++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ASTV-พธม." สู่การเมืองใหม่

โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ


ปัจจุบันมีพรรคการเมืองที่จดทะเบียนกับ กกต.ไว้แล้วจำนวน 45 พรรค
และมีพรรคการเมืองที่จดแจ้งชื่อไว้ตาม
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 อีกจำนวน 20 พรรค

ดังนั้นจะเห็นว่า การก่อเกิดของพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องยาก
เช่นเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กำลังจะ
เกิดขึ้น

แม้ว่า พรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะถือว่า
ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาโดยพฤตินัยแล้ว เมื่อวันที่ 25 เดือน 5 ปี 2552
และแม้ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้เลยจะใช้ชื่อพรรคว่าอะไร
แต่หลายคนก็ยังรอคอยการเกิดและการแจ้งเกิดของพรรคการเมืองใหม่พรรคนี้
ชนิดไม่มีพรรคการเมืองไหนในประเทศไทยที่ได้รับการกล่าวขานเช่นพรรคการเมือง
ใหม่พรรคนี้มาก่อน

ที่สำคัญพรรคการเมืองใหม่พรรคนี้
หากเกิดขึ้นแล้วจะกลายเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เกิดขึ้นจากการรวม
กลุ่มของประชาชนที่มีความคิดและอุดมการณ์ไปในแนวทางเดียวกัน
ต้องการร่วมกันตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อตอบสนองอุดมการณ์ของตัวเอง

เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีรากมาจากประชาชน
ไม่ใช่พรรคการเมืองของนายทุนที่หิ้วกระเป๋าเงินเข้ามาจัดตั้งพรรคการเมือง
ขึ้น และใช้เงินกวาดต้อนนักการเมืองเข้ามาอยู่ในชายคาพรรค

เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีประวัติศาสตร์จากการลุกขึ้นสู้ของประชาชน

การก่อเกิดของพรรคการเมืองใหม่พรรคนี้เป็นการตื่นตัวของประชาชนทุกชน
ชั้น ทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพที่แท้จริง
ไม่ใช่การหลอกตัวเองของปัญญาชนหางเครื่องระบอบทักษิณ อย่าง รศ.ดร.พิชิต
ลิขิตกิจสมบูรณ์
ซึ่งเข้าไปเสวยตำแหน่งบอร์ดแบงก์กรุงไทยในยุครัฐบาลพรรคพลังประชาชนว่า
กลุ่มเสื้อแดงคือ การตื่นตัวทางการเมืองของคนรากหญ้าที่แท้จริง
ไม่ใช่ตื่นเพราะอำนาจเงินและการมองไม่เห็นความเลวร้ายของระบอบทักษิณ

นายพิชิตคนนี้ มองว่า
การสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์
เป็นการใช้กำลังรุนแรงและอาวุธสงครามเข้าปราบปรามทำร้ายอย่างไร้ความเมตตา
แต่เขากลับไม่ตั้งคำถามต่อรัฐบาลพลังประชาชนในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม
2551 และพฤติกรรมของคนเสื้อแดงเอง
ซึ่งสะท้อนความเป็นวิญญูชนจอมปลอมของเขา

ดังนั้น ถ้าพรรคการเมืองใหม่พรรคนี้เกิดขึ้นไม่เพียงแต่การชำระล้างนักการเมืองน้ำ
เน่าเท่านั้น แต่ต้องทำลายล้างนักวิชาการประเภทวิญญูชนจอมปลอมเหล่านี้ให้สิ้นซากด้วย

อย่างไรก็ตาม
เส้นทางสู่การเมืองใหม่ของพรรคการเมืองใหม่ก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ

การประกาศตัวเพื่อเข้าชะล้างความเน่าเฟะของการเมืองไทยของพรรคการ
เมืองใหม่พรรคนี้
จะต้องถูกทดสอบและถูกตั้งคำถามต่อการปฏิบัติในอนาคตของพรรคการเมืองใหม่พรรค
นี้ด้วยว่า จะสามารถนำการเมืองใหม่มาให้กับชาติบ้านเมืองได้จริงหรือไม่

และจะฝ่าด่านการเมืองเก่าที่ต้องใช้เงินในการกรุยทางเข้าไปสู่การเมืองในระบบรัฐสภาได้อย่างไร

