ทุกสิ่งมีสิ่งตรงข้าม รู้เพื่อปล่อยวาง
ทุกสิ่งมีด้านสองด้านเสมอ
มีโกรธ มีไม่โกรธ
ไม่มีอะไรอยู่คงสภาพเดิมไปตลอด
ถ้าไม่เปลี่ยนสภาพในชาตินี้ ก็ต้องเปลี่ยนในชาติหน้า
สมมติ ว่าเราโกรธคนๆหนึ่งวันนี้ .. ไม่แน่ วันสองวันข้างหน้าเราอาจจะหายโกรธ
แต่ยังไงซะก็คงไม่มีใครโกรธใครได้ตลอด ..
ถ้าขั้นร้ายแรงคือแม้กระทั่งจะตายก็ยังไม่หายโกรธ ..
แต่เมื่อตายไปแล้ว วิญญาณหลุดจากร่างแล้ว
ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ยังจะโกรธอยู่อีกหรือ?
ถ้าเป็นวิญญาณแล้วยังโกรธต่อๆไปอีก
ชาติหน้า ลงนรก ไปสวรรค์ กลับมาเกิดใหม่ ยังจะโกรธคนเดิมอยู่อีกหรือ?
คำตอบคงไม่ ... จะเห็นได้ว่า สุดท้ายเราก็หายโกรธคนๆนั้นไปเอง
เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
ในเมื่อเรารู้ว่า ณ จังหวะนี้เรากำลังโกรธนะ
เราก็ควรจะรู้ด้วยว่า อีกไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องหายโกรธอยู่ดี
แล้วอย่างงี้ เราจะโกรธไปทำไม?
ความโกรธของเราจะค่อยๆลดลง
เหมือนความรัก วันนี้รัก และคิดว่าจะรักคนๆนี้ตลอดไป
แต่พอเราตายไป เราลงนรก เราขึ้นสวรรค์ เราจะเข้าใจใหม่ ว่าความรักนี้จริงแท้หรือ?
ความรักช่วยให้เรารอดพ้นจากนรกได้หรือไม่ และช่วยให้เราอยู่บนสวรรค์ได้ตลอดไปรึเปล่า
เราจะรู้สึกแตกต่างไปจากเวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่
หรือแม้กระนั้น จบจากชาตินี้ เกิดใหม่ชาติหน้า.. เรายังจำคู่ของเรา คนที่เราเคยรักมากในชาติที่แล้วได้หรือเปล่า
ในเมื่อทุกๆการกระทำของคนทุกๆคนเปลี่ยนและหมุนเวียนไปตลอด
แสดงให้เห็นว่า มีรัก ก็มีไม่รัก อาจจะไม่รักเพราะหมดรัก หรือไม่รักเพราะจำไม่ได้ หรืออะไรก็ตาม
สุดท้ายทุกสิ่งก็มีคู่ตรงข้ามเสมอ
ยกเว้นเสียอย่างเดียวคือความตาย
ความตายไม่มีคู่ตรงข้าม มีตาย แต่ไม่มีไม่ตาย แปลว่า ทุกชีวิตต้องตาย ต้องดับไป
แต่การเกิดนั้นมีไม่เกิด ที่เรียกว่านิพพานนั่นเอง
"การรู้ซึ้งคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ในวันนี้คือสิ่งที่สำคัญ ขอให้ความทุกข์ที่ผ่านมาแล้ว...เป็นบทเรียนอันมีค่าที่จะทำให้เราเติบโตอย่างคนที่รู้เท่าทันความทุกข์"
วายร้าย@^_^@ยายตัวยุ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น