++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทุกข์ได้ แต่อย่าท้อ....

ปกติแล้วมนุษย์เราทุกคนมักจะคุ้นเคยกับคำว่า “ทุกข์” ด้วยกันทั้งสิ้น จนดูเหมือนว่าความทุกข์นั้นจะกลายเป็น “ มิตรในเรือน  เพื่อนในใจ”   ของมนุษย์แต่ละคนด้วยซ้ำไป                      

นิยามของคำว่า ความทุกข์  ก็คือ  สิ่งที่ทนได้ยาก        

สิ่งที่กายสังขารทนได้ความเจากจนเกิดทุกข์ เช่น  ความเจ็บป่วย ความอดอยากยากจน ความหิวโหยความง่วงเหงาหาวนอน และความอ่อนแอไม่แข็งแรง เป็นต้น  ส่วนสิ่งที่จิตใจทนได้ยากจนเกิดทุกข์เช่น ความโกรธ ความโศกเศร้าเสียใจ ความผิดหวัง อาฆาต ความไม่เข้าใจ และความอิจฉาริษยา  ความทุกข์ทั้งหลายที่กล่าวนั้นมีโอกาสแห่งการเกิดสูงมากจนยากที่จะป้องกันหรือเหลี่ยงหลบมันได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือ แม้ทุกข์จะเริ่มที่กายแต่สุดท้ายใจก็มักจะพลอยทุกข์ไปตามกายด้วยเสมอ                              

เมื่อรู้ว่าทุกข์ที่ตรงไหนเราก็ต้องแก้ไขที่ตรงนั้นโดยทำความเข้าใจ “ความจริงที่แท้จริง”ว่าหากมีใครสักคนแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆที่ไม่ถูกต้องต่อตัวเราจนทำให้เกิดความทุกข์ที่ในใจและกระบวนการที่จะดับความทุกข์นั้นก็คือ            

1.คนที่เป็นผู้กระทำต่อเราเป็นเพียง ผู้สร้างเงื่อนไข ให้เราเท่านั้น เราต้องยอมรับให้ได้ว่าในสังคมมนุษย์อื่นๆล้วนเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้กับเราได้ทั้งสิ้น มีทั้งด้านบวกคือการคิดดี ทำดี พูดดีต่อเรา และด้านลบก็เป็นพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามอยู่ทุกเวลา   หากคนอื่นหยิบยื่นเงื่อนไขด้านบวกให้เราก็จะไม่มีปัญหาเพราะเราสุขใจใช่หรือไม่   แต่ถ้าใครสักคนหยิบยื่นเงื่อนไขด้านลบที่เราไม่ชอบใจมาให้ เราก็จะเกิดทุกข์ใจขึ้นมาทัน                    

2.เหตุแห่งทุกข์ในใจก็คือ  จิตของเราเอง  ไม่ใช่ใครอื่น  มนุษย์เราทุกคนเวลาเกิดทุกข์จากการกระทำของคนอื่นมักจะคิดเหมือนกันก็คือ   โทษคนอื่นว่าเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ของตนทั้งสิ้น  ซึ่งเป็นการคิดเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง   แท้แล้วคนอื่นคือผู้สร้างเงื่อนไขแต่จิตใจเราต่างหากที่มันก่อร่างสร้างรูปของทุกข์ขึ้นมาเอง   ถ้าใครทำไม่ดีต่อเรา หากจิตใจเรา  วางเฉย   ด้วยการ          รับรู้แต่ไม่รับเอา คือรับรู้ว่าเขาสร้างเงื่อนไขด้านลบที่เราไม่ชอบใจมาให้ โดยที่เราจะไม่สั่นไหวอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของจิตใจไปทางด้านลบตามเงื่อนไขที่เขาหยิบยื่นมาให้เสียอย่างความทุกข์ในใจมันก็จะไม่เกิดขึ้นมาดังที่กล่าวมนี้น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า ตัวการอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ใจหรือสุขใจไม่ใช่ใครอื่นหรอก  จิตใจเรานี่เอง….ใช่หรือไม่         

