++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รายงานพิเศษ : หยั่งเสียง "สังคม" อยากให้ "พันธมิตรฯ" ตั้งพรรคหรือไม่?

อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

คำถาม ใหญ่สุดที่ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"
ถูกพูดถึงในวันนี้ คงหนีไม่พ้น "จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่?"
ถ้าตั้ง-ใครจะเป็น "หัวหน้าพรรค"?
คำถามเหล่านี้น่าจะพอได้ความชัดเจนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้าจาก
การประชุมสภาพันธมิตรฯ และงานรำลึก 193 วันที่ใกล้จะเปิดฉากขึ้น
...ก่อนจะถึงเวลานั้น
เราลองมาชิมลางหยั่งเสียงประชาชนบางส่วนดูก่อนว่าจะหนุนให้พันธมิตรฯ
ตั้งพรรคหรือไม่ และนักวิชาการคิดเห็นอย่างไร เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า
หากพรรคพันธมิตรฯ เกิดขึ้นจริง
จะถือเป็นครั้งสำคัญที่เมืองไทยจะมีพรรคการเมืองใหม่ที่เป็นพรรคของประชาชน
อย่างแท้จริง เพราะเกิดจากมติของมวลชนขนาดใหญ่ที่หลอมรวมอุดมการณ์จนเป็นหนึ่งเดียว

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

งานรำลึก 193
วันแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใกล้เข้ามาแล้ว
พร้อมๆ กับการประชุมสภาพันธมิตรฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้ 1
ในไฮไลต์สำคัญของการจัดงานครั้งนี้ ก็คือ
การขอมติจากประชาชนผู้ร่วมงานว่า อยากให้พันธมิตรฯ
ตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ โดยจะมีการแจกแบบฟอร์มให้กรอก 22 คำถาม เช่น
ท่าน คิดว่า ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยควรมีพรรคการเมืองใหม่เพื่อสร้างการเมืองใหม่?,
พันธมิตรฯ ควรยุบรวมกับพรรคการเมือง หรือตั้งพรรคการเมือง แล้วพันธมิตรฯ
ก็เคลื่อนไหวในภาคประชาชนและตรวจสอบพรรคการเมืองต่อไป?,
คิดว่าแกนนำพันธมิตรฯ ควรมีตำแหน่งในพรรคการเมืองหรือไม่?,
อยากให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคที่จะเกิดขึ้นใหม่? ฯลฯ

ก่อนที่จะได้ฉันทามติจากประชาชนที่เข้าร่วมงานรำลึก 193
วันแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และการประชุมสภาพันธมิตรฯ
ว่าต้องการให้พันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่และขับเคลื่อนไปสู่การเมืองใหม่หรือไม่
ลองมาชิมลางฟังเสียงประชาชนบางส่วนก่อนว่า
เห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ซึ่งปรากฏว่า
เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย

"(คุณ วรัญพร) เห็นด้วยมากๆ ที่จะตั้งพรรค
เพราะถ้าหากเราไม่ตั้งพรรค เรามีแต่มาเต้นข้างถนน
แต่ไม่มีสิทธิไปเสนออะไรเลย (คุณพิมพ์สุภัค) เห็นด้วยกับการตั้งพรรค
และอีกส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่นอกสภา ยุบไม่ได้เลย มันเป็นดุลถ่วงกัน
ตรวจสอบ ถ้าเราเห็นว่ามาไม่ถูกทางหรือมีอะไรแปร่งๆ
เราก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวเหมือนกัน ประการที่สอง ถ้าเราตั้งพรรคแล้ว
พูดตรงๆ อยากให้คุณสนธิเป็นนายกฯ เลย เพราะตอนนี้เราต้องการยาแรง
การเมืองบ้านเรามันเละเทะแล้ว และมีปรากฏการณ์ที่แย่ๆ ในสภา เช่น
ชกต่อยเนี่ย ทีนี้เราควรต้องรักษาสภาตรงนี้เอาไว้ คือ
กฎระเบียบที่เรามีต้องเคร่งครัด ใครที่มาไม่ถูกทางหรือเกเร
ต้องมีข้อหยุดยั้งหรือมียาแรง อยากให้คุณสนธิเข้าไปมีส่วน
แต่กลัวโดนโน่นโดนนี่ เดี๋ยวกลัวจะเอียงจะเซ (คุณแหม่ม)
สนับสนุนการตั้งพรรค เห็นแล้วว่ามันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด
ตอนนี้บ้านเมืองมันไม่มีความยุติธรรมอะไรเลย ไม่เหลือความถูกต้องอะไรเลย
สิ่งที่ถูกต้องตอนนี้คือต้องตั้งพรรค
พรรคของคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกันแบบพันธมิตรฯ
และเป็นอุดมการณ์ที่ถือเอาความถูกต้องความยุติธรรมเป็นหลัก
และสนับสนุนคุณสนธิ เพราะตอนนี้คุณสนธิเหมาะที่สุด"

"(คุณระวิวรรณ) เห็นด้วยอย่างยิ่ง รอมานานแล้ว คือ
ถ้าเราจะเดินก้าวต่อไป
มันต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เราเคยชุมนุมกัน
ถ้ายังชุมนุมกันที่จุดเดิม ก็จะเป็นเหมือนเดิม
และถ้าเขาออกกฎหมายเรื่องการชุมนุมขึ้นมา มันก็จะเป็นตัวสกัดกั้น
และถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็จะผิดกฎหมาย และเราก็จะไม่สามารถเดินต่อไป
เราจะไม่สามารถทำแบบที่เคยทำมาได้แล้ว แต่ถ้าเรามีพรรคการเมือง
และเรามั่นใจ มันก็เป็นจุดเริ่มต้น
วันนี้เรายังอาจไม่ได้เป็นผู้นำทางการเมือง แต่ไม่รู้ว่าวันไหน
อาจจะใช้เวลา 5 ปี หรือเกินกว่านั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ยังมีโอกาส
แต่กลุ่มพันธมิตรฯ เราก็ยังต้องดำรงอยู่ไว้
ในกรณีที่พรรคการเมืองที่เราตั้งไว้อาจจะเบี่ยงเบนไปจากจุดที่เราคาดกัน
ก็ต้องตรวจสอบตัวเอง
แกนนำจังหวัดและส่วนภูมิภาคจะต้องเข้มแข็งขึ้นมาอีกระดับหนึ่งด้วย
(คุณกัณสินี) เห็นด้วยกับการตั้งพรรค ถ้าเราไม่ตั้ง
แล้วจะคอยไล่พวกโกงกินอย่างนี้ตลอดไปเหรอ อยากให้คุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรค
ถ้าสมมติว่าเป็นไม่ได้ ก็อยากได้คุณประสงค์ (สุ่นศิริ)"

"(คุณเพ็ญพร) อยากให้ตั้งพรรค เพราะเราต่อสู้ข้างถนนมันไม่เต็มที่
เราจะต้องต่อสู้ข้างถนนตลอดไปเหรอ อยากให้เข้าไปในสภา
เพราะอย่างเสื้อแดงเขาก็มีทั้งในสภา มีทั้งข้างถนนเยอะแยะไปเลย
เราไม่มีทางสู้เขาได้ (คุณมัณทนา) ไม่อยากให้ตั้งเป็นพรรค
เพราะเวลาเข้าไป จะไปเป็นเหมือนพวกเขา มันจะไปไม่รอด
ทางที่ดีทำอย่างนี้จะดีกว่า อยู่ตามนอกถนนอย่างนี้ดีกว่า มันศักดิ์สิทธิ์
(คุณศิริลักษณ์) สนับสนุนให้ตั้งพรรค เชื่อมั่น มั่นใจ
และศรัทธาในแกนนำพันธมิตรฯ ทุกท่าน ฐานเสียงเป็นประชาธิปัตย์นะ
(เขตบางกอกน้อย) แต่ถ้าพันธมิตรฯ ตั้งพรรค เลือกแน่นอน (คุณกลางนรินทร์)
เห็นด้วยกับการตั้งพรรคของพันธมิตรฯ
เพราะคิดว่าเรามาสู้กันนอกสภาข้างถนนมันไม่ไหว ล้มตายกันไป สูญเสียเปล่า
เอาความจริงไปปรากฏให้รู้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
อย่างฟรีทีวีไม่เคยออกเลย จะออกพันธมิตรฯ ก็นิดๆ หน่อยๆ
ถ้าเกิดเราไปสู้ในสภา เราได้พูดเต็มปากเต็มคำ
จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็แล้วแต่ ทำความจริงให้ปรากฏให้มากที่สุด
(คุณบุญเลิศ) ถ้าเราไม่ตั้งพรรค เราไม่สามารถที่จะไปต่อสู้
คือเรายืมจมูกคนอื่นหายใจคงไม่ได้หรอก เมื่อพี่น้องเราเสียทั้งชีวิต
และแขนขาไปแล้วเนี่ย ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลย ถ้าเรายังไม่ตั้งพรรค
แล้วเราจะให้เขาตายฟรีเหรอ เมื่อเราตั้งพรรคขึ้นมา
เราก็สามารถทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนได้"

ฟังความเห็นประชาชนแล้ว
ลองมาฟังมุมมองของนักวิชาการและองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) กันบ้างว่า
จะหนุนให้พันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองหรือไม่?

รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ส่วนตัวแล้ว อยากเห็นพันธมิตรฯ
คงบทบาทในการตรวจสอบของภาคประชาชนต่อไป เพราะถือเป็นพลังบริสุทธิ์
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตั้งพรรคการเมืองถือเป็นสิ่งที่ยั่วยวน
และพันธมิตรฯ ก็มีความพร้อม
เพราะมีฐานมวลชนที่น่าจะเข้มแข็งกว่าทุกพรรคในขณะนี้

"พรรค การเมืองใหม่ ผมก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
เพราะมันจะเกิดทางเลือกใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะสังเกตดูนะที่ผ่านมา
มันจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยเลยที่บอกไม่รู้จะเลือกพรรคไหน
เพราะพรรคนี้ก็ไม่เอา พรรคนั้นก็ไม่เอา เพราะมันก็เหมือนๆ กันหมด
สมมติว่า พรรคพันธมิตรฯ พร้อม
มีคนส่วนหนึ่งพร้อมที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองและต่อสู้ในวิถีทางทางรัฐสภา
ซึ่งเป็นวิถีทางที่จะไปกำหนดเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
คือมีอำนาจทางการเมืองอยู่ในมือซึ่งเป็นอำนาจทางการเนี่ย
ตรงนี้ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลว ...ข้อดีอีกอันหนึ่ง
ข้อดีของการที่พันธมิตรฯ จะตั้งพรรคการเมืองก็คือ คุณทักษิณเคยท้าทายไง
3-4-5 ปีมาแล้วว่า คือท้าทายทุกคนที่มาประท้วงแก มาต่อต้านแก
มาวิจารณ์แกว่า พวกนี้ไม่รู้จักทำงาน ทำงานไม่เป็น
แล้วชอบมานั่งพูดนั่งว่า เพราะฉะนั้นถึงเวลา
แน่จริงทำไมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ผมคิดว่าอันนี้ก็เป็นจุดที่น่าสนใจที่ว่า คราวนี้ที่พันธมิตรฯ
มีฐานมวลชนมีเครือข่ายมากมาย
ซึ่งอาจจะเข้มแข็งกว่าพรรคการเมืองทุกพรรคในขณะนี้เลยก็ได้
ก็อาจจะกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีฐานประชาชน และค่อยๆ
เติบโตมาจากการเป็นกลุ่มประชาชน
กลุ่มที่แบบความคิดเห็นสอดคล้องใกล้เคียงกัน
ผมคิดว่าอันนี้ก็เป็นลักษณะธรรมชาติอันหนึ่งของการเกิดพรรคการเมืองที่เป็น
พรรคการเมืองแท้ๆ อันนี้ผมว่าเป็นในแง่ดีที่ว่า ความพร้อมของพันธมิตรฯ
มีมาก"

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ไชยันต์ แสดงความเป็นห่วงว่า หากพันธมิตรฯ
ตั้งพรรคจริง อาจเกิดปัญหาความเป็นเอกภาพในหมู่สมาชิกได้
เพราะแม้การรวมตัวของพันธมิตรฯ ในฐานะภาคประชาชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ
จะทำได้ง่ายเวลาต่อต้านเรื่องอะไรสักอย่าง แต่หากเป็นพรรคการเมืองแล้ว
การนำเสนอนโยบายที่จะทำให้สมาชิกเห็นพ้องโดยถ้วนหน้า อาจไม่ใช่เรื่องง่าย