อุดมการณ์ใช้ธรรมนำหน้า เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และประชาชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เมื่อหล่อหลอมเป็นพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ
จะมีความสามารถพอที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมใหม่ได้หรือไม่

พรรคการเมืองใหม่
พรรคนี้จะมีนโยบายอะไรที่สามารถนำพาชาติไปสู่สันติสุขและความมั่นคงทั้งด้าน
สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้บ้าง

และที่หลายคนจับตามอง คือ
พรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความแตกต่างทางความคิดนี้
จะสลายความขัดแย้งของคนในชาติได้อย่างไร

มีคนตั้งคำถามมากเหมือนกันว่า
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีระยะอย่างไรกับพรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น

น่าตลกกว่านั้น ก็คือ ผมได้ยินเสียงเย้ยหยันว่า พันธมิตรฯ
ตั้งพรรคการเมืองแล้ว อย่าเผลอออกมาชุมนุมบนท้องถนนอีก
เสียงเหล่านั้นคล้ายกับไม่เข้าใจว่า
การชุมนุมบนท้องถนนก็เป็นวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย เว้นแต่ว่า
จะลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองแบบม็อบเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์

สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
(นิด้า) กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ
กับการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ต้องแยกภารกิจกันให้ชัด
เพราะพรรคการเมืองจะต้องเข้ามาบริหารประเทศและอยู่ภายใต้กฎหมายพรรคการเมือง
ขณะที่การชุมนุมเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลจากภาคประชาชน

ผมคิดว่า ข้อห่วงใยของอาจารย์สมบัติ เป็นข้อเสนอที่น่ารับฟัง
แต่ไม่น่าจะตระหนกจนเกินไป เพราะพรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น
จะต้องเดินไปตามกรอบกติกาของกฎหมายพรรคการเมืองอยู่แล้ว
แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ก็ถือเป็นขบวนการหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย

พันธมิตรฯ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 64
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม สหภาพ สหพันธ์ สหกรณ์
กลุ่มเกษตรกร องค์การเอกชน องค์การพัฒนาเอกชน หรือหมู่คณะอื่น

และมีมาตรา 63 รองรับการขับเคลื่อนของพันธมิตรฯ ที่ว่า
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้
เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ
และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ
หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือ
ในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก

ดังนั้นตราบที่พรรคการเมืองใหม่อยู่ในกรอบของกฎหมายพรรคการเมือง
และพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวตามกติกาของรัฐธรรมนูญ
ก็ไม่มีปัญหาในการทำงานที่ซับซ้อนกันแน่นอน
เพียงแต่จะต้องแยกบทบาทคนที่ทำงานภาคการเมืองและภาคประชาชนให้ชัดเจน

อย่าไปสับสนว่า
ถ้ามีพรรคการเมืองใหม่แล้วองค์กรภาคประชาชนอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตยจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
และทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีใครตั้งคำถามต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงกับ
พรรคเพื่อไทยเลย

ส่วนเสียงที่สะท้อนความหวังดีจากเพื่อนสื่อมวลชน นักวิชาการ
และนักการเมืองว่า ASTV ซึ่งเป็นสื่อที่ยืนเคียงข้างกับพันธมิตรฯ
จะมีจุดยืนต่อพรรคการเมืองใหม่อย่างไร

บอกตรงๆ ครับว่า ไม่ต้องห่วงพวกเรา เพราะ ASTV นั้น
ประกาศตัวเป็นสื่อเลือกข้างมานานแล้ว เราเลือกข้างความถูกต้อง
และผลประโยชน์ของประชาชน

ไม่เพียงแต่พรรคการเมืองใหม่เท่านั้น ไม่ว่าฝ่ายไหน กลุ่มไหน
พรรคการเมืองไหนที่ยืนข้างความถูกต้อง ASTV ก็พร้อมจะยืนข้างนั้น

ถ้าพรรคการเมืองไหนไม่ยืนข้างความถูกต้องก็ย่อมจะไม่ใช่วิถีทางของ
ASTV และผมเชื่อว่า นั่นไม่ใช่วิถีทางของแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5
คนที่แสดงออกเป็นพันธสัญญาต่อประชาชนเสมอมาเช่นเดียวกัน