3.ถ้าต้องการปลดเปลืองความทุกข์หรือดับทุกข์ จะต้องกระทำที่จิตใจตนเองเท่านั้นถ้าต้องการดับทุกข์ที่ในใจเราต้องใช้สติปัญญาเข้าถึงความจริงที่แท้ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการให้กระจ่างเสียก่อนสิ่งที่ว่ายากก็จะกลายเป็นง่ายไปในทันที                   

ความทุกข์ทั้งปวง  เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา                   

เพราะว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือ เราจะต้องเข้าถึงการใช้สิ่งที่เรียกว่า สติปัญญา ของสมองของตนให้จงได้ เพื่อสร้างความแตกต่างจากสัตว์โลกทั้งหลายนั่นเอง  เราจึงถูกกำหนดให้เป็นผู้สร้างเงื่อนไขและผู้รับเงื่อนไขทั้งด้านลบและด้านบวกกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันชั่วชีวิตเพราะเงื่อนไขทั้งหลายคือ  บททดสอบทั้งสติปัญญาและจิตสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์เงื่อนไขทั้งหลายชวนให้มนุษย์แต่ละคน ต้องขบคิดต้องพิจารณาเพื่อการตัดสินใจและแก้ไขกันในระหว่างวันซึ่งมีทั้งปมปัญหาตั้งแต่เล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆจึงไม่มีมนุษย์คนไหนที่ตั้งแต่เกิดจนตายไม่เคยเผชิญกับปัญหาใดๆในชีวิต                 


ดังนั้นหากเรามีความรู้สึกว่า  ปัญหาที่เรียกว่า ความทุกข์   มันเข้ามาเยี่ยมเยียนชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างมากให้คิดเสียว่าเรากำลังโชคดีกว่าคนอื่นที่มีเงื่อนไขยากๆมากมายที่คุณจะได้ใช้มายกระดับสติปัญญา  เพื่อพัฒนาความฉลาดของเรา     และท้ายสุดนี้เมื่อใดที่เรากำลังเผชิญปัญหา  ก็จงอย่าทุกข์ใจ  ให้รีบใช้โอกาสนั้นค้นหาสติปัญญาให้พบจะดีกว่า                 




  “ความทุกข์ซึ่งเป็นแขกที่เรามิได้รับเชิญ แต่มันก็พร้อมที่จะเข้ามาเป็นแขกในชีวิตเราได้ทุกวันเวลาตลอดชั่วชีวิตนี้ โดยที่เราจะไม่สามารถปฏิเสธหรือหลบเลี่ยงมันได้เลย”           

                  

“  ถ้าเราไม่ปฏิเสธความทุกข์  เราจะไม่ทุกข์  ถ้าเรายอมรับความจริงของความทุกข์นั้นได้ เราก็จะอยู่กับความทุกข์นั้นอย่างมีความสุข”         

           “  บางครั้งเราก็รู้สึกโกธร  แต่ความโกธรของเราส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เจ็บที่ตัวแต่เจ็บที่กายแต่เป็นเพราะว่าเราเจ็บที่หัวใจของเราต่างหาก”                     

“ คำว่า ‘ ยอม’ คนที่ไม่รู้จักคำนี้มักจะเป็นทุกข์เสมอ ชีวิตในแต่ละวันที่ผันผ่านจึงหาความราบรื่น หรือราบเรียบกับคนอื่นไม่ได้”                     

“  ถ้าเรามีสุขสุดๆแล้ว  เราต้องไม่หลงระเริง ถ้าเราสุขแล้ว เราต้องไม่ลืมตัว          เพราะว่าเดี๋ยวก็มีทุกข์ตามมา นี่เป็นเรื่องธรรมดา”                   

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น