ขณะที่นายบรรจง นะแส
เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้
และผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ภาคใต้ บอกว่า
ในฐานะที่ทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม เห็นด้วยหากพันธมิตรฯ
ตั้งพรรคการเมืองตามกรอบการเมืองใหม่ที่เคยพูดไว้
โดยเป็นพรรคที่ให้ประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพเข้ามามีส่วนร่วม

"ผม ว่าก็ดีนะ เพราะความถนัดของแต่ละคน
หรือจุดที่แต่ละคนยืนเนี่ยมันต่างกัน อย่างเช่นพวกผมเนี่ย
เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำด้านสิ่งแวดล้อม
เราก็ทำงานเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาของชาวบ้านมา
และเราก็ไม่ได้สนใจประเด็นการเมืองในเชิงพรรคการเมือง
แต่ในส่วนของการเป็นพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ เนี่ย
มันต้องเหมือนที่คุยกันกรอบกว้างๆ ใช่มั้ยว่า
มันต้องมีความแตกต่างจากพรรคการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น
ระบบสมาชิกที่ต้องมีการมีส่วนร่วมจากสมาชิกจริงๆ
ไม่ใช่มีนายทุนคนใดคนหนึ่งหอบเงินมาตั้ง อย่างนั้นไม่มั่นคง
และเป็นการเมืองระบบเก่า
ซึ่งผมคิดว่าในระยะยาวมันไม่น่าจะมีอนาคตเท่าไหร่
แต่ถ้าทิศทางที่กรอบพันธมิตรฯ วางเอาไว้ตอนที่อยู่ในทำเนียบ
เรื่องการเมืองใหม่ว่า
ทำยังไงที่จะมีองค์กรที่เป็นภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
มีความหลากหลายของกลุ่มสาขาอาชีพ
ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีอาชีพเดียวและมีสตางค์เท่านั้นที่เข้ามาใช้อำนาจรัฐ
อะไรทำนองนี้ ผมเห็นด้วย"

ด้าน ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
(นิด้า) ก็เห็นด้วยหากพันธมิตรฯ จะตั้งพรรคการเมือง
เพราะจะทำให้พันธมิตรฯ
มีกลไกคู่ขนานทั้งนอกสภาและในสภาในการผลักดันนโยบายหรืออุดมการณ์ให้บรรลุผล
สำเร็จได้

"ถ้ามีการจัดตั้ง (พรรค) เนี่ย
มันมีการขยายพื้นที่ไปสู่กระบวนการรัฐสภาอีกพื้นที่หนึ่ง
ไม่นับพื้นที่เดิม ก็คือ พื้นที่ที่เคลื่อนไหวอยู่นอกสภา
ซึ่งการเคลื่อนไหวนอกสภา คือเคลื่อนไหวมวลชนเนี่ย มันก็มีประโยชน์
แต่มันอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างในการผลักดันนโยบายหรือการกดดันเชิงนโยบาย
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าทางพันธมิตรฯ สามารถมีพรรคการเมือง
ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และใช้มันเป็นกลไกอีกกลไกหนึ่ง
เราก็จะมีกลไกคู่ขนานในการที่จะร่วมกันผลักดันนโยบายหรืออุดมการณ์ที่เรา
กำหนดขึ้นมาให้บรรลุความสำเร็จได้ และผมคิดว่าในปัจจุบันเองเนี่ย
มันก็มีความจำเป็นอย่างมากที่สังคมไทยจะต้องมีพรรคการเมืองที่มีฐานจากมวลชน
ที่กว้างขวางเช่นนี้ เพราะพรรคการเมืองเดิมในอดีตของเรานั้น
มันเป็นพรรคการเมืองของชนชั้นนำ เล่นกันเพียงไม่กี่กลุ่ม
เป็นเครือข่ายระบบอุปถัมภ์เสียส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองเดิมๆ
ก็จะมุ่งแต่ประโยชน์ของพรรคของพวกเป็นหลัก
ไม่สามารถที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
แต่ถ้าเรามีพรรคการเมืองที่มีรากฐานจากมวลชนที่กว้างขวางเช่นนี้
ผมคิดว่ามันก็จะช่วยผลักดันให้การเมืองของสังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงที่
ค่อนข้างจะกว้างใหญ่"

ส่วนที่บางฝ่ายพยายามดิสเครดิตว่า หากพันธมิตรฯ ตั้งพรรค
จะทำให้ขาดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวนอกสภาในนามภาคประชาชนนั้น
ผศ.ดร.พิชาย ชี้ว่า นั่นเป็นเพียงวาทกรรมที่คนบางกลุ่มพยายามสร้างขึ้นว่า
เมื่อเป็นพรรคการเมืองต้องเล่นในสภา
ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดและเหมือนติดกับดักที่คับแคบ

"อัน นี้เป็นวาทกรรมชุดหนึ่งในสังคมไทยที่คนบางกลุ่มพยายามสร้างขึ้นมาว่า
ถ้าเป็นพรรคการเมืองต้องเล่นในสภา แต่จริงๆ มันไม่ใช่
เพราะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเขาเติบโตมาจากฐานทางการเมืองทั้งสิ้น
เพียงแต่ในสังคมไทยมันมาเข้าใจผิดกันว่า พอเป็นพรรคการเมืองแล้ว
ก็ต้องเล่นอยู่ในสภา และใช้ระเบียบของสภา ซึ่งผมว่า
อันนั้นมันเป็นการติดกับดักที่คับแคบ พรรคการเมืองอย่างในประเทศอังกฤษ
หรือเยอรมนี ก็ตาม เขาก็มีฐานมวลชน เขาก็ใช้การเมืองภาคประชาชนอะไรต่างๆ
ในการที่จะช่วยเสริมซึ่งกันและกันกับกลไกของพรรคการเมือง
เพียงแต่รูปแบบของการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนส่วนใหญ่ก็อาจจะมีหลาย
อย่างหลายรูปแบบ ตั้งแต่ในเรื่องของการชุมนุมกดดัน
แม้กระทั่งเรื่องของการเผยแพร่ทางความคิด การสร้างความตื่นตัวทางการเมือง
ซึ่งก็เป็นกลไกที่การเมืองเมืองภาคประชาชนก็ทำได้
และพรรคการเมืองก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่พรรคการเมืองไทยเขาไม่ทำ"

"พรรคการเมืองไทยตั้งขึ้นมาเพื่อเลือกตั้งอย่างเดียว
แต่พรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ถ้าจะตั้งขึ้นมา
เราอย่าไปติดกับดักว่าเราจะตั้งมาเพื่อการเลือกตั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้น
มันก็จะเกิดโศกนาฏกรรมและชะตากรรมเดียวกับพรรคการเมืองในอดีต
แต่เราก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดให้มันตรงกับความหมายของคำว่าพรรคการเมืองจริงๆ
คือ เป็นพรรคการเมืองที่มุ่งที่จะนำความต้องการของประชาชน
นำแนวคิดของประชาชนมาผลักดันในเชิงนโยบายไปพร้อมๆ
กับการสถาปนาประชาธิปไตยให้มันมีความเข้มแข็งมั่นคง คือ
ต้องทำหน้าที่หลายอย่าง
อย่าไปจำกัดหน้าที่เหมือนกับพรรคการเมืองในปัจจุบันจำนวนมากที่พยายามจำกัด
และสร้างกรอบในการขังตัวเองเอาไว้"

ทั้งนี้ หากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมืองจริง ผศ.ดร.พิชาย
ฝากข้อควรระวังไว้ด้วยว่า พรรคพันธมิตรฯ ต้องมีกลไกในการตรวจสอบ
ส.ส.ของพรรคในอนาคตให้ดี เพื่อให้ ส.ส.เป็นคนมีคุณธรรมและความรับผิดชอบ
เพราะแม้ ส.ส.ของพรรคอาจจะมีความคิดมีอุดมการณ์
แต่เมื่อไปอยู่ใกล้อำนาจก็อาจเบี่ยงเบนได้ 2.ส.ส.ของพรรคพันธมิตรฯ
ต้องไม่ท้อ เพราะบางทีเมื่อเข้าไปทำงานการเมือง
เจอพรรคการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าพยายามขัดขวาง อาจทำให้
ส.ส.ของพรรคพันธมิตรฯ ทำอะไรไม่ได้อย่างที่คาดหวังในสภา
ก็ต้องอดทนทำงานต่อไป 3.สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากก็คือ การช่วงชิงตำแหน่ง
เพราะพอเข้าไปสู่อำนาจ คนก็อยากมีตำแหน่ง
ดังนั้นต้องมีกลไกที่คอยตักเตือนซึ่งกันและกัน
หรือคอยวิพากษ์วิจารณ์กันเอง 4.เรื่องทุน
ซึ่งแม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคการเมืองต้องอาศัยทุนจำนวนหนึ่งในการขับ
เคลื่อนนโยบายหรืออุดมการณ์ต่างๆ แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า
ทุนไม่ใช่อุปสรรคที่ใหญ่หลวงอะไร เพราะประชาชนที่สนับสนุนพันธมิตรฯ
สามารถช่วยกันบริจาคเงินให้พรรคพันธมิตรฯ ได้

และ ประการสุดท้าย ที่พรรคพันธมิตรฯ ต้องระวัง ก็คือ
แกนนำพรรคจะต้องรับฟังเสียงของประชาชน
และต้องมีปฏิสัมพันธ์กับมวลชนอยู่ตลอดเวลา อย่าทำตัวห่างเหิน
เพราะถ้าห่างเหินมวลชนเมื่อไหร่
จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแกนนำพรรคและมวลชนของพรรค
ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อพรรคการเมืองได้!!


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000057167

ไม่อยากให้ตั้งครับ อยากให้เป็นอยู่อย่างนี้ ดีแล้ว
กลัวว่า ถ้าจัดตั้ง ขึ้น มาแล้วจะไม่เหมือน เดิม
tee

++
ต้องมีพรรค... จึงจะมีสิทธิ์มีเสียงในการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย
..ทุกสิ่งมีสิ้นสุด อย่าลืมว่า
รัฐบาลสมชายล้มเพราะศาลตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน
ไม่ใช่เพราะเราประท้วงจนเค้าไปต่อไม่ได้
..เอาแต่ประท้วงบนท้องถนน บ่อยเกินก็ไม่เป็นผลดี ไม่มีราคา
ผู้คนจะรำคาญและต่อต้านในที่สุด และการเรียกร้องก็จะไม่สัมฤทธิ์ผล

ทุกสิ่งเมื่อเริ่มต้นแล้ว ก็ต้องเดินต่อด้วยวิธีการต่างๆให้ถึงจุดหมาย
...การเมืองใหม่
รัก พธม.ทุกคน

-++
ไม่อยากให้ตั้ง มนุษย์เราล้วนมีกิเลสทั้งนั้น พอเข้ามาเกี่ยวข้องกับลาภ
ยศ สรรเสริญ อุดมการณ์ก็หายหมด อีกทั้งคุณสนธิมีจุดยืนเรื่องของสัจจะวาจา
เคยให้คำมั่นไว้ว่า จะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับการเมืองเป็นอันขาด
ถึงขนาดท้าทายว่า หากคุณสนธิไปเป็นสส.หรือมีตำแหน่งทางการเมือง
จะให้เอารองเท้าตบหน้า
พูดแล้วอย่าคืนคำ ให้สัตย์ไว้อย่าเสียสัตย์

+

อยากให้ตั้งครับ...เพราะเป็นโอกาส
จะทำให้การแปลงนโยบาย...เป็นรูปธรรม
ได้เร็วขึ้น...ตัดวงจรอุบาท...ผลักดันคดีค้างเก่า
ล้างบ้านล้างเมือง...เข้าสู่การพัฒนาเต็มอัตราเร่ง
ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จริยะธรรม...
aoud
++
สนับสนุนการตั้งพรรคของพธม.อีกเสียงหนึ่ง
มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ต้องเดินหน้าต่อ ถอยไม่ได้
เป็นไงเป็นกัน ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ต้องได้การเมืองใหม่
ปรัศนีย์
++
เราไม่สามารถขับเคลื่อนกลไกต่างๆ
ที่จะก่อเกิดการเมืองใหม่ได้ ถ้าเราไม่ได้อยู่ในระบบครับ

