++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พรรคการเมืองใหม่...สัญญาณปิดยุคการเมืองเก่า

โดย สิริอัญญา


ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรือนแสน
ฝ่าความยากลำบากและกรำสายฝนที่ตกหนักในต้นฤดูฝน
ร่วมชุมนุมเพื่อตัดสินใจทางประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ
ท่ามกลางการจับตามองของทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ประชาชนได้ตกลงใจทางประวัติศาสตร์ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
และท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้องกัมปนาทให้จัดตั้งพรรคการเมืองของประชาชน
ขึ้นพรรคหนึ่ง เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ในการปฏิบัติการทางการเมืองในระบอบรัฐสภา

เป็น สัญญาณหมายว่า พรรคการเมืองของประชาชนกำลังอุบัติขึ้นแล้ว
และเป็นสัญญาณหมายว่าการเมืองเก่าซึ่งเน่าเฟะผุพังเหม็นโฉ่และกำลังล่ม
สลายลงอย่างไม่หยุดยั้ง กำลังใกล้ถึงวันดับสูญแล้ว

มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง
แต่มันเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่เป็นจริงของสังคมไทยและประเทศไทย
แม้ว่าคนบางกลุ่มจะไม่เห็นด้วย และจะคัดค้านแม้กระทั่งมุ่งทำลายล้าง
หรือบางกลุ่มทุ่มเทสนับสนุนอย่างสุดจิตสุดใจ
แต่มันก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติของสังคมที่ต้องเป็นไปเช่นนี้เอง

ทำไมการเมืองเก่าจึงต้องดับสูญ? และทำไมการเมืองใหม่จึงต้องอุบัติขึ้น?

การเมืองเก่าได้พิสูจน์ให้ประชาชาติไทยรู้เช่นเห็นชาติต่อเนื่องมา
อย่างน้อย 70 กว่าปีแล้วว่าเป็นการเมืองที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว
หรือหมู่เดียว คณะเดียว
ไม่ใช่การเมืองที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม

เป็นการเมืองเพื่อแสวงหาประโยชน์และช่วงชิงอำนาจเพื่อกลุ่มตนและพวก
พ้อง โดยมิได้คำนึงถึงความพินาศฉิบหายยับเยินของประเทศชาติและความยากจนข้นแค้น
ล้าหลังของอาณาประชาราษฎร

นักการเมืองเก่าได้ใช้อำนาจรัฐในการสร้างสมความมั่งคั่งให้แก่ตนและ
พวกพ้อง ในขณะที่ประเทศชาติเหลือแต่ก้างกระดูกและประชาชนเหลือแต่กระดูกสันหลัง
ความล้าหลังยากจนข้นแค้นแผ่กระจายไปทั่ว และทำให้ประเทศชาติต้องล้าหลัง
ถดถอย จนอยู่ใกล้ปลายแถวสุดของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ไปแล้ว

นักการ เมืองเก่าได้โกงบ้านกินเมืองและสร้างสมฐานะของตนจนร่ำรวยมหาศาล
แทบจะกล่าวได้ว่าผลการทำมาหากินของประชาชาติไทยถูกปล้นชิงไปอยู่ในเงื้อมมือ
ของนักการเมืองเก่าจนแทบหมดสิ้น

มันพัฒนาจนกลายเป็นธุรกิจการเมืองที่ไม่แยแสและไม่ฟังเสียงประชาชน
ตั้งหน้าโกงบ้านกินเมืองอย่างหน้าซื่อตาใส การโกงชาติ โกงประชาชนซึ่งๆ
หน้าเกิดขึ้นดาษดื่นไม่เว้นแต่ละวัน

และมันยังพัฒนาจนกลายเป็นธุรกิจการเมืองแบบครอบครัว
ที่ระดมเอาผู้คนในครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ แม้กระทั่งคนรับใช้ใกล้ชิด
เข้ามาสู่อำนาจทางการเมือง
จนระบอบสืบทอดอำนาจในระบบครอบครัวของนักการเมืองเก่าได้ขยายตัวออกไปยิ่ง
กว่ายุคสมัยใด