ถ้า ทุกคนในสังคมเลือกยืนข้างความถูกต้อง ผมคิดว่า
สังคมไทยมีความหวังที่จะเห็นการเมืองใหม่
และสังคมใหม่ที่เป็นธรรมและจะยุติความแตกแยกในชาติได้


surawhisky@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059866


ทุกวันที่ดู ข่าวหรือการวิเคราะห์การเมือง สังคมใน astv
ผมทำตามที่ลุงสนธิเคยบอกคือ "อย่าเพิ่งเชื่อ astv"
โดยการพยายามดูแล้วตั้งคำถามและจับผิดอยู่เสมอ
เพื่อให้มั่นใจในตัวเองว่าไม่ได้ถูก astv ชี้นำความคิด
ซึ่งหลายคำถามหรือข้อจับผิดที่เกิดขึ้น หากดูแล้วคิดตาม
80%ก็จะได้รับการไขให้เข้าใจ
จากการใช้เหตุผลและการนำเสอนข่าวเชิงเปรียบเทียบ
หาที่มาที่ไปของข่าว(อันนี้ชอบมาก) ซึ่งไม่เคยมีในช่อง free tv
ที่มีแต่การเล่าข่าวแบบกั๊กๆ กลัวผลกระทบ(ผมคิดว่าวิธีนี้ไม่ได้เรียกว่า
free tv เป็นกลางหรอกครับ)

ไม่เฉพาะข่าวการเมืองหรือสังคม
แม้แต่รายการบันเทิงที่ดูแล้วได้ความรู้จากการวิพากย์ข่าวดาราที่ดูเหมือน
เรื่องเล็กน้อยไร้สาระ แต่การนำเสนอสามารถดึงประเด็นในภาพรวมของสังคม
สะท้อนปัญหาสังคมไทยครับ ไม่ใช่แค่การเสพข่าวแล้วก็เฮฮาอย่างเดียว เช่น
รายการของอาจารย์สุวินัยและคุณต่อ ผมดูครั้งแรกๆแล้วรู้สึกเลยว่า
"รายการบันเทิงมันต้องอย่างนี้ซิวะ" บันเทิง+ความรู้

ผมว่า astv มีรายการส่วนใหญ่การนำเสนอข่าวที่สอนให้คนรู้จักรับสื่อแบบใช้ปัญญาและได้
ปัญญา ไม่ใช่ใช้หูฟังๆๆๆๆครับ ซึ่งจุดแข็งนี้น่าจะเกิดจาก "วิธีคิด"
ของทีมบริหาร astv ซึ่งต่างจาก free tv
ที่ใช้ratingและรายได้นำประโยชน์ต่อดู

แต่อย่างไรผมเห็นว่าก็ยังมี ข้อบกพร่องบางส่วน เช่น
ในเวปmanagerบางข่าวนำเสนอ"แบบอยากให้เกิดเรื่อง"(ส่วนน้อยนะครับ)ซึ่งไม่
เกิดประโยชน์อะไรกับคนดู
หรือการวิธีการตอบโต้หรือวิพากย์วิจารณ์เสียงโจมตีจากภายนอก
ซึ่งก็เข้าใจครับว่าคนที่โจมตีเรามีทั้งหวังดีและหวังทำลาย astv
ซึ่งผมคิดว่าอย่างไรก็ตาม astv ยังต้องอยู่กับสังคมโดยรวม
ซึ่งถ้าหากเลือกวิธีการในการตอบโต้ไท่แนบเนียน ถูกต้อง
และเหมาะสมกับเจตนาของผู้ที่วิพากย์วิจารณ์
แต่ยังคงรักษาจุดยืนของเราไว้ได้ ผมว่าเราน่าจะได้แรงสนับสนุนมากขึ้นครับ
จากการสังเกตคนรอบข้างและตามเวปอื่นๆ
ผมเห็นว่าช่วงหลังมานี้แนวร่วมเราลดลงจำนวนหนึ่งทีเดียวครับ
ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุผลที่ว่า "astvและพันธมิตรอัดทุกคนที่คิดไม่เหมือน"
บางครั้งผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ แต่ด้วยจุดยืนและเจตนาของ
astvและพันธมิตรในภาพใหญ่ที่นำไปสู่การเมืองสะอาด
ทำให้ยังไงผมก็ยังสนับสนุนastvและพันธมิตรครับ

สุดท้าย
ช่วงที่ผ่านมามีความคิดที่หลากหลายในเรื่องต่างๆในกลุ่มพวกเรา
ทั้งเรื่องพรรค เรื่องหัวหน้าพรรค เรื่องastv
ยังไงเราก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ สร้างการเมืองสะอาด

เคย ฟังอาจารย์ไชยยันต์ กล่าวไว้ประมาณว่าว่า
"การร่วมต้าน"ศัตรูคนเดียวกันอาจไม่เกิดความขัดแย้ง แต่"การร่วมสร้าง"
อาจเกิดความขัดแย้งได้มากกว่า
ขอให้สามัคคีกันไว้นะครับผม
เดินทางสู่การเมืองใหม่การเมืองสะอาดด้วยกันนะครับ
^__^
KK.