ถ้าไม่มีพรรค ต่อไปจะทำอะไรลำบากมากขึ้น
กับคนที่อยู่กับอำนาจ และกฏหมาย

แต่ถ้าพรรคอยู่ในมติของมวลชลพันธมิตร
ถ้าวันนึงพรรคกลายรูปแบบไปเป็นเหมือนพรรค
อื่นๆ เราก็ยุบ และเลิกสนับสนุน

เพราะฉะนั้นพรรคต้องมีกลไกที่ทำให้ประชาชน
มีส่วนร่วมในการสลายพรรค หรือจะสนับสนุนให้คงอยุ่
และให้ประชาชนในส่วนของพันธมิตร เป็นส่วนหนึ่งในพรรค
คอยรายงานเรื่องราวต่างๆ ปัญหาในสังคม เศรฐกิจ การเมือง
ตั้งแต่ในท้องถิ่น จนถึงระดับมหภาค รวมไปถึงด้าน
การประชาสัมพันธ์ต่างๆ

หากทำได้ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็นพรรคที่ก่อเกิดจาก
ประชาชน และขับเคลื่อนโดยประชาชนอย่างแท้จริง
สนับสนุนครับ
++
บอกคำเดียวง่ายๆ ครับ กับ CHANGE

ถ้าเห็นด้วยกับ CHANGE ก็ต้องมีพรรคของ พธม
แต่ถ้าไม่ต้องการ ก็ไม่มีคำว่า CHANGE

ลองพิจารณาใหม่ให้รอบครอบ จะออกไปท้องถนนทุกวันเหรอครับกับข้อเรียกร้อง
CHANGE ต้องรู้จักการเข้าไปใช้อำนาจให้เป็นธณณฒและถูกต้อง
ช่วยทบทวนด้วย
++
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เห็นแล้วว่าเราพึ่งพาพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมไม่ได้
การเคลื่อนไหวในภาคประชาชนสามารถยับยั้งนักการเมืองชั่วได้ในระดับหนึ่ง
แต่ ไม่สามารถทำให้คนชั่วกลายเป็นคนดีได้ จึงได้แต่ยื้อยุดกันไปมา
ทำให้การเมืองไม่นิ่ง
และทำให้การต่อสู้ของประชาชนกลายเป็นการสร้างความวุ่นวาย
ยังไงก็ควรตั้ง แต่ต้องรอบคอบทุกๆ เรื่อง
++
ดิฉันคิดว่าตั้งพรรคหรือไม่ตั้งพรรคไม่ใช่ประเด็น
จุดหมายของเราทุกคนตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่า
"เราต้องการการเมืองใหม่ที่มีคุณภาพคุณธรรม"
การเป็นประชาชนไปประท้วงอีก100ชาติ 1000ชาติก็ไม่มีวันได้การเมืองใหม่
ดูสสในสภาก่อนว่าพวกเขาทำตัวอย่างไรบ้าง
ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ควรจะทำคือต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า
ถ้าตั้งพรรคของพธมจริงๆจะมีการทำงานอย่างไร คนในพรรคเป็นยังไง
มีนโยบายมีวินัยในการทำงานยังไงที่ต่างจากพรรคน้ำเน่า
และที่สำคัญการเมืองภาคประชาชนจะยังดำรงอยู่อย่างไร
และสื่อastvจะอยู่อย่างไร ถ้าทำทุกอย่างที่กล่าวมาให้ได้ดีแล้ว โปร่งใส
มีความเป็นธรรมและประชาชนสังคมพึ่งพิงได้ why not? ทำไมล่ะจะไม่ตั้ง
อีกความเห็นค่ะ
++
สนับสนุนตั้งพรรคใหม่ค่ะ......เลือกประชาธิปัตย์มาตลอด
แต่ประชาธิปัตย์ไม่กล้าพอที่จะให้พันธมิตรเป็นพันธมิตรที่แท้จริง
เพื่อได้ช่วยเหลือกัน ยืนหยัดสองขา มั่นคงกว่ายืนขาเดียว....ฉันใด...
เพื่อไทยยังกล้าที่จะรับเสื้อแดง พวกเขาจึงยืดหยัดอย่างมั่นคง...ฉันนั้น...
พันธมิตรภาคใต้
++
ไม่อยากให้ตั้งพรรคค่ะ
เพราะ การจัดตั้งพรรคนอกจากจะมีอุดมการณ์แล้วจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะต้องมีเงิน
ด้วย เพราะทุกส่วนต้องใช้เงินไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจสิ่งที่พธม.
ทำถึงแม้จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าไม่ถึง
การหาเสียงต้องใช้เงินมาก
ครั้นจะรอแต่เงินบริจาคจากพธม.ทั่วประเทศคงจะไม่ไหว อยู่ได้ไม่นาน
การเลือกตั้งของไทยยังมีการซื้อเสียง
และพวกเราชาวพันธมิตรไม่สามารถสู้กับเงินของพรรคอื่นๆได้
จะ ทำให้พรรคอื่นๆโดยเฉพาะเพื่อไทยหัวเราะเยาะสมน้ำหน้า เพราะหลายๆเขตที่
ปชป สูสีกับเพื่อไทย ถ้าพธม.ลงแข่ง รับรองเพื่อไทยชนะฉลุยแน่
จากการแย่งฐานเสียงกันเอง
เพราะยังไงๆคนที่เป็นเสื้อแดงเค้าก็เลือกเพื่อไทยอยู่แล้ว
ยิ่งถ้าเป็นต่างจังหวัด สู้ไม่ได้แน่นอน
เพราะนักการเมืองเก่าเค้าแข็งอยู่แล้ว
เช่นจ.แพร่ขนาดแม่เลี้ยงติ๊กกับเพื่อนยังสู้วรวัจน์ไม่ได้
ตั้งกี่สมัยแล้ว ไม่เคยสู้เงินเค้าได้เลย
เราเตือนด้วยความหวังดี เพราะในสภานี้มีสารพัดสัตว์ คนดีๆอยู่ไม่ได้
ถึงอยู่ไปก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ขนาดเราคนธรรมดายังทนไม่ได้
นี่หรือผู้แทนของประชาชน วุฒิภาวะมีแค่นี้ ช่างไม่อายบ้างเลย
ดูแต่ละคนโดยเฉพาะคนของพรรคเพื่อไทยหาคนดีไม่ได้สักคน
แค่ใครที่คิดจะมาอยู่พรรคนี้แล้วเรารู้ทันทีว่าเป็นคนอย่างไร
นี่สิเค้าถึงว่าดาราซื้อได้ด้วยเงินจริงๆ ไม่ละอายบ้างเลย
ยิ่งออกมารับตำแหน่งด้วยแล้วเหมือนพร้อมพงษ์ กรุง อริสมันส์ แซม
ไม่เข้าใจว่ามีปัญญารู้บ้างไหมว่าเลวกับดีต่างกันยังไง
ถึงได้เลือกไปอยู่ข้างเลว ออกนอกหน้า อายแทนบุพการีจริงๆ
แม่ลูก2
++
พธม ควรเดินหน้าตั้งพรรคเพื่อช่วยชาติในสภา เพราะช่วยข้างถนน
พวกเราเสียทั้งชีวิตและเลือดเนื้อ
โดยไม่มีรัฐบาลชุดใดจะใส่ใจกับชีวิตที่เสียไป
และที่ร้ายสุดคือความตำช้าทางจิตใจของกลุ่มคนที่คิดสังหารแกนนำ พธม
ทั้งๆที่เราสู้มือเปล่า ถ้าเรายังคงสู่ตอไปข้างถนนไม่รู้ว่าชีวิตพี่น้อง
พธม อีกเท่าใดที่จะต้องแลกกับการเมืองใหม่ในสภา
ทั้งๆที่อยากให้คุณสนธิเป็นแกนนำภาคประชาชน แต่ถ้าไม่มีทางเลือก
ก็ต้องสนับสนุนให้คุณสนธิเลือกเส้นทางสู่การเมืองในสภา
นนทบุรี
++
เจตนาเริ่มแรกที่มีกลุ่มพันธมิตร มีเพื่ออะไร
เรียกร้องทางการเมืองใช่รึเปล่า เมื่อก่อนที่มีรายการเมืองไทยรายสัปดาร์
ลุงสนธิคงไม่ได้อยากตั้งพรรคการเมือง ในเมื่อไม่มีพรรค
ก็ยังเป็นการเมืองภาคประชาชน ประชาชนล้วนๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
ถ้าลงเลือกตั้ง ยังไงก็คงไม่ใช่ว่าทั้งสภาเป็นพันธมิตรหมด
พวกคุณก็คงเป็นแค่กลุ่มที่มีสิทธิ์ต่อลองผลประโยชน์
เหมือนหลายๆกลุ่มตอนนี้ คนที่มาคุยมาออกทาง
ASTVเชื่อได้แค่ไหนว่าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์
แต่ถ้าพวกคุณคิดที่อยากจะตั้งพรรคอยู่แล้ว เหตุผล 108
ก็คงมาห้ามพวกคุณไม่ได้
ลูกจีนรักชาติเช่นกัน
++
ด้วยจิตคารวะ
เราเป็นคนหนึ่งที่เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรมาตั้งแต่
เมืองไทยสัญจร ที่สวนลุม
เรา มั่นใจ ในจุดยืน การต่อสู้ และอุดมการณ์ของคุณสนธิว่า
จะไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่จะขอทำเพื่อชาติจะไม่ขอรับตำแหน่งใด ใด
ทั้งสิ้นในทางการเมือง
มันจึงเป็นการประกาศ ชัดแล้วว่าคุณไม่ได้หวังสิ่งใด นอกจากให้ความรู้
ความจริง ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ ไม่อาจหาข้อมูลได้จากไหน
แม้เราเองจะไม่ได้เชื่อทุกเรื่องที่คุณ สนธิ กล่าว เล่า ขยายความ
แต่เราก็คิดว่ายังดีกว่าที่เราจะปิดบังข้อมูลการรับรู้จากทุกฝ่าย
แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะเอนเอียงไปทาง ข้อมูลของ คุณสนธิ ทุกครั้ง
แต่... เราไม่เห็นความจำเป็นที่กลุ่มพันธมิตร
หรือคุณสนธิจะต้องมาจัดตั้งพรรคการเมือง
เพราะเกมส์การเมืองทุกทุกที่จะต้องมีเรื่องผลประโยชน์
แต่จะเป็นผลประโยชน์ แบบไหนหรือฝ่ายไหนอันนี้ มันขึ้นอยู่กับ วินิจฉัย
หรือจังหวะของแต่ ละคนที่ขึ้นมามีอำนาจ
จะเพื่อประชาชนส่วนใหญ่จริงหรือเปล่า อันนี้คงจะยังตอบไม่ได้
แต่ คนเรา ถ้าสัจจะคือสัจจะแล้ว ...เราจะคืนคำได้อย่างไร
คุณ สนธิ คงจะเข้าใจดีว่าเราหมายถึงอะไร ไม่เช่นนั้นจุดยืนของคุณ
สนธิในวันนั้น มันก็จะเปลี่ยนไปในความรู้สึกของเราว่า
ที่ผ่านมาคุณทำเพื่อใครกันแน่
อย่างไร เราจะยังศรัทธาในตัวคุณ
หากคุณยังคงที่จะสร้างความมั่นใจให้เราต่อไป ทุกวันนี้ คนรักคุณก็มาก
คนชังคุณก็เยอะ ไม่อยากให้คุณตกเป็นข้อครหา
อยากให้ลองใช้วิจารณญานให้ถี่ถ้วน แต่ถ้าเป็นคนอื่น
เราอาจจะยังไม่เห็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ถ้าเป็นคุณ
มันมีแต่ผลตอบกลับที่ไม่ น่าจะเป็นเรื่องดี คนที่เขาจ้องทำลายคุณ
เขาจะใช้สิ่งนี้เล่นงานคุณจน อ่วม