มัน พัฒนาจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว!
คือถึงขั้นที่ใช้อำนาจทางการเมืองเข้ายึดครองเขตพื้นที่เป็นจังหวัดๆ
กระทั่งกำลังยกระดับขยายขึ้นเป็นระดับภาค หากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้
ในที่สุดประเทศไทยก็จะถูกแบ่งแยกโดยกลุ่มการเมือง
แบบที่เคยเป็นในยุคขุนศึกของประเทศจีน
ที่กลุ่มนักการเมืองแบ่งแยกดินแดนและเขตอิทธิพลเพื่อครองอำนาจการเมืองตลอด
กาล

เพราะเหตุนี้การเมืองแบบเก่าจึงจำเป็นต้องใช้ทุนรอนมากขึ้นเพื่อ
บำรุงเลี้ยงระบอบธุรกิจครอบครัวการเมือง
ที่จะสืบสันตติวงศ์ไปไม่มีที่สิ้นสุด
ในขณะที่ประชาชนไทยกำลังคล้ายกับเป็นทาสที่มีแค่โอกาสขายสิทธิเลือกตั้ง
เพียงไม่กี่ร้อยบาท
แล้วยกอำนาจอธิปไตยให้กับระบอบธุรกิจการเมืองในระบบครอบครัวที่สุดแทน
สามานย์ ครองบ้านผลาญเมืองต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

การเมืองเก่าที่พัฒนามาในลักษณะนี้ได้ทำให้ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่สภาพสิ้นชาติ
สิ้นแผ่นดิน

สภาพ ดังกล่าวนี้ถึงพัฒนาต่อไป
ชาติบ้านเมืองและประชาชนก็ทนแบกรับต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
แต่ประชาชาติไทยก็ไม่อาจยินยอมพร้อมใจให้การเมืองแบบเก่าในลักษณะนี้ดำรง
อยู่ต่อไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าทางใด
การเมืองแบบเก่าซึ่งกำลังเน่าเฟะผุพัง
และกำลังพังทะลายลงมาจึงต้องเดินหน้าพังทะลายต่อไปจนถึงกาลสิ้นสุดในอนาคต
อันไม่ไกลจากนี้

ในสภาพเช่นนี้ การเมืองใหม่ก็เริ่มก่อตัวขึ้น
มันเป็นกฎเกณฑ์ธรรมชาติของสังคมที่ต้องเป็นไปเช่นนั้นเอง
เพราะความล้าหลัง ยากจน ข้นแค้น ความไม่เป็นธรรม และการถูกข่มเหงรังแก
ได้แผ่ขยายปกคลุมจนผู้คนสัมผัสได้ทั่วถึง

การลุกขึ้นสู้ของประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ที่เริ่มแต่ปรากฏการณ์สนธิ จึงเกิดขึ้น โดยที่ไม่มีใครคาดคิดและคาดฝัน

การ ต่อสู้ของประชาชนได้ขยายตัวลุกลามไปอย่างกว้างขวาง
ยิ่งกว่าประกายไฟน้อยที่ไหม้ลามทุ่ง จากเมืองหลวงออกไปสู่ต่างจังหวัด
และแผ่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ชนบทไทย
ก่อตัวขึ้นเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำเพื่อพิทักษ์รักษาชาติ
ศาสน์ กษัตริย์ และผลประโยชน์ของชาติและประชาชน
ได้ต่อสู้ขับเคี่ยวกับการเมืองเก่าต่อเนื่องมาร่วม 3 ปีแล้ว
ด้วยความเสียสละ กล้าหาญ และอดทน

วีรชนของประชาชนได้พลีชีวิต อวัยวะ และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
แม้กระทั่งแกนนำก็ถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต
ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเข้มข้นดุเดือดแหลมคมของการดิ้นรนเพื่อดำรงอยู่ของการ
เมืองเก่ากับความมุ่งมั่นที่จะนำการเมืองใหม่เข้ามากอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้าน
เมืองของภาคประชาชน

