โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
คนเราอาศัยโลก นี้อยู่กิน นอน ขับถ่าย และหลายสิ่งหลายอย่างที่ถ่ายเทลงสู่โลก แต่ในจำนวนคนทั้งหลายจะมีซักกี่คนที่พึงตระหนักถึงการดูแล ปกป้อง และซ่อมแซมโลกให้สวยงามใบนี้ให้คงอยู่อีกนานเท่านาน บางคนมองเพียงผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อแสวงหาและไขว่คว้าผลกำไรที่จะทำได้ มากที่สุด โดยลืมมองจุดที่ตัวเองผ่านพ้นมาด้วยแรงสนับสนุนของธรรมชาติบนโลกใบนี้
นิวัฒน์ สนสกล ศิษย์เก่ารั้วมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม หนุ่มน้อยร่างใหญ่อีกหนึ่งคนที่มีหัวใจพองโตไปด้วยความสดใสของธรรมชาติ หลังจากเรียนจบปริญญาตรี เจ้าตัวผันชีวิตบัณฑิตใหม่เข้าสู่ชีวิตการทำงานใน ด้วยบทบาทหน้าที่เจ้าชื่น ชอบ นั้นก็คือ ฝ่ายจัดสวนและดอกไม้ของโรงแรมจันทรเกษมปาร์ค
“งาน ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับต้นไม้ ดอกไม้ทั้งนั้น แต่ละวันผมพยายามดูแลรักษาต้นไม้ ดอกไม้ให้คงความสวยงาม ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความเป็นเด็กต่างจังหวัดจึงใกล้ชิดและถูกปลูกฝังให้ อยู่กับธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้รู้สึกปลอดโปร่งทุกครั้งที่อยู่ใกล้สิ่งเหล่านี้” นิวัฒน์ เอ่ยถึงความในใจ
นิวัฒน์ เล่าต่อว่า การทำงานกับต้นไม้เป็นความสุขที่สุด ยิ่งถ้าได้ลงแรงเพาะเอง ปลูกเอง ทำนุบำรุงมาด้วยตัวเองแล้ว เมื่อมองเห็นการเจริญเติบโตขึ้นมา ความรู้สึกภูมิใจที่มีมันมากเสียเหลือเกิน
“เรา สามารถกำหนดเค้าได้ว่า อยากให้เค้าโตอย่างไร สมบูรณ์แค่ไหน ซึ่งไม่เหมือนกับงานที่เราทำอยู่ ที่จะต้องปรับตัวตามระบบงานภายใน และทำงานตามคำสั่งที่เจ้านายสั่ง”
สำหรับหน้าที่ของนิวัฒน์ นอกจากจะดูแลต้นไม้ ดอกไม้ภายในโรงแรม เขายังทำหน้าที่คัดสรรดอกไม้ที่นำมาใช้ในงานจัดเลี้ยงต่างๆ “เราพยายามจะไม่ทิ้ง ไม่ขว้าง เพราะเรา ต้องเลือกต้นไม้ตั้งแต่แหล่งที่มา การดูแลระหว่างขนส่ง เพื่อให้ได้ต้นไม้ที่มีคุณภาพดีที่สุด และสามารถทนอยู่ได้นานที่สุด เพื่อไม่ให้สิ้นเปลื้องทั้งทรัพยากร และเงินทอง ไม่มองเพียงดอกนั้นสวย ดอกนี้สวย แต่ต้องมองว่า เราจะเอามาทำอะไรเสียมากกว่า ที่ขาดไม่ ได้เลยคือจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของงานต่างๆ เราต้องรู้ว่า งานนี้เป็นงานอะไร จัดให้ใครหรือมีบุคคลพิเศษมาหรือเปล่า เพื่อให้สามารถเลือกต้นไม้ และดอกไม้ได้ถูกต้องตามกาลเทศะ”
ผู้ที่รักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ
หากจะกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตามสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่รู้จักกันดีในชื่อ “สภาวะโลกร้อน” นิวัฒน์แสดงความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งถึงเรื่องนี้ว่า ทุกวันนี้การที่โลกเปลี่ยนสภาพไปเป็นเรื่องที่ทุกคนมองเห็น และน่าจะเข้าใจได้ดี แต่สิ่งที่ควรได้รับการแก้ไขที่สุดคงเป็นตัวคนมากกว่า เพราะคนบนโลกนี้ทำให้ทุกอย่างเสียหายไป ฉะนั้นหากจะทำอะไรซักอย่างให้โลกใบนี้ดีขึ้น มันต้องเริ่มกันจาก “จิตสำนึก”
“การจะเริ่มต้นทำอะไร เราต้องลงมือวางแผนก่อนว่าความสำเร็จมันจะมากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่ตามมาหรือเป็นผลกระทบมันมากน้อยเพียงไร คนเราสร้างทรัพยากรของตนมากขึ้น แต่ไม่ดูแลธรรมชาติที่ถูกทำลายไป ยังถือว่าเป็นโชคดีที่หลายคน และหลายองค์กรยังเริ่มมีการทำ คือ เริ่มต้นปลูกจิตสำนึกของคนให้ตระหนักถึงอันตรายต่างๆ ของสภาวะโลกร้อน”
นิวัฒน์ อธิบายต่อว่า สิ่งที่น่าจะปลูกฝังจิตสำนึกมากที่สุด ก็คือ การสร้างแรงจูงใจให้กับคน สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่จะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อโลก แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเช่น เริ่มปลูกต้นไม้ หลังจากนั้นจึงสร้างหลักในการปฏิบัติ
“เด็กๆ วัยรุ่นที่ใช้ชีวิตร่วมหรือคลุกคลีกับผู้ที่รักธรรมชาติจริงๆ จังๆ น่าจะเป็นหนทางที่ดีมากที่สุด เพราะการให้เด็กๆ ได้เห็นสิ่งที่คนเหล่านี้ทุ่มเททำอย่างจริงจัง จะเป็นการสร้างแรงกระตุ้นทางจิตสำนึกให้พวกเขาได้มองเห็นประโยชน์มากมายที่ เกิดขึ้นจาการกระทำที่พวกเขาทำ”
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000040962
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น