ด้วย จิตคารวะ
นามมี
++
เป็นธรรมชาติที่ดีอย่างยิ่งที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการตั้ง
พรรคฯของ พธม.แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นไปตามเหตุและปัจจัยภายในตัวของมันเอง
สังเกตุได้จากการเป็นรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ พัฒนามาเป็นปรากฎการณ์สนธิ
ต่อมาก็พัฒนามาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ในทุกขั้นตอนที่พัฒนาไปโดยตัวของมันเองก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ครั้ง นี้ก็เป็นอีกปรากฎการณ์หนึ่งของประเทศไทยและของ
พธม.ที่กระบวนการของประชาธิปไตยเมืองไทยจะได้รับการพัฒนาและถูกยกระดับขึ้น
ไปอีกระดับหนึ่ง การมีพรรคการเมืองใหม่ภายใต้ พธม.ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
เหรียญมีสองด้านฉันใด การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก
สังคมไทยได้พัฒนามาถึงการเปลี่ยนแปลงแล้ว
เพราะว่าการเมืองเก่าได้ครอบครองสังคมไทยมานานและทำลายตัวมันเองจนถึงจุดจบ
แล้ว และคนไทยก็เริ่มรู้ทันมาขึ้น
ดังนี้นการเปลี่ยนแปลงจึงหลึกเลี่ยงไม่ได้
พธม.ต่อสู้มาใกล้จะได้การ เมืองใหม่อยู่แล้ว ถ้าหากไม่ยกระดับการต่อสู้
ไม่พัฒนารูปแบบ ประชาธปไตยของไทยก็คงยังเป็นแค่ประชาธปไตย 4 วินาที
นักการเมืองไทยก็คงยังเป็นนัการเมืองน้ำเน่าของระบอบทุนนิยมสามาลย์
สถาบันหลักของคนไทยก็จะถูกสั่นคลอนไปเรื่อยๆ และถูกทำลายไปในที่สุด
ตั้ง เถอะครับ ตั้งพรรคของ
พธม.ขึ้มาเถอะเพราะว่าพรรคการเมืองเป็นเครื่องมือหนึ่งของการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยที่จะนำพาไปสู่กาเมืองใหม่ได้
swktms
swktms
++
"สนธิ"กับเส้นทางที่ตนเองไม่ได้เลือก
เปลว สีเงิน 22 พฤษภาคม 2552 - 00:00

ถ้า "คุณสนธิ ลิ้มทองกุล" ไม่รับเป็นหัวหน้าพรรค ผมว่าใน
การ ชุมนุมของมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะจัดขึ้นวันที่
๒๔-๒๕ พ.ค.๕๒ นี้ ที่ย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
ก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีกรรมให้แฟนๆ ออกเสียงว่า "จะตั้งพรรค
หรือไม่ตั้งพรรค?" เพราะทุกคนเข้าใจดีว่า จากทรายแต่ละเม็ด ๗
คาบสมุทรมาผนึกเป็นเทือกเขาสีเหลืองสูงสลับซับซ้อน
ปานเทือกเขาตะนาวศรีจาก ๒๕๔๘ จนถึงวันนี้-พรุ่งนี้ นั้น
นั่นมาจากนวัตกรรมที่ "คุณสนธิ" นั่นแหละฝนทั่งให้เป็นเข็ม
จากสวนลุมพินี-มัฆวานฯ-ทำเนียบรัฐบาล จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

ในเมื่อ "เบิก" ไว้ถึงขนาดนี้แล้วตัวเองไม่นำ "บุก" ต่อ
มันจะได้เรื่องอะไร ซ้ำที่เหนื่อยยากมาทั้งหมดจนหวิดตายเหมือนหมาข้างถนน
นั่นก็จะสูญเปล่า ไร้ค่า-ไร้ค่า ถ้าไม่ยอมเป็นตัวนำ พาพันธมิตรฯ
ลุยข้ามมหานทีสู่โคนพระศรีมหาโพธิ์ สุดท้าย
เทือกเขาใหญ่ก็จะละลายคืนสู่ความเป็นทรายแต่ละเม็ด!

ที่ผมมีความเห็น เช่นนี้ ไม่ใช่ยุให้ตั้งพรรค
หรือยุให้คุณสนธิไปเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่ก็นั่นแหละ
ในเมื่อคุณสนธิก้าวข้ามเส้นแบ่งสื่อ-หนังสือพิมพ์ ไปทะลุพรมแดนการเมือง
และด้วยความเร็วเหนือแสงการเมืองซ้ำซาก
คุณสนธิก็นำสังคมชาติพุ่งไปสู่อีกมิติหนึ่งแล้ว มิตินั้นก็คือ

มิติ "การเมืองใหม่"!

นั่น คือ คุณสนธิมาไกลชนิดก้าวข้ามมิติสู่มิติไปอีก "กึ่งทาง" แล้ว
จากการก้าวข้ามนั้น ผมเอง ซึ่งเคยท้วงติง หรือจะเรียกว่าดึงขา-ดึงแข้ง
มาตลอดว่า "คุณสนธิกำลังเล่นบทล้ำหน้าที่สื่อ" ระวังจะก้าวกลับไม่ได้
และในเมื่อ "ล้ำจนข้ามมิติ" ไปแล้วเช่นนี้ นั่นก็เท่ากับว่า
นับแต่นี้เป็นต้นไป คุณสนธิ "พ้นเงื่อนไข" ใดๆ ทั้งสิ้นในมิติเดิมแล้ว

และบรรลุสู่มิติ "จักรวาลการเมืองใหม่" ชนิดที่ใครจะเอาเงื่อนไขเดิมใดๆ
มาอ้างก็ไมได้อีกเช่นกัน!

เมื่อ เป็นเช่นนี้ มันจะหลงกาล-หลงเวลา-หลงเงื่อนไขอย่างมาก
ถ้าผมจะฉุดให้คุณสนธิจมอยู่ในจักรวาลสื่อเหมือนเดิม ฉะนั้น
ด้วยจักรวาลเวิ้งว้างใหม่ ผมต้องยุยงส่งเสริมให้คุณสนธิ-คนใหม่ ค้นหาทาง
"การเมืองใหม่" ที่ร่วมกันใฝ่ฝันนั้น และพากันบากบั่นไปให้ถึงให้จงได้

ชีวิต ที่อยู่ตอนนี้คือ "ปันผล" จากเงินต้นที่รอดตาย
แล้วจะเอาเงินนี้มาละเลียดไส้ไปวันๆ เพื่อรอวันตายในกาลสิ้นอายุขัย
มันจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ ใส่มันลงไปทั้งก้อนชีวิตนี่แหละ
เพราะจักรวาลใหม่-การเมืองใหม่ พลังขับเคลื่อนที่จะส่งกระสวยขึ้นไปสู่
มันจะต้องเผาไหม้ให้ความร้อนระดับหมื่นองศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไปนั่นเชียว!

เรื่องอย่างนี้ มัวพูดอ้อมค้อมอยู่ก็ป่วยการ ผมจึงต้อง "ถามตรง-ตอบตรง"
ตามสิทธิ์ที่จะออกเสียงได้ ๑ เสียงมิใช่หรือ เพราะผมเข้าใจว่า

การตั้งพรรคนั้น-ไม่ยาก

การทำให้พรรคอยู่-ก็ไม่ยาก

แต่พรรคที่อยู่ สามารถทำให้บ้านเมืองอยู่นี่ซิ...มันยาก

และเมื่อบ้านเมืองอยู่ จะรักษาอุดมการณ์พรรคให้อยู่ด้วย..นี่ยิ่งยาก!!!

การ ทำให้บ้านเมืองอยู่ พรรคอยู่ เรียกว่า "อยู่" คู่กันได้
นั่นก็หมายความว่า จากวันนี้
ถึงวันหน้าอันมีความสำเร็จสู่ปณิธานการเมืองใหม่ "คนก็จะไม่เปลี่ยนไป"
กลายเป็นเสือหิว-เสือโหยฉีกบ้านเมืองเป็นอาหาร

ก็ ตรงนี้แหละ..แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ถ้าตั้งพรรคพันธมิตรฯ
ขึ้นมาแล้ว จากคนที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
โดยยังไม่มีอำนาจกินบ้าน-กินเมืองในวันนี้
จะไม่กลายเป็นเสือหิว-เสือโหยในวันที่มีอำนาจกินบ้าน-กินเมืองอยู่ในมือใน
วันนั้น?

ฉะนั้น ต้องเริ่มบททดสอบและเคี่ยวกรำสันดานมนุษย์อันล้วนเกิดมาแต่สิ่งบาปหยาบช้า
ด้วยกิเลส-ตัณหาเสียแต่เดี๋ยวนี้ว่า
สามารถมีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง-ชั่งใจ จะไม่ยอมให้ "จิตใฝ่ต่ำ"
ครอบงำยามมีอำนาจวาสนาได้ขนาดไหน?

นั่นก็หมายความว่า บรรดาพันธมิตรฯ ที่คิดการณ์ตั้งพรรคในวันนี้
อย่าคิดด้าน+ด้านเดียว คิดเผื่อด้าน-ไว้ด้วยว่า ถึงที่สุดแล้ว จะอดทน
เสียสละ และพร้อมบากบั่น เคี่ยวกรำสู่เป้าหมาย "การเมืองใหม่"
หนักแน่น-จริงจังชนิดตายเป็นตายเพื่ออุดมการณ์นั้นกันแน่หรือ?

ถ้า แน่...ขั้นแรก แกนนำ รุ่น ๑ ทั้ง ๕ คน คุณสนธิ คุณจำลอง คุณพิภพ
คุณสมเกียรติ และคุณสมศักดิ์ พร้อมกับอีก ๑-สุริยะใส
ต้องสำรวจแล้วตอบกับตัวเองว่า พร้อมสละงาน สละอาชีพ
สละรายได้อื่นใดในขณะนี้ เพื่อทุ่มเทชีวิตสู่ "การเมืองใหม่"
ผ่านเส้นทางการเมืองระบบพรรคหักด่านสู่ระบบรัฐสภาเต็มตัวได้หรือไม่?

พิษเท่านั้นใช้ล้างพิษ

ก็เช่นกัน....

รัฐสภาเท่านั้นใช้ล้างรัฐสภา!

ใน ๕+๑ คนนั้น มีคุณสมบัติ มีศักยภาพ มีพลังสู่การเมืองใหม่แตกต่างกันไป
ทั้งหมดมีความสำคัญที่จะขาดคนใด-คนหนึ่งไปไม่ได้ในภาวะนี้ และทั้งหมดนี้

สนธิ ลิ้มทองกุล ต้องนำในฐานะ "หัวหน้าพรรค"!

ยอม มั้ย...ถ้าไม่ยอม อย่าตั้งเพื่อทะเลาะในวันหน้า
แล้วก็ล้มชนิดใครก็ไม่มองหน้าใคร ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าเสียดายนัก
และถ้าทั้ง ๕+๑ แสดงให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณะชัดเจนว่า "แตกคอกัน"
นั่นก็หมายความว่า ทั้งมวลชนพันธมิตรฯ
ที่แพร่หลายขยายพันธุ์ไปทั้งประเทศแล้วนั้น

ก็ถึงวันแปรสภาพสู่ตำนานให้เล่าขาน...กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.....!

ผม จะไม่พูดในประเด็นเป็น "ข้ออ้าง-เงื่อนไข"
ว่าคุณสนธิไม่สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้
เช่นเงื่อนไขคดีความทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นต้น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น
ก็เป็นเหตุสุดวิสัย จะว่าใครไม่ได้ แต่ผมจะพูดในเชิง "บททดสอบ"
แห่งการเสียสละที่ต้อง "เสียสละ" ตั้งแต่วันนี้จริงๆ
ถ้าคุณสนธิต้องเข้าสู่การเมืองระบบรัฐสภา แทนการเมืองดาวกระจายตามท้องถนน

นั่น คือหน้าที่ การงาน และการลงทุนในความเป็น "ธุรกิจสื่อ" ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ โทรทัศน์ดาวเทียม ASTV
และนิตยสารทุกชนิด คุณสนธิต้อง "ถอนตัว" ทั้งหมด

ตัวคุณสนธิเป็นสื่อ ได้ แต่ต้องไม่เป็นเจ้าของ "ธุรกิจสื่อ"
นี่คือเงื่อนไขกฎหมายที่ระบุบ่งไว้สำหรับคนที่จะเป็นนักการเมืองตามรัฐ
ธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ผมเข้าใจว่า ทุกวันนี้ ทางนิตินัย
คุณสนธิอาจไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของธุรกิจสื่ออยู่แล้ว
แต่ด้วยภาพทางปฏิบัติตนสังคมล้วนเข้าใจว่าคุณสนธิเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อมา
ตลอด

ทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV ทั้ง ASTV ผู้จัดการ และนิตยสารรายต่างๆ นั้น
ผู้คนปักใจว่าเจ้าของคือคุณสนธิทั้งนั้น แต่ผมว่าในความล้ม (ละลาย)
แล้ว-ล้มอีกของคุณสนธิ คงไม่เหลือหลอให้มีชื่อเป็นเจ้าของหรอก!