ท่าม กลางการต่อสู้ 3 ปี ที่ฝ่าฟันความร้อนอันจัดจ้าของฤดูร้อน
กรำสายฝนอันกระหน่ำหนักตลอดฤดูฝน ทนความเหน็บหนาวของฤดูหนาว
เผชิญหน้ากับการถูกทำร้ายทั้งจากฝ่ายรัฐและอันธพาลการเมือง
ยืนหยัดต่อสู้กับความมุ่งร้ายหมายเอาชีวิตถึงขนาดใช้อาวุธสงครามถล่มกันในใจ
กลางพระนคร ได้หล่อหลอมใจอาณาประชาราษฎร์ให้แข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยว
และสามารถยืนหยัดได้จนถึงที่สุด

การหล่อหลอมทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ
ยังได้รับการเสริมสร้างด้วยความตื่นรู้ทางข้อมูลข่าวสาร
ยกระดับความคิดสติปัญญาของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นใน
ประเทศไทย

ด้วยความตื่นรู้ ด้วยธรรมและปัญญา
ประชาชาติไทยที่วีระกล้าหาญและเสียสละได้หล่อหลอมรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น
สลายความแตกต่างทางชนชั้น ทางชนชาติ ทางศาสนา ทางภาคนิยม
ทางวัฒนธรรมประเพณีและเพศวัยไปจนหมดสิ้น
ก่อเกิดเป็นภราดรภาพอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมใดในโลก

ประชาชนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ
ได้ผ่านการหลอมรวมในลักษณะนี้ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางชนชั้น ชนชาติ
ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีและเพศวัยหมดสิ้นไป
ก่อกำเนิดเอกภาพของประชาชาติไทยขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ในวันนี้ความขัดแย้งในสังคมไทยและประเทศไทยไม่ใช่ปัญหาชนชั้น
ชนชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี หรือเพศวัยใดๆ อีกแล้ว

แต่มันเป็นความขัดแย้งในเชิงอุดมการณ์ว่า จะกอบกู้ฟื้นฟูชาติ
หรือจะโกงชาติกินเมือง หรือระหว่างความถูกกับความผิด
ระหว่างความดีกับความชั่ว ระหว่างธรรมกับอธรรมเท่านั้น
ตรงนี้จะกลายเป็นเส้นแบ่งทางการเมืองของการเมืองใหม่และการเมืองเก่า
และมันจะกลายเป็นจุดชี้ขาดให้ประชาชาติไทยได้ตัดสินใจว่าใครจะยืนอยู่ข้าง
ไหน ใครจะเลือกอนาคตของประเทศชาติและตนเองแบบไหน

ใคร กอบกู้ฟื้นฟูชาติ ใครยืนหยัดในความถูก ความดี ความงาม
และธรรมะ ที่มีอนาคตอันรุ่งโรจน์ และความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง
ต้องมายืนอยู่กับการเมืองใหม่ ใครจะโกงชาติกินเมือง
ยืนหยัดอยู่ในสิ่งผิดๆ ความชั่วร้ายและอธรรม
ที่มีอนาคตที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและสงครามกลางเมือง
แม้กระทั่งความสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน
ก็ไปยืนอยู่กับการเมืองเก่าต่อไปตามเดิม

เส้นแบ่งนี้จะกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมือง ยุทธวิธีทางการเมือง
กลยุทธ์ จุดยืนและท่าทีทางการเมือง ตลอดจนแนวทางนโยบายและการกำหนดแนวร่วม
ศัตรูหรือคู่แข่งต่อไปในเวลาอันไม่ไกลนี้

ในสมรภูมิรบทางการเมืองในระบบรัฐสภา
พรรคการเมืองจะมากน้อยเท่าใดไม่สำคัญเพราะไม่ว่าจะมีสักกี่พรรค จะเก่าแก่
จะใหญ่เล็กขนาดไหนก็ตาม
แต่เส้นแบ่งดังกล่าวนี้จะเป็นสิ่งกำหนดว่าการเมืองเก่าไม่ว่ากี่พรรคก็ตามจะ
ต้องอยู่ฟากหนึ่ง และพรรคการเมืองใหม่ของประชาชนก็จะอยู่อีกฟากหนึ่ง
มันมีเพียงสองฟากเท่านั้น
ที่ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกอย่างง่ายดายที่สุด