+++
ไม่เห็นจะแปลก พรรคการเมือง ภาคประชาชน และสื่อ
ถ้า เราสามประสาน ตรวจสอบกันเอง แนะนำกันเอง
โดยมีพื้นฐานอยู่บนความถูกต้องชอบธรรมและความมั่นคงในวินัยร่วมกัน
เหมือนครอบครัวเดียวกัน คอยตักเตือนกันเอง
ลงโทษกันเอง และยอมรับผิดเมื่อละเมิดกติกาของส่วนรวม ทั้งพรรค สื่อ และ
ส.ส. เป็นของประชาชน ไม่ใช่เป็นของนายทุนผูกขาด งานยังไม่เริ่ม
ปัญหายังไม่เห็น พธม.บางคนบางพวกตีตนไปก่อนไข้เสียแล้ว ถ้าคุณคือ
พธม.ด้วยจิตวิญญาณคุณต้องสนับสนุนกันต่อไปและร่วมกันแก้ไขเมื่อมีปัญหา
1000

+++
สนับสนุนคุณสนธิ เป็นหัวหน้าพรรค กาลเวลาเปลี่ยนไป พวกเราชาว
พธม.ให้โอกาสพรรค
ปชป.เป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศให้อยู่รอดและเข้ามาแก้ไขสิ่งที่ผิดให้เป็น
ถูกตามกรอบกฎหมายบ้านเมือง 6
เดือนแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนเข้ามาเป็นรัฐบาล
ยังแย่งผลประโยชน์กับพรรคร่วมอยู่ไม่เคยคิดจะรีบแก้ปัญหาปากท้องของ ปชช.
เป็นฝ่ายค้านดีแต่พูดพอเข้ามาเป็นรัฐบาลทำอะไรไม่ได้เลย
มีอำนาจก็ไม่ใช้ไปในทางที่ถูกต้องเพราะกลัวเสียผลประโยชน์ของตัวเองและพรรค
อภิสิทธิ์ ดี เก่ง แต่ไม่กล้าก็ไปไม่รอด ณ
สถานการณ์ขณะนี้คนชั่วครองเมือง
คอรับชั่นในหมู่นักการเมืองให้เห็นโดยไม่อายฟ้าดิน สถาบันชาติ ศาสน์
กษัตริย์จะล่มจมไม่เห็นคนในรัฐบาลอภิสิทธิจะสนใจแก้ปัญหา
เอาตัวรอดให้เป็นรัฐบาลไปวัน ๆ ในเมื่อคุณสนธิสู้เพื่อชาติ ศาสน์
กษัตริย์ กับระบอบทักษิณมาตั้งแต่ต้นด้วยความกล้าหาญและเสียสละทุกอย่างโดยไม่เกรง
กลัวอะไร ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง
ถ้าคุณสนธิตั้งใจนำประเทศไปสู่การเมืองใหม่
ให้ประชาชนเป็นใหญ๋ในแผ่นดินและมีความเป็นธรรมเสมอภาคและมีจิตใจเป็นสาธารณะ
มิใช่ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ฟังเสียงประชาชนที่หนุนหลังอยู่
กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าดีหรือชั่ว
ตัดสินใจไปเลยใครจะรู้ดีเท่าตัวเรา แต่ถ้าเป็นแล้วไม่ดี
ปชช.ก็สามารถไล่ได้เช่นกัน
oo
+++
- อ. ปานเทพร้องเพลงชาติเพราะมาก
อยากให้ใช้เสียงร้องเพลงชาติร่วมกันวันงาน 193 มาเปิดแทนเพลงเดิม
8 โมงเช้า 6 โมงเย็น ใน ASTV พร้อมภาพประกอบ ฟังแล้วขนลุก
- ถ้าไม่ตั้งพรรค จะให้เขามายิงเหมือนหมากลางถนนอีกหรือ
ครั้งต่อไปใครจะมาชุมนุมเป็นแสน คนรุ่นหลังนะหรือจะทำได้
- ถ้าสังคมไทยยังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่เกิน 20 ปี ชาติไทยคงล่มสลายทุกอย่างแน่นอน
- แนวทางคุณสนธิถูกต้องแล้วเราต้องรวมตัวกัน ทำมาหากินช่วยกันในอมู๋ พธม.
และเป็นเครื่องต่อรองในสภาให้ได้
- คนไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร ใครเห็นด้วยก็มาช่วยกัน ไม่ลองไม่รู้
sp
++
กราบเรียน พี่น้องทุกท่าน