แต่ก็นั่นแหละ จะอาศัยแค่ความจริงอันเป็นเบื้องหลังเป็นที่ตั้ง
โดยไม่เคลียร์กับสังคมให้ชัดเจนว่า "ไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจสื่อ"
แล้วมาตั้งพรรคการเมือง
มันก็จะเป็นข้อครหาให้พูดจาใส่ไคล้ให้รำคาญกันไปเปล่าๆ
และเพียงแต่พูดเคลียร์
โดยไม่ทำให้เคลียร์ด้วยการแยกตนให้พ้นเครือข่ายสื่อ

มันก็จะยื้อกันไปไม่จบ!

นี่ แหละ ประเด็นการตั้งพรรค
มันจะตัดภาพให้ขาดจากโยงใยธุรกิจสื่อที่ผูกภาพติดกันมานานได้ขนาดไหน
อย่างไร มันเป็นเรื่องเล็กๆ ก็จริง แต่ถ้าไม่แยกให้ขาดเบ็ดเสร็จกันออกไป
วันหน้าอาจมีอันธพาลหยิบเรื่องเล็กมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นตำหนิ
"การเมืองใหม่" ไปเปล่าๆ

อีกด้านหนึ่ง กำลังรบภาคสนามในนามพันธมิตรฯ ปรากฏว่า
คนและอุปกรณ์สื่อในเครือข่ายผู้จัดการระดมออกมารบเกือบเต็มพื้นที่
ถ้าลงมติให้ตั้งพรรคกันขึ้นมาจริงๆ ยิ่งเลือกคุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรค
นั่นแสดงว่าต้อง "แยกขาด" จากธุรกิจสื่อ คำถามก็คือ

สื่อ-ผู้จัดการ ขาดคุณสนธิเสียคน ธุรกิจไม่ป่นเป็นแป้งหรือ?

และ นักรบสื่อหลายคน ก็อาจต้องตัดสินใจเลือกว่า "จะเอาดีข้างไหนเต็มตัว?"
ทำไป-ทำมา พรรคก็ยังไม่ถึงไหน
ธุรกิจสื่อหนังสือพิมพ์-โทรทัศน์ก็จะพังพาบตามกันไป ฉะนั้น
ต้องคิดให้รอบคอบหลายด้าน และนั่นคือที่ผมบอกว่า..

เพื่อการเมืองใหม่ตามปณิธาน ด่านแรก ต้องตัดใจ แล้วเสียสละให้ได้ก่อน!

ทำงานใหญ่ ถ้าหวังจะสำเร็จ ต้องหวังจากตัวเองก่อน ถ้าไปหวังเอาจากคนอื่น
อย่าดีกว่า ชุมนุมเล่นดนตรีเฮฮา แล้วพากันกลับไปนอนเถอะ!

ครับ.. พันธมิตรฯ คนไหนก็อย่ามาว่าผมนะ
เพราะนี่คือการใช้สิทธิ์ออกเสียงของผมในฐานะที่ถูกตราหน้ามาตลอดว่า
"เป็นพวกเสื้อเหลือง" ส่วนคนอื่นๆ จะออกเสียงเอาอย่างไร
ก็เอาไปรวมนับกันในวันนั้น มากข้างไหน ต้องเป็นไปอย่างนั้นนะ-
M
++ พวกเรายังจะยอมเอาชีวิตของคนบริสุทธิ์ไปแลกกับไอ้พวกโกงบ้านกินเมืองนักการ
เมืองชั่วๆ อีกเหรอ ไม่เห็นเหรอไงสมัยไอ้สมชาย
ไอ้สมัครเป็นรบ.มันโหดร้ายขนาดไหน มันปราบพี่น้องเราจนบาดเจ็บ
พิการและเสียชีวิต กว่ามันจะยอมออกจากตำแหน่งกี่ชีวิตที่ต้องเสียไป
อยากเป็นอย่างงั้นอีกเหรอ อยากที่ต้องออกมาเรียกร้องบนถนนอีกเหรอไง
พวกนี้มันดื้อด้านยิ่งกว่าkวายเสียอีก
พธม.คิดจะตั้งพรรคมันก็อาจเป็นอีกทางหนึ่งที่จะเปลี่ยนการเมืองน้ำเน่า
ที่มันสกปรกเส็งเคร็ง เน่าเฟะ อย่างปัจจุบันให้มันดีขึ้นบ้างก็ได้
อย่างไงก็สนับสนุน
เบื่อกับการเมืองเก่าเต็มทน
++
ตั้งเลยครับ เข้าไปสภา เอาดีมาอวดให้ประชาชนเห็น
จะได้เป็นสภาที่ทรงเกียรติจริง ๆ และเป็น สส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน
ทำเพื่อประชาชนจริง ๆ พวกสส.เลว ๆ จะได้รู้สึกตัว มีที่เปรียบเทียบได้
ว่าใครดี ใครเลว เพราะถ้ามีแต่เลว ก็เปรียบไม่ได้
ขอเสนอชื่อพรรคเลยครับว่า "พรรคพันธมิตรไทย" อยากให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
เป็นหัวหน้าพรรค เพราะแกเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ และมีคุณธรรม
ผมเชื่อว่าคุณสนธิ สามารถบริหารประเทศชาติได้ และอายุยังไม่มากนัก
ทำงานให้ประเทศไทย สัก ๘ ปี ประเทศไทยน่าจะเจริญ ปลอดจาก สส.เลว ๆ
คอรับชั่น และขอเสนออายุของ สส. เป็นได้ไม่เกิน ๘ ปี
ทวี ศรีบุบผรัฐ
++
เป็นที่แน่ชัดว่า ถึงอย่างไร พันธมิตร ก็จะทำงานภาคประชาชนเหมือนเดิม
และไม่ว่าวันที่ 25 พค. นี้ หากพรรคพันธมิตรเกิด
ผมก็ยังห่วงสถานะเดิมของแกนนำทุกคน ท่านเคยสู้อยู่เคียงข้างประชาชน
ซึ่งทำให้ทุกท่านเป็นบุคคลที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อชาวพันธมิตร
เป็นคนที่เราเชื่ออย่างสนิทใจมานาน ว่าไม่หวังอำนาจ ผลประโยชน์ใด ๆ
ยามที่ชุมนุมพบวิกฤติจะโดนสลายจากทหารตำรวจ แกนนำออกมาสั่งการ ตั้งรับ
ตรวจแนว และอยู่ในที่ชุมนุมทุกครั้ง
เรียกว่าท่านเสี่ยงภยันตรายเป็นเนื้อเดียวกันกับประชาชน เป็นคนที่
"ประชาชนเคยร้องไห้" ให้มาแล้วเพราะเห็นใจในความเสียสละ
ยืนหยัดต่อสู้กันอย่างมายาวนาน

หาก แกนนำ เข้าไปทำการเมืองเอง
ท่านจะลอยขึ้นสูงกว่าประชาชนไปอีกขั้นหนึ่ง
เสมือนคนที่เคยยืนอยู่ที่พื้นถนนด้วยกัน ได้ก้าวขึ้นไปยืนบนตึก
แล้วก้มหน้าลงมาคุยกับประชาชน ชาวพันธมิตรจะไม่สนิทใจกับแกนนำเหมือนเดิม
ขอวาดภาพให้เห็นว่า หากภาคประชาชนของพันธมิตรไปดาวกระจายที่ไหน แกนนำ 5
คน จะไม่อาจยืนอยู่บนรถบัญชาการได้อีกต่อไป เพราะคนที่เข้าสภาแล้ว
ต้องไปเล่นในสภาเท่านั้น ยิ่งหากได้เป็นฝ่ายบริหาร
ที่ท่านเคยยืนเคียงข้างพูดภาษาเดียวกับประชาชน
ท่านกลับต้องเปลี่ยนข้างยืน โดยไปยืนประจัญหน้าคุยกันก็ได้

และเมื่อใดที่พรรคพันธมิตรได้เข้า ร่วมรัฐบาล การให้สัมภาษณ์
การแสดงความคิดเห็น ที่เคยคมกริบ ตรงเป้า ยิงเข้าแสกหน้าทุกดอก
จะต้องเปลี่ยนไป เพราะต้องรักษาสถานะของรัฐบาลหรือเอาใจพรรคร่วม หรือ
เอาใจ ฯลฯ เคยยิงเข้าแสกหน้าจะต้องเบี่ยงเบนเฉไฉไปแถวแขนแถวไหล่
วาจาเคยคมกริบอาจต้องลดความคมลงมา
เพราะการรักษาสถานะของบรรดาลูกพี่ลูกน้อง
เคยรับผิดชอบกับประชาชนอย่างเดียว ท่านต้องเพิ่มภาระอุ้มรัฐบาลอีกด้วย
เคยเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว กลับต้องเพิ่มภาระมีลูกเลี้ยงอีกคน
แถมกินจุอีกต่างหาก
ป้อนไม่ทันก็ร้องไห้กันกระจองอแง(ที่จริงทีแรกผมเขียนว่า "เห่าหอน"
แต่เห็นว่าไม่สมควร)

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยุคสมัยใด
ประเทศกำลังจะเกิดดาวดวงเด่นทางการเมืองและท่าทีจะเป็นที่นิยมของประชาชน
เขาคนนั้นจะถูกขบวนการของกลุ่มอำนาจเก่าเขี้ยวลากดินรุมทึ้ง ใส่ไคล้
สาดโคลน ป้ายสี ตั้งแต่ยังไม่ย่างเท้าเข้าสภา
ยิ่งสมัยนี้ร้ายกาจกว่าสมัยก่อนมากมาย สาดโคลนไม่ทันใจ สาดกระสุน
สาดระเบิด เห็นผลเร็วดี

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งเป็นเป้านิ่งครับ เพราะฉะนั้น อย่าผลีผลาม
หากแกนนำจำเป็นต้องเล่นการเมืองในสภา ขอให้ใช้เวลาสักระยะ
ใต้สระน้ำที่เรากำลังจะโดดลงไปว่ายนั้น มีตอ
มีจระเข้ร้ายกบดานรองับอยู่ก้นสระหรือไม่ก็ไม่รู้
บรรดาคนที่กวักมือเรียกให้รีบโดด ในใจจะซ่อนมีดไว้ข้างหลังหรือไม่
ผมว่าส่งแนวหน้าลงไป ตรวจสอบดูสักระยะหนึ่งก่อนน่าจะรอบคอบกว่า
หรืออย่างน้อยให้น้ำเน่าที่มีเต็มสระนั้น มันใสขึ้น
หรือเน่าน้อยลงกว่านี้สักหน่อยค่อยโดดก็ยังดี คำพูดที่ว่า
"หลอกขึ้นไปเชือด" มีมาทุกยุคทุกสมัยครับ
ktomaya
++
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าถ้าตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ
แต่ควรจะเป็นการเมืองใหม่อย่างแท้จริง คือ แกนนำทุกคนไม่ควรมีตำแหน่งใดๆ
เลย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นหนึ่งหรือสอง
แล้วแกนนำเหล่านี้ก็ทำหน้าที่คอยตรวจสอบ ติชม อย่างเป็นธรรม เหมือนกับว่า
พรรคพันธมิตร เป็นพรรคการเมืองหนึ่ง เช่นเดียวกับ ปชป และ เพื่อไทย
ส่วนที่ผมบอกว่าให้เหมือนเป็นการเมืองใหม่จริงๆ นั้นก็คือว่า การส่ง สส
ลงสมัครทุกเขต ควรจะผ่านมติเห็นชอบจากประชาชนสมาชิกพรรค สส
ที่จะส่งไปแข่งกับพรรคอื่นนั้นควรจะมาจากการคัดสรรคุณสมบัติเป็นอย่างดีแล้ว
อาทิเช่น ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ทัศนะคติ คุณธรรม
ผมว่าถ้าทำได้แบบนี้ มันจะเป็นบรรทัดฐานให้สังคมด้วยว่า คนจะเป็น สส นั้น
ต้องมีคุณสมบัติเพรียบพร้อม ไม่ใช่เอาใครก็ได้มาเป็น
ความรู้ความสามารถไม่มีเลย ขนาดบริษัทเอกชนใหญ่ๆ จะรับคนเข้าทำงาน
ต้องคัดแล้วคัดอีก เอาคนที่ดีที่สุดเข้าทำงาน บริษัทเค้าถึงเจริญ แต่ สส
บ้านเรา มีแต่ควายเดินชนกันในสภา พวกขี้เมาบ้างอะไรบ้าง
ผมคิดว่าถ้าพันธมิตรทำได้แบบนี้ จะได้มวลชนมากขึ้น
และจะทำให้พรรคอื่นต้องเร่งมาตรฐานตัวเองขึ้นมา
มันจะทำให้ประเทศเราดีขึ้นในภาพรวมด้วยครับ