การเมืองใหม่อุบัติขึ้นแล้ว
พรรคการเมืองของประชาชนที่มีจุดยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประชาชนข้างมากของ
ประเทศ เป็นปากเป็นเสียงของประชาชนข้างมากของประเทศ
และต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนข้างมากของประเทศอุบัติขึ้นแล้ว
และจะเป็นกองรบในระบอบรัฐสภาที่ประชาชนฝากความหวังได้

ใน ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังคงเป็นกองกำลังมวลชนของประชา
ชาติไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ที่จะต้องดำรงคงอยู่และเป็นหลักประกันความมั่นคงให้กับชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ต่อไปเป็นนิรันดร.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059837


ดิฉันขอเสนอหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ผ่านทางอจ.นะคะ

ก่อนอื่น ขอเสนอให้อจ.ไพศาลป็นที่ปรึกษาหน. และกรรมการบริหารพรรค ฯ(
ที่ไม่ได้เสนอชื่ออจ. เป็นหน.ด้วยเพราะเป็นหว่งสุขภาพของอจ.ค่ะ)
เพราะอจ.เป็นผู้รอบรู้หลายๆด้านทั้งในและต่างประเทศ

ดิฉันขอเสนอ "อจ.สมเกียรติ์ พงษ์ไพบูรณ์ "เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ค่ะ ด้วย
เหตุผล
1 .อจ.สมเกียรติ์ เป็นหนึ่งใน 5 แกนนำที่พันธมิตรยอมรับได้อยูแล้ว
จึงไม่ต้องห่วงเรื่องเตะหมูเข้าปากหมา
หรือนอกลู่นอกทางอุดมณ์คติของการเมืองใหม่

2.อจ.มีความรอบรู้เรื่องการเมือง เพราะเคยต่อสู้มาก่อน และ

ขอยกให้อจ.สมเกียรติ์เป็นเหม๋าน้อยของประเทศไทย...

แต่ "เป็นเหม๋าน้อยที่ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่ทิ้งประชาชน "

3.นอกจากพันธมิตรแล้ว อจ.สมเกียรติ์ยังมีมวลชนส่วนตัวคือสมัชชาเกษตร 4
ภาค( ที่มีทั้งเหลือง แดง หรือน้ำเงินเป็นสมาชิก )

4 . อจ.สมเกียรติ์ ต้องลงเลือกตั้งแน่ๆอยู่แล้ว
และการแสดงบัญชีทรัพย์สินก็ไม่ม่ปัญหา เพราะตอนนี้เป็น
สส.ต้องแสดงอยู่แล้ว
เป็นต้น

ส่วนคุณลุงจำลองและคุณสนธินั้น จริงๆแล้วเป็นตัวเลือกที่ 1 ค่ะ
แต่ไม่ได้เสนอนั้น เพราะ

....คุณลุงจำลองคงไม่เอาแล้ว พอแล้ว เพราะเคยเป็นแล้ว
และตอนนี้คุณลุงมีกองทัพธรรมและ โรงเรียนผู้นำ ที่ต้องรับดูแลอยู่

....ส่วนคุณสนธินั้น คุณสนธิและastv เป็นอะไรที่แยกออกจากกันไม่ได้
และแยกออกจากพันธมิตรไม่ได้อีกด้วย
เพราะคุณสนธิไม่มีตัวสำรองที่ทำแทนได้ทั้งในด้านการสื่อสารให้ความรู้และอาชีพ
และที่สำคัญastv ยังต้องการความอุปการะจากพันธมิตรที่เห็นต่างในการตั้งพรรคฯ
1 ในพันธมิตรที่สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่


+++

ขอเสนอระบบตัวแทนประชาชน สำหรับ พรรคการเมืองใหม่
เรามี สส 2 แบบ คือ สส เขต และ สัดส่วน
สส เชต ให้ คัดเลือก ดดยการลงคะแนนเสียง
จากประชาชนในแต่ละพื้นที่เพื่อลงรับเลือกตั้ง
สส สัดส่วน ให้คัดจาด ตัวแทนอาชีพ ต่างๆ ตามที่ พธม
ได้เคยกล่าวไว้ในตอนประกาศการเมืองใหม่ ให้ลงรับเลือกตั้งแบบสัดส่วนครับ

เห็นด้วย ช่วยโหวตด้วยครับ
คนชล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น