟไหม้ท่วมร่างกายของสัตว์เหล่านั้น

ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก
ได้แก่ พวกทำบาปหนักที่เป็นอนันตริยก รรม คือ ฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต ทำสังฆเภท คือ ยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน เป็นผู้ทำลายพระพุทธรูป พระพุทธเจดีย์ ต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พวกติเตียนพระอริยสงฆ์ บุคคลเหล่านี้เมื่อตายแล้ว ย่อมไปเสวยทุกข์ในอเวจีมหานรก
จะถูกนายนิรยบาลตรึงเสียบด้วยหลาวเหล็ก อันร้อนแรงทั้ง ๔ ด้าน จากซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง ที่ศีรษะและเท้าถูกครอบตรึง ด้วยเหล็กที่ร้อนแรง

อุสสทนรก ๔ ขุม
อุสสทนรก เป็นนรกขุมย่อย ล้อมรอบอยู่ตามประตูมหานรกทั้ง ๔ ทิศ ๆ ละ ๔ ขุม มหานรก ขุมหนึ่งจะมีอุสสทนรก ๑๖ ขุม ดังนั้น มหานรก ๘ ขุม จึงมีอุสสทนรกรวม ๑๒๘ ขุม มีชื่อเหมือนกันทุกประตู ต่างกันที่โทษหนักหรือเบาเท่านั้น มีชื่อดังนี้

ขุมที่ 1 คูถะนรก นรกอุจจาระเน่า
ได้แก่ พวกมหาโจร ปล้นทำลายทรัพย์สิน ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้ต่ำต้อย เมื่อตายจะไปอยู่ในนรกขุมนี้ นายนิรยบาลจะใช้อาวุธ ที่มีแสงฟาดฟันร่างกาย ขาดออกเป็น ๒ ท่อน ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกฟาดฟันให้ตายลงไปเป็นเช่นนี้อีก เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

ขุมที่ 2 กุกกุละนรก นรกหลุมขี้เถ้า
ได้ แก่ พวกเพชฌฆาต พวกที่ฆ่านักบวช ภิกษุสามเณร ผู้ทุศีล อลัชชี พวกนี้เมื่อตายไป จะไปเสวยทุกข์ในกาฬสุตตะนรก นายนิรยบาลจะใช้เชือกสีดำดีดไปที่ร่างกาย แล้วใช้มีด ขวาน หรือเลื่อย ตัด ถาก หรือเลื่อย ตามรอยเชือกที่ดีดไว้ ได้รับความทุกขเวทนาแสนสาหัส

ขุมที่ 3 สิมปลิวนะนรก นรกป่างิ้ว
ได้แก่ พวกมหาโจร ปล้นทำลายทรัพย์สิน ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้ต่ำต้อย เมื่อตายจะไปอยู่ในนรกขุมนี้ นายนิรยบาลจะใช้อาวุธ ที่มีแสงฟาดฟันร่างกาย ขาดออกเป็น ๒ ท่อน ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกฟาดฟันให้ตายลงไปเป็นเช่นนี้อีก เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

ขุมที่ 4 เวตตรณีนรก นรกน้ำเค็ม
ได้แก่ พวกมหาโจร ปล้นทำลายทรัพย์สิน ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้ต่ำต้อย เมื่อตายจะไปอยู่ในนรกขุมนี้ นายนิรยบาลจะใช้อาวุธ ที่มีแสงฟาดฟันร่างกาย ขาดออกเป็น 2 ท่อน ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกฟาดฟันให้ตายลงไปเป็นเช่นนี้อีก เรื่อยไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

ยมโลกนรก ๑๐ ขุม
ผู้ ที่ทำบาปอกุศลกรรมหนัก ๆ ไว้ไปเสวยทุกขเวทนาในมหานรก และอุสสทนรกแล้ว ยังจะต้องเสวยทุกข์ในยมโลกนรกอีก ซึ่งตั้งเรียงรายล้อมรอบอุสสทนรก ๕ ทิศ ทิศละ ๑๐ ขุม ในอุสสทนรกขุมหนึ่ง ๆ จึงมียมโลกนรก ๔๐ ขุม เมื่อรวมยมโลกทั้งหมดที่มีอยู่ในมหานรกทั้ง ๘ ขุม จะรวมได้ทั้งหมด ๓๒๐ ขุม
ยมโลกนรก ๑๐ ขุม มีชื่อดังต่อไปนี้

ขุมที่ 1 โลหกุมภีนรก นรกน้ำร้อน
นรกขุมนี้จะมีหม้อเหล็กขนาดใหญ่ ที่มีน้ำร้อนเดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา

ขุมที่ 2 สิมพลีนรก นรกป่างิ้ว
จะเต็มไปด้วยต้นงิ้ว ที่มีหนามแหลมคมและมีพิษ จะลงโทษชายหญิง ที่ประพฤติผิดในทางเพศ

ขุมที่ 3 อสินขนรก นรกที่มีเล็บมือเล็บเท้าที่แหลมคม
โดยจะใช้เล็บมือเล็บเท้าของตนเองนี้ ขุดตะกุยเนื้อหนังของตนกินเป็นอาหาร

ขุมที่ 4 ตามโพทกนรก นรกน้ำทองแดง
ในนรกขุมนี้ จะมีหม้อเหล็กขนาดใหญ่ ที่มีน้ำทองแดง เดือดพล่านอยู่

ขุมที่ 5 อโยคุฬนรก นรกก้อนเหล็กแดง
ในนรกขุมนี้ จะเต็มไปด้วยก้อนเหล็กแดงอยู่เกลื่อนกลาดทั่วไป สัตว์นรกเห็นเป็นอาหาร ก็บริโภคเข้าไปได้รับความทุกขเวทนา

ขุมที่ 6 ปิสสกปัพพตนรก นรกภูเขาใหญ่
ซึ่งตั้งอยู่ ๔ ทิศ จะเคลื่อนเข้ามาหากัน และบดขยี้สัตว์นรก ให้แหลกละเอียดเป็นจุณ

ขุมที่ 7 ธุสนรก นรกอดน้ำ
ผู้ที่ตกนรกขุมนี้ จะมีความทุกข์ทรมานจากการหิวกระหายน้ำ

ขุมที่ 8 สีตโลสิตนรก นรกน้ำเยือกเย็น
เป็น นรกที่มีน้ำเย็นเป็นที่สุด สัตว์นรกจะต้องตายเพราะความเย็น และเกิดใหม่ทันที ทันทีที่เกิดใหม่ก็จะถูกนายนิรยบาลจับโยนลงไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ชั่วกาลนาน

ขุมที่ 9 สุนขนรก สุนัขนรก
จะเต็มไปด้วยสุนัขนรกที่ดุร้าย หิวโหย และกัดกินกันเอง

ขุมที่ 10 ยันตปาสาณนรก นรกเขากระทบกัน
ผู้ที่ตกในนรกขุมนี้ จะถูกนายนิรยบาลจับโยนเข้าไป ในระหว่างเขา ๒ ลูก ซึ่งกระทบกันอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น