สิ่งที่ผมเสนอแนะไปนั้น สามารถทำได้จริงนะครับ
เพราะพันธมิตรมีสื่อเป็นของตัวเอง คือ ASTV เราก็ใช้สื่อตรงนี้ คอยนำเสนอ
ประวัติของแต่ละคน ใช้เวบผู้จัดการ
ในการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆให้ประชาชนทราบ จุดนี้จะทำให้คนหันมาใช้ ASTV
มากขึ้น และ เข้าเวบผู้จัดการมากขึ้นด้วย
ผมว่าการเมืองใหม่ควรจะเป็นแบบนี้ครับ แต่ถ้าคุณสนธิและแกนนำ รุ่น 1-2
ต่างลงมามีอำนาจกันหมด มันจะทำให้เสียบรรยากาศการเมืองใหม่ไปเพราะจะทำให้
การต่อสู้ที่ผ่านมา สุดท้ายก็ต่อสู้มาให้มีอำนาจทางการเมือง
และจะเป็นบรรทัดฐานให้ คนรุ่นหลังๆ ใช้วิธีเดียวกันทำแบบนี้ อีก
ต่อจากนี้ พอมีกลุ่มคนจัดตั้งขึ้นมาเพื่อ ประท้วง คนก็จะตราหน้าว่า
คุณทำแบบนี้เพื่อให้มีอำนาจ จะลง สส หรือไง? ผมคิดว่าอยากให้ทาง
พันธมิตรไปพิจาณานะครับ
คนกลาง
++
ดูทุกคนจะกลัวที่คุณสนธิจะเป็นหัวหน้าพรรค คงรู้เพราะคุณสนธิเก่ง
ถึงได้ยกเอาคำพูดสัจจะวาจาต้องไม่คืนคำมาอ้างกันบ่อยๆ
เราอยากให้คุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกด้วย
และอยากให้คุณสนธิเอาข้อมูลคนที่ผิดต่อบ้านต่อแผ่นดินออกมาแฉเป็นความรู้กับ
ประชาชน แล้วลองชั่งใจดูว่าอยากให้เป็นอะไรมากที่สุด
ชั่งแล้วชอบที่คุณสนธิให้ความรู้กับประชาชนมากกว่า
พรรคก็ยังอยากให้ตั้งแล้วเลือกหัวหน้าพรรคคนอื่นมาแทนคุณสนธิ
เห็นด้วยมากๆกับการตั้งพรรค และภาคประชาชนให้คุณสนธิและ5แกนนำดูแลต่อไป
แม่มดตัวร้าย
++
ผมสนับสนุนตั้งพรรค
เพราะพรรคที่มีอยู่ที่เราเคยไว้ใจในช่วงเวลานั้นกับไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่าที่ควร
เห็นถึงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ

ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นการต่อสู้เลือกข้างใดข้างหนึ่งซึ่งประชาธิปปัตย์กลับได้ผลประโยชน์จากเราโดยไม่ได้ทำอะไรเลย

การจะหวังพึ่งพรรคที่ออกมาประกาศว่าจะไม่เอาระบอบทักษิณตอนเลือกตั้ง
แต่พอหลังเลือกตั้งก็ถ่มน้ำลายทิ้ง แล้วก็บอกว่าเพื่อประเทศชาติ
แล้วก็แบ่งเค้กประโยชน์กันเรียบร้อย

ซึ่งหากพันธมิตรไม่ตั้งพรรค วนเวียนนั้นจะกลับมาไม่สิ้นสุด

ไหน ๆ ก็รบกันมานานแล้ว ก็เอาให้มันถึงที่สุด
สู้กันในสภา ไปเลยครับ จะได้รู้ว่าได้เห็นกันเสียทีว่า
อันทรงเกียรติ แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร

ความ เห็นสุดท้าย ผมไม่เห็นด้วยที่คุณสนธิจะเป็นหัวหน้าพรรค
คุณสนธิเป็นหัวเรือใหญ่ก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้เป็น คือ
การทำหน้าที่ตรวจสอบและเสนอข่าวให้ความรู้อย่างที่เคยทำมา

คุณสนธิเคยพูดแล้ว ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจะไม่ลงเล่นการเมือง
ค่าของคุณสนธิจะยังอยู่ต้องอย่าลืมคำพูดนั้น
คุณสนธิไม่ใช่นักการเมืองนะครับ ที่จะอ้างเอาเหตุผลต่างๆ
มาเพื่อตัวเองจะได้เล่นการเมือง

หากผิดคำพูด ก็ไม่ต่างจากนักการเมืองตนอื่น ๆ หรอกครับ
sinsen
++
มอบการตัดสินใจให้ 5 แกนนำ
เหตุผล 1.เชื่อในวุฒิภาวะผู้นำ ประสบการณ์
2.ต้องถูกต้องเป็นธรรมนำชัยอย่างถาวร
3.เลือดเนื้อ ชีวิต ที่ศูนย์เสียและแลก และอีกหาก ไม่มองทางข้างหน้า
5.อนาคตที่ไม่มืดมน การเวลาที่ยาวนาน
6.ไปไล่โจรปล้นที่ถูกกฏหมายปล้นชาติโกงกินภาษีผินดินชาติมาอย่างยาวนาน
7.ที่ว่ายาก ไม่สำเร็จ ย๊ากที่ก้าวแรกเสมอ
8.แก๊งโกง เห็นแก่เงินทุกชั้น ในความยุติธรรม ระวังเงิน
9.จับโกงเข้าคุก คืองานใหญ่ในการตั้งพรรค
ส.สุนทร ด้วยจิตคารวะ
มอบการตัดสินใจให้ 5 แกนนำ
++
ขอแสดงความเห็นต่างนะกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรค
ผมก็เป็นพันธมิตรเช่นกัน ก็เคารพในความเห็นทุกคนนะ ที่บางคนบอกว่า
"แกนนำทั้งที่รู้ว่าอนาคตมันจะจบไม่สวย ก็ยังดันทุรัง"
ผมอยากให้อ่านประโยคที่เพื่อนเราเขียนซัก 3 รอบ ก็จะได้คำตอบของมันเองนะ
ในเมื่อเพื่อนเราคิดได้ผมเชื่อว่าแกนนำทั้ง 5 ก็คิด แล้วเค้าจะทำ ทำไม
"จบไม่สวย" เป็นผมถ้าผมรู้ว่า จบไม่สวย หรือศพไม่สวย
ผมคงเดินจากไปพร้อมความเป็นฮีไร่ไม่ดีกว่าเหรอ
แต่แกนนำยอม"ศพไม่สวย" แสดงว่าเค้าไมได้มองว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
เค้ายอมเสียสละในขณะที่ผมอาจจะไม่กล้าพอที่จะทำ
หรือเค้าเห็นอะไรในสิ่งที่ตาเรามองไม่เห็น
หรือ เค้าเชื่ออะไรในสิ่งที่เรา และคุณไม่เชื่อ
แต่ผมตอบได้เพียงอย่างเดียวว่า คนที่พุ่งไปขึ้นรถที่กำลังจะตกเหว
เค้าคงไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแน่
เค้าอาจต้องการเปลี่ยนอะไรบางอย่างในสังคมก็ได้ ความเสียสละงัย
ถ้าทุกคนพร้อมใจกันไปจับ ดึงรถคนนั้นไว้ รถอาจไม่ตกเหวก็ได้
เราอาจไม่ต้องเสียเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่อยู่ในรถไปก็ได้
สำหรับที่บอกว่าจะหมดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวหลังตั้งพรรค
ผมว่ามันหมดไปตั้งแต่กลุ่มริบบิ้นขาวออกมา รณรงค์
หยุดทำร้ายประเทศไทยแล้วหล่ะ เพราะนี่เป็นการโยนขี้ หรือผลักความผิด
มาให้พันธมิตรแล้ว ทั้งๆที่เหตุการณ์ช่วง 13 เมษา ไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย
แล้วกลุ่มสีแดงก็ไปสวมเสื้อขาว รณรงค์เช่นกัน
มันกลายเป็นเราคือความรุนแรง
การเคลื่อนไหวครั้งต่อไป หรือทุกก้าวต่อไปของพธม
จะถูกจับตาจากกลุ่มคนกลาง(กลวง)ว่าเรา ทำร้ายประเทศไทยอยู่ดี
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งพรรคอีกต่อไปแล้ว มันแตกต่างจากการชุมนุม
เมื่อปี 48 ที่ทุกคนฮือฮาว่าคนมาร่วมเยอะขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ชื่นชม
ทำได้งัย เป็นปรากฎการณ์สนธิ แต่ตอนนี้เค้ารังเกียจ พธม
แม้คุณจะชุมนุมเรียบร้อยยังงัย มากมายแค่ไหน เค้าไม่สนแถมดูถูกอีก
เพราะคนกลาง(กลวง) เหล่านี้แยกแยะ ม็อบเสื้อแดง กับเสื้อเหลืองออก
ผมเชื่อว่า 193 วันมันได้พิสูจน์ไปหมดแล้ว
หมดจนไม่ต้องตั้งคำถามกับแกนนำพธมอีกต่อไปแล้ว
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านนะ เราอยากได้โอ กับมาให้กำลังใจพันธมิตรต่อไป
ผมไม่อยากให้ห่วงastv เพราะพนักงาน นักข่าว พิธีกรทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเองสูง
ตอน นี้ประเทศชาติต้องการคนเสียสละ เก่ง และที่สำคัญ กล้าด้วย
เรื่องที่ห่วงคุณสนธิเรื่องที่ บอกจะไม่เล่นการเมือง ถ้าเล่น
ให้ถ่มน้ำลายรด หรือเอารองเท้าตบหน้าได้เลย นั้นเราก็ได้ยิน
แต่ไม่ต้องกลัวว่าคุณสนธิจะเสียคำพูดหรือกลืนน้ำลายตัวเอง
เพราะ คุณสนธิคนนั้นได้ตายไปแล้ว ตายไปพร้อมกับm79 อาก้า
กระสุนกว่าสองร้อยนัด ในเดือนที่ผ่านมา คุณสนธิที่เห็นเป็น "นิวสนธิ"
ที่จะใช้ชีวิตที่พระเจ้าแถมมา ให้ทำเพื่อประชาชน
การเกิดใหม่ของคุณสนธิและ การตัดสินใจครั้งนี้ จะไม่เกี่ยวกับ
สนธิคนก่อนที่เคยพูด เพราะสนธิคนนั้น ยังไม่เคยเจอห่ากระสุนกว่า200นัด
รวมถึงกระสุนที่ฝังสมองต้องผ่าเอาออกในเวลาต่อมา
ฉะนั้นผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่จะอธิบายข้อข้องใจของเพื่อนๆ
หลายคนได้ และผมไม่อยากให้ความหน้าบางของพวกเราไปขัดขวางการทำประโยชน์ให้แก่ประเทศของ
คุณสนธิและปล่อยให้พวกนั้นโกงกินบ้านเมืองต่อไป ควรปล่อยให้คุณสนธิ
ที่เขายังพอมีแรงและสามารถทำอะไรได้อีกมากมายหลายอย่างที่เราๆไม่สามารถทำ
ได้ให้ทำไป
หรือเราจะต้องใช้เวลาอีกทั้งชีวิตเพื่อตามหาคนอย่างคุณสนธิ หรือใกล้เคียง
แล้วยังต้องเป็นผู้สละด้วยใจอีกด้วยเพื่อมากู้วิกฤตชาติ
คงเป็นความหวังที่รีบหรี่เต็มที และกว่าจะถึงเวลานั้น
บ้านเมืองก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว
อ.แมน พันธมิตรบ้านไผ่
artit@cas.ac.th
++
ทำไมต้องพวกว่าใครพันธมิตรตัวจริง
เชื่อผมเถอะเข้ามาอ่านเว็บนี้เกือบ100%พันธมิตร
เสื้อแดงมันโง่ไม่มีทางเข้ามาหาความรู้ในที่ดีดีแบบนี้
มันต้องไปเข้าเว็บอื่น

แต่อยากฝากถึงทุกท่านนะครับ
ในเมื่อเราพันธมิตรเหมือนกันจะไปว่ากันทำไม
คุณมีความคิดนึงผมก็มีเหมือนกัน
มีคนเสนอมาคุณไม่เห็นด้วยคุณก็บอกว่าไม่เห็นด้วย
คนเห็นด้วยจะไปด่าเค้าทำไมถ้าคุณคิดว่าดีกว่า
งั้นคุณก็เสนอความคิดคุณมายังไงคนตัดสินใจว่าทำย่างไหนดีก็คือคนอ่านแล้วเอาไปคิด
แต่ถ้ามามัวว่ากันได้อะไรครับ
เสนอข้อดีข้อเสียมาสิครับดีจริงเสียจริงไม่เสียจริงคนอ่านเค้าก็คิดเองละ

(ไม่ชอบคนว่าคนอื่นเพราะชื่อก็บอกแล้วว่าความคิดเห็น)
ไม่งั้นก็ไปตั้งใหม่ว่าเชิญด่ากัน
dfsd
++
ในความคิดอยากให้ตั้งครับ
สาเหตุเพราะ ผมไม่เห็นว่าจะมีพรรค การเมืองใด ที่พันธมิตรเราจะฝากประเทศไว้ได้
ยอมรับ พรรค ปชป ในการบริหารประเทศระดับนึงครับแต่ตอนนี้ที่บริหาร
ก้อไม่ต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาเท่าไหร่
ร่วมมือกับพรรคร่วมแล้วก้อปล่อยให้โกงกันสบาย ขออยู่นิ่งๆให้เป็นรัฐบาลนานที่สุด
จริง อยู่อภิสิทธ์ ในใจผม อยากให้เป็นนายกครับ แต่อภิสิทธ์ ดีแค่คนเดียว
แต่ทั้งพรรคอีกอย่าง มันพาประเทศชาติไปไม่รอดครับ ไม่ได้ดูถูก ปชป
แต่ตอนนี้ผลหรือ ภาวะของประเทศ เป็นยังไง ประชาชนอย่างเรารู้ดีที่สุด
*ส่วนตัวเลือก ปชปทุกครั้งแต่ท่ามีพรรคพันธมิตรผมก้อพร้อมหันมาเลือกพันธมิตร
อยากให้มีตัวเลือกใหม่ๆเข้าไปในสภา*
*ท่าถึงเวลา แกนนำลืมหน้าที่ตัวเองก้อไม่ยากอาไรนี่ครับ เราก้อเตือนสติสิ
ท่าไม่ฟังเราก้อแค่ออกไปไล่
ทุบโต๊ะ
++
เห็นด้วยกับการตั้งพรรค และควรมีการเมืองภาคประชาชนไว้ตรวจสอบอีกที
ขอแกนนำไว้กับภาคประชาชนเหมือนเดิม และหัวหน้าพรรคขอเสนอ ดร.เจิมศักดิ์
ปิ่นทอง /คุณรสนา / คุณอานันท์ ปัณยารชุณ / อ.ชัยอนันต์ สมุทวานิช

เมื่อ มีพรรคการเมืองแล้วจะได้นำความต้องการ
นำแนวคิดของประชาชนไปผลักดันเป็นนโยบายได้ ถ้าพธม.(ประชาชน)
ไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดที่ตอบสนองความต้องการของเราได้
เราก็ควรจัดตั้งเอง

เพื่อนๆอย่างน้อยควร "ให้โอกาส" แนวร่วมของพธม.ที่เขาอุตสาห์มีความ
"เสียสละ" ไปลงสนามการเมือง
รู้ทั้งรู้ว่าคนดีๆที่ไหนตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปในวังวนน้ำเน่าให้ตัวเองแปด
เปื้อนอย่างนี้

ถ้าหลายท่านเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ คุณชวน คุณกรณ์ เป็นนักการเมืองที่ดี
และอยากให้มีอีกหลายๆคนในสภา
เราก็ควรสนับสนุนให้คนดีๆคนอื่นๆที่มีเจตนาดี
ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นนักการเมืองกันมากๆ

ดิฉันเชื่อว่าคนดีๆที่ร่วม
ต่อสู้กับพธม.มาหลายคนก็ได้พิสูจน์ความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองมาอย่างไม่
มีข้อสงสัย เราควร "ให้โอกาส"
เขาหากเขาได้อาสา"เสียสละ"ตัวเองเข้าไปทำงานสนองตอบความต้องการ
อุดมการณ์ดีๆที่พี่น้องทุกคนปรารถนา
หากพบภายหลังว่าใครเปลี่ยนไปเมื่อมีอำนาจ
เราพี่น้องพธม.ภาคประชาชนก็จะออกมาขับไล่และให้บทเรียนเขาเอง

ที่ ผ่านมาเรายังเคย "ให้โอกาส"
แนวร่วมพธม.หลายท่านได้เข้าไปทำงานการเมืองเพื่อนำความต้องการ
แนวความคิดของพี่น้องประชาชนไปผลักดันเป็นนโยบายมาแล้วไม่ใช่หรือ
ไม่ว่าจะเป็น คุณรสนา / คุณคำนูณ / น.ต.ประสงค์ / อ.ประพันธ์ /
คุณพิเชษฐ์ / ท่านทูตกษิต ภิรมณ์ / อ.สมเกียรติ เป็นต้น

หากเราไม่มีใครเสียสละเข้าไปทำงานการเมืองเลย
ความต้องการของพ่อแม่พี่น้องจะเป็นจริงได้อย่างไร

เรา ต้องช่วยกันสนับสนุนคนดีให้มีโอกาสได้เข้าไปปกครองบ้านเมือง
และกีดกันคนชั่วไม่ให้มีอำนาจ ตามพระราชดำรัสของในหลวง
(โดยการเอาน้ำดีเข้าไปไล่น้ำเสีย
จะได้ไม่ต้องออกมาเหนื่อยอยู่ข้างถนนอีก)

ถึงผลที่ได้มันจะมากจะน้อย หรือไม่ประสบความสำเร็จก็เหอะ
แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
เพื่อวีรชนและลูกหลานของเราต่อไป
++
ในเรื่องของการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น
จ่าโทเห็นดีเห็นงามด้วยมานานแล้วครับ
ตั้งแต่ยุคที่เราเริ่มต้นต่อสู้ภาคประชาชน
ก็เคยมีการเกริ่นๆประเด็นนี้ขึ้นมาลอยๆ การแสดงความคิดเห็นในตอนนั้น
ก็จะมีหลายๆคนไม่เห็นด้วยเป็นส่วนมาก
เพราะอยากให้พันธมิตรฯรักษาสัจจะที่ให้ไว้และจะตั้งใจทำงานการเมืองภาค
ประชาชนอย่างเต็มที่

แต่ สิ่งที่จ่าโทอยากฝาก ถือเป็นแง่คิดส่วนตัวนะครับว่า
การต่อสู้ทางการเมืองในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งต้องบอกว่า
เป็นความล้มเหลวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ความล้มเหลวตรงนี้เกิดขึ้นจากกลไกทางอำนาจ
ที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนที่เข้ามามีผลประโยชน์ โกงกินชาติบ้านเมือง
ทำลายภาพลักษณ์ประเทศจนป่นปี้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงาม จริยะธรรม
และมีสัญญาณว่ากำลังจะรวมหัวกันพาประเทศชาติฉิบหายต่อไป
ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนทุกคน

ภาระ ตรงนี้ ต้องใช้ความแหลมคม ตระหนักให้มั่นไปเลยว่า ถึงเวลาแล้วที่
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะต้องพลิกฟื้นการเมืองโฉมใหม่
ด้วยมวลพลังของประชาชนที่มีมหาศาล และส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ที่มีความรู้
ความเข้าใจในเหตุการณ์วิกฤตต่างๆ เข้ามาร่วมกันทำงานการเมืองในระบบ
แต่การเมืองภาคประชาชนก็ต้องเดินหน้าคู่ขนานกันไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
จ่าโทถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
และจะทำให้เราแยกความดีความเลวในทางการเมืองได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย
ตรงนี้จะเกิดประโยชน์มากและเป็นทางเลือกที่มาถูกที่ถูกเวลาเหลือเกินครับ

สิ่งที่สำคัญที่สุด จ่าโทให้คำนึงถึงหลักใหญ่ๆ
ในการเริ่มต้นจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่นี้

- ชื่อพรรคการเมือง ควรใช้คำหรือภาษาที่มีความหมาย
เชื่อมโยงกับการต่อสู้193วันของพันธมิตรฯ
มุ่งเน้นตรงตัวไปเลยเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธา เช่น
พรรคเทียนแห่งธรรม พรรคการเมืองใหม่ ฯลฯ

-หัวหน้าพรรค จ่าโทคิดว่าตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะ
การจะสร้างศรัทธาในระยะยาว มองไปถึงอนาคต คนๆนั้นจะต้องมีบารมีสูงมาก
และเป็นความหวังสำหรับการเมืองใหม่
มีความชัดเจนในแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง มีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ
และมีภาวะผู้นำที่จะเดินหน้านำพาความถูกต้องดีงาม
ไปจนถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีที่สังคมต้องการในอนาคตอีกด้วย

2ข้อหลัก ใหญ่นี้ สำคัญมากครับ เพราะพันธมิตรฯจะต้องเริ่มต้นด้วยของจริง
หากคิดว่าทำเพื่อชาติแล้ว ไม่ต้องรออะไร วันเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
ความจำเป็นเฉพาะหน้าจึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
จ่าโทไม่ขอออกความเห็นลงไปว่าควรเป็นใครนะครับ ถึงเวลาเชื่อว่า
ประชาชนทุกคนคงจะได้คำตอบที่ดี
เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิในบ้านเมืองมองเห็นคนที่ทำคุณงามความดี
และสมควรที่จะให้เขาจะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้
เราต้องมองและคำนึงรูปแบบการเมืองในอนาคตเอาไว้ด้วย
การปรับท่าทีของกลุ่มการเมืองเก่า การตั้งรับและกลอุบายหนักๆที่เขาจะใช้
หัวหน้าพรรคการเมืองพันธมิตรฯจะต้องเป็นคนที่มีภาวะผู้นำสูง โดดเด่น ฉลาด
มีไหวพริบเท่าทัน ยึดมั่นในความดี และไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ
ลองไปคิดกันดูนะครับว่า ใครที่เหมาะสมตามนี้
จ่าโท
++
ลูกเป็ดหลงทางที่ชื่อพันธมิตร .....

มันน่าขันจริงๆ คนไม่กี่คนในพันธมิตรอยากเล่นการเมืองแต่ลากทั้งหมดลงเหวไปด้วย

ผมถามจริงๆนะ ลงสู่การเมืองแล้วทำได้จริงหรือ...

คุณจะได้ สส.กี่คน ????

อย่า มาบอกผมว่าไม่สนใจจำนวณ สส. ...คุณได้ สส.น้อย
ผมคิดว่าไม่มีพลังเท่าพลังมวลชนที่สนับสนุนอย่างที่ผ่านมาผมไม่ได้ปรามาสนะ
แต่ผมว่าเต็มที่ 3-5 เก้าอี้
...คุณมีมวลชนสนับสนุนแต่ก็มีคนไม่ชอบขี้หน้าพอกัน
และคุณมั่นใจขนาดไหนว่ามวลชนที่มาม็อบ มวลชนที่ดู ASTV
จะเดินออกจากบ้านหย่อยบัตรให้คุณ ????
ซ้ำร้ายยังมีคนที่แปรเปลี่ยนยืนตรงข้ามคุณอีกหากตั้งพรรค

ผมขอย้อน ให้ดูสักนิด เลือกตั้งครั้งก่อน พรรคคุณประชัย ที่ว่ามาแรงๆ
แล้วเป็นไง... คนในพันธมิตรที่ลงสู่การเลือกตั้งแต่ละคนได้คะแนนหลักพัน
มีที่ได้มากหน่อยก็ภายใต้เสื้อคลุม ปชป. หรือคุณเถียงว่าไม่จริง

ภาคใต้สมัยที่ ทักษิณว่าแรงสุดๆ ยังตี ปชป.ไม่แตก มันตลกไปไหมที่พรรค
พันธมิตรจะได้เสียง และคาดหวังเสียงที่นั่น

เต็มที่ที่คาดหวังได้ก็คือ ตะวันออกและกรุงเทพ ซึ่งผมก็มองว่าเหนื่อย
อีสาน-เหนือ ไม่ต้องพูดถึง หมดสิทธิ

คุณ หมายจะให้มหาจำลองทำได้อย่างครั้งพลังธรรมอย่างนั้นหรือ
...วันเวลาผ่านมานานแล้ว ตื่นเถอะ
เพราะคุณไม่สามารถปฏิเสธภาพความขัดแย้งของสังคมที่มีแดงเหลือเป็นที่หวาด
หวั่นของพลังเงียบที่ยังมองหาความสงบสุขในบ้านเมืองได้หรอกนะ

ผมไม่ รู้พวกคุณคิดอะไร แต่ผมรักสนธิ รักพันธมิตร
แม่ผมไปหลังเวทีอยู่บ่อยๆ นั่งอยู่กะพวกแกนนำนั่นแหละ มีคนเท่าไหร่
ที่เกลียดทักษิณ เกลียดการทุจริตแล้วออกไปร่วมกับพวกคุณ
แต่ใช่ว่าเขาเหล่านั้นจะสนับสนุนการลงสู่การเมืองของคุณ

แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า
ความหึกเหิมของแกนนำพันธมิตรบ่งบอกว่าอย่างไรเสียก็ตั้งแน่

ผมชอบพวกคุณนะ แต่ไม่เลือกแน่...

และไม่อยากเห็นถึงความล้มเหลวหากพวกคุณกระโจนเข้าสู่กองไฟจริงๆ

น่าเสียดาย...น่าเสียดาย
ลูกแกะหลงทาง
++
ผมว่าคุณนั่นแหล่ะ หลงทาง นี่เป็นเรื่องของ พธม.
ที่จะกำหนดอนาคตของพวกเรากันเอง คุณมายุ่งอะไรด้วย

เรา ถกกัน เพื่อหาแนวทางที่จะเดินในอนาคตของพวกเรา ก็เรื่องของ พธม.
คุณไม่ใช่ และไม่เลือก ก็เรื่องของคุณ ไม่ต้องมาบอกหรอก มันไร้สาระ

เราโหวตกัน ในปวงชนชาว พธม. แล้วแกนนำ มาเกี่ยวอะไร ถ้าบอกว่า
ชักจูงความคิดผมได้ คุณก็ทุเรศแล้ว ตัวคุณคือใคร
ถึงได้คิดว่าฉลาดกว่าคนอื่น รู้ไว้ซะด้วย พธม. แต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น
และที่รู้ เขาทำเพื่อประเทศอย่างแท้จริง แน่นอน
แล้วคุณหล่ะทำอะไรเพื่อประเทศ

(หรือนั่งด่า คนทำเพื่อประเทศ นั่นคืองานหลัก)

คุณรู้หรือเปล่า สส.สัดส่วน เขาเลือกกันยังไง มีจำนวนเท่าไร คุณถึงบอกว่า
พธม.จะได้ สส.แค่ 3-4 คน
ลองคิดดูว่า สส.สัดส่วน
ภาคใต้ พธม. ได้ 7
ภาคตะวันออก ได้ 7
ภาคกกลาง ได้ 7
อีก 2 ภาครวมได้ 7
นี่เท่าไรแล้ว ยังไม่รวม สส. แบ่งเขต ที่มีลุ้นในหลายจังหวัดด้วย

แค่นี้ก็วัดระดับปัญญาของคุณได้แล้ว

และ รู้ไว้ด้วย พรรคพันธมิตรฯ ไม่ได้หวังเอาชนะใคร แต่อยากส่ง สส.
ไปเพื่อเป็นตัวแทนในสภา ไม่ใช่ มีแต่ตัวแทนพวกเสื้อแดง ด่า พธม.
อยู่ในสภาฯ ฝ่ายเดียว ช่วยคนชั่วๆ อย่างหน้าไม่อาย
คุณทำอะไรบ้างกับพวกนั้น มีปัญญาไปทำอะไรมั้ย
ทุเรศ
++
ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะจะเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องได้ในหลายมิติมากขึ้น
ประชาชนก็จะได้มีทางเลือกมากขึ้น ส่วนเมื่อได้อำนาจและมีอำนาจแล้ว
ใครจะยังคงยึดมั่นอุดมการณ์หรือ
เปลี่ยนไปอย่างไรให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ อย่าพึ่งตีตนไปก่อนใข้
การจะจะมาต่อสู้ข้างถนนอย่างที่ผ่านมา ประชาชนเริ่มเบื่อแล้ว
และมันดูเหมือนว่า การต่อสู้ข้างถนนเป็นการไม่เคารพกติกาสังคม
ผมเห็นด้วยอ่างยิ่งครับ ถ้า พธม.จะตั้งพรรค
tee
++
ไม่ว่า พันธ์มิตรจะตั้งพรรคหรือไม่ ผมก็คงไม่เลือก ปชป.อีกแล้ว
ผิดหวังมากๆ เกรงเนวิน คดีแม้วก็กล้าลุยเต็มที่
เอาพันธ์มิตรไปเทียบเคียงกับพวกเลวๆอย่างนปช.
แล้วอย่างนี้จะไปหวังอะไรกับพรรคการเมืองในปัจจุบัน
ถ้าพอใจแค่เปลี่ยนขั้วรัฐบาลก็เอาแถอะ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก
ผมจะไม่ไปลุยด้วยแล้ว เพราะมันเสียเวลาเปล่าๆ ร้อนก็ร้อน
เหนื่อยก็เหนื่อย เครียดก็เครียด
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กำลังจะเข้าสู่การเมืองแบบเดิมๆที่ไม่ได้มีอะไรที่ดี
กว่าเก่า ถ้าพอใจกันแค่ก็เอาแค่นี้ ถ้าอยากได้อะไรใหม่ๆก็ต้องทำเอง
เพราะพวกเก่าๆเค้าคงไม่อยากได้อะไรใหม่ๆที่มันทำให้พวกเค้าเสียผลประโยชน์
หรอก
สำนักข่าวกวน
++
ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยที่พันธมิตรจะตั้งพรรค มันต้องลองดูสักตั้ง
รอพวกนักการเมืองพวกนี้น่ะเหรออย่าฝันเลยการเมืองใหม่ แล้วต้องเจ็บใจ
พวกเราให้โอกาสนานมากเกินไปจนประเทศชาติจะล่มจมอยู่แล้ว
หากพันธมิตรได้เข้าไปบริหารประเทศแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น
ก็จะได้รู้ไงว่าสิ่งที่คิดว่าจะเป็นความหวัง
เป็นความฝันตลอดมาว่าจะได้นักการเมืองที่ดีมีความซื่อสัตย์สุจริต
คิดถึงผลประโยชน์ของชาติประชาชนมากกว่าตนเองและพวกพ้องต้องมีจริง
หาก ไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะอำนาจและเงินทำให้คนเปลี่ยนไป
ก็จะได้รู้ว่าเราได้พยามยามถึงที่สุดแล้วที่จะช่วยบ้านเมืองให้ดีขึ้น
ดีกว่ารอคอยโดยไม่มีความหวังอะไรเลยนะ (คนที่ดีจริงๆ ไม่แพ้อำนาจและเงิน
ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่)
ความฝันของพธม.รักชาติ
++
อยากให้ตั้งครับ

ถ้าเราเอาแต่บอกแต่การเมืองไม่ดีการเมืองน้ำเน่า

แต่ถ้าเราวางตัวอยู่เพียงนอกสภา

ซึ่งสังคมส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นการกระทำนอกระบบ

ผมว่าสังคมส่วนใหญ่อาจเบื่อการชุมนุมแล้ว

แต่ผมไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พันธมิตรทำไปมันผิดนะครับ

เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมากเพราะขณะนั้นการเมืองในสภาเอาไม่อยู่แล้ว

ถ้า เราตั้งพรรคการเมืองเราจะวางตัวฉีกหนีจากคำว่าเสื้อเหลือง เสื้อแดง
(ซึ่งผมไม่ชอบมากที่จะเอาเราไปเทียบกับพวกนั้น แต่ก็ห้ามไม่ได้)

ถ้า เราพูดเรื่องการเมือง ถ้าเราจะอย่างมีส่วนร่วม ไม่ว่าภาคไหน
คนทุกคนทีสิทธิ์เข้าร่วมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในสภา
หรือภาคประชาชน

การที่เรามีพรรคเราก็มีส่วนร่วมในมิติที่ลึกกว่าที่เป็นอยู่และน่าจะทรงพลังมากขึ้นไปอีก

ถ้าเราคิดว่าการเมืองตอนนี้น้ำเน่า
เราก็ต้องเอาน้ำดีไปแทนไอ้พวกน้ำเน่าที่อยู่ในสภาตอนนี้

ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เน่าก็เน่าอยู่อย่างนั้น
แล้วเราก็ไม่สามารถมีพื้นที่ที่ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการ
การเมืองก็ยังจะน้ำเน่าต่อไป

อย่าง ไรก็ตามพรรคการเมืองโดยพันธมิตรต้องมีมาตรฐานที่สูงมากๆๆๆ
ตรวจสอบได้โดยภาคประชาชน
และถ้าใครหลงอำนาจหรือโกงต้องถูกขับไส่ออกโดยง่าย
จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีในพรรคอื่นๆ มีจุดยื่นที่เอาประชาชน
ธรรมมะและความถูกต้องเป็นหลัก ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็น
ทำให้พรรคอื่นเกิดความละอายใจ(หวังว่า) ผมเชื่อว่าการเมืองไทยน่าจะพัฒนาขึ้นนะครับ

ส่วนภาคประชาชนก็ยังคงต้องอยู่ครับ
แต่ การคงอยู่ต้องเป็นไปอย่างคู่ขนานและห้ามข้องเกี่ยวกับพรรคเด็ดขาด
และถ้าพรรคพันธมิตรทำผิดก็ต้องสามารถเรียกร้องได้ด้วยครับต้องเอาความถูกผิด
เป็นตัวตั้ง
vv
++
ถ้าอยากตั้งก็ตั้งเถอะ..
เพราะเดินกันมาถึงขนาดนี้แล้ว stepต่อไป คือ ตั้งพรรคแน่นอน..

แต่ อย่าเอาชื่อ พธม. ไปใช้เป็นชื่อพรรคเลย เพราะ พธม. เป็นBrand
ที่แข็งแกร่งดีแล้ว ในแง่การเมืองภาคประชาชน
แต่การเมืองถาคนักการมืองต้องใช้ชื่ออื่น
จะได้เดินไปสองทางได้อย่างมั่นคง

เพราะ ถ้าพรรคที่ตั้งมีปัญหา (เหมือนพรรคพลังธรรมในอดีต )
ก็จะได้ไม่กระทบถึงความเชื่อมั่นในการเมืองภาคประชาชน(ที่รู้จักกันในนาม
พธม.)ไปด้วย.. ดังเช่น กฎหมายยุคพรรคนั่นไง.. เสี่ยงไม่ใช่น้อย

ปล. ถ้าใช้Brandให้ถูกจุด จะนำพาให้Brandนั้นๆอยู่มั่นคงตลอดไป..
ขอคิดด้วยคน
++
ตั้งเถอะครับไม่เสียหายอะไร การเมืองใหม่จะได้มีแววมากขึ้น
และเอาไว้ถ่วงดุลพรรคอื่นๆที่ขัดขวางภาคประชาชนและมุ่งแต่หาผลประโยชน์ส่วน
ตนมากกว่าประเทศชาติ
ส่วน การเมืองภาคประชาชน พันธมิตรก็ยังคงดำรงอยู่
เพียงแต่ว่าเราต้องช่วยกันหาวิธีการ/รูปแบบต่างๆว่าจะแยกส่วนการบริหาร/การ
จัดการและอีกหลากหลายด้านฯลฯ
เพื่อให้ทั้งพรรคฯและการเมืองภาคประชาชนมีพลัง
สามารถเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมและ
ประเทศชาติมากที่สุด
ผมว่ามันจำเป็นจริงๆนะ
ตอนนี้พวกเราก็เห็นแล้วว่านักการเมืองในปัจจุบันพยายามผลักดันกฎหมายควบคุม
การชุมนุมมากขึ้น ถ้าสำเร็จทุกๆเรื่องภาคประชาชนจะขยับตัวลำบากมาก
ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมทุกด้านไว้แต่เนิ่นๆ
ผมว่าเอาไงเอากันแต่ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและมุ่งมั่นเพื่อ ชาติ
ศาสน์ กษัติรย์

รักทุกๆคน
พลเรือน
++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น