ผมคัดค้านการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของสมาชิกของ พันธมิตรฯ ด้วยเหตุผลดังด่อไปนี้

1. เราต้องการ องค์กรของประชาชน ที่เป็นอิสระ
ที่เป็นอิสระจากพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อที่เราจะได้ตรวจสอบ "ระบบ"
และเป็นปากเสียงต่อต้านระบบอำนาจที่โกงกิน
ต่อต้านได้ทุกเวลา ทุกที่ ที่มันดำรงอยู่ หรือ เริ่มโผล่อยู่ในเงามืด
เหมือนที่พวกเรากำลีงทำอยู่

สมาชิกรัฐสภาของพรรค ปชป หลายคน ต้องการนำคิงส์พาวเวอร์เข้าสู่กระบวนยุติธรรม
และบังคับให้ทางการท่าฯ ยกสัญญาธุรกิจต่างๆที่สนามบินสุวรรณภูมิ
(แม้แต่ผู้นำพันธมิตรก็เคยพูด)

แต่เขาก็ถูกขอให้เงียบและหยุดเคลื่อนไหว โดยท่านผู้นำของพรรคบางคน
ทำไม? เพราะกลุ่มคิงส์พาวเวอร์นี้เองที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ที่สำคัญที่สุด
ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธ์ครั้งนี้

พันธมิตรฯ ยังโวยวายด่า ต่อต้านการกระทำที่ไม่ถูกต้องของ
สัญญากินผูกขาดของคิงส์พาวเวอร์ที่สุวรรณภูมิได้มากกว่าใครๆ
จนถึงทุกวันนี้

แต่นั่นก็เริ่มเงียบเสียงลงไปแล้ว

ทำไม ก็เพราะ พันธมิตรฯ ต้องการที่จะให้ รัฐบาลอภิสิทธ์ อยู่รอด
ทันที ทันใด นักการเมืองที่โกงชาติบ้านเมือง กลายเป็นผู้มีอำนาจที่ดี
นักการเมืองที่ดี เพราะ เขา กำลังสนับสนุน
"รัฐบาลที่ดีที่สุดที่จะหาได้ในเวลานี้"

แม้แต่ พันธมิตรฯ ขณะนี้ก็เริ่ม ให้อภัยอย่างไม่เป็นทางการกับ
คนที่เคยทำไม่ดี ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธ์อยู่ขณะนี้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า พรรคพันธมิตรฯ เป็นพรรคร่วมรัฐบาลของคุณอภิสิทธ์ในวันข้างหน้า

ผู้นำพรรคพันธมิตรฯ จะถูกทำให้ เงียบ ใหม?
หรือ จะร่วมกับฝ่ายค้านแล้วไล่รัฐมนตรี ของรัฐบาลตัวเอง แล้วก็พบกับ
การล่มสลายของพรรคร่วมรัฐบาลอภิสิทธ์
(ซึ่งหมายถึงการยอมให้ระบอบทักษินกลับมาเป็นรัฐบาลอีก)

หรือ พรรคพันธมิตร จะไม่มีวันเข้าร่วม เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ?
(ผู้นำบางท่านอาจจะพูดขณะนี้ แต่ไม่มีทางที่มันจะเป็นตามนั้น
เมื่อได้รับการเลือกเข้ามา ผมกล้าพนัน 100%)

นั่นหมายความว่า ขบวนการพันธมิตร ต้องประณีประณอมกับ อำนาจการโกงกิน
มากยิ่งขึ้นไปอีก

เหมือนกับที่ เริ่มได้ยินผู้นำใน พันธมิตรฯ บางท่านพูดแล้วว่า จะยอมให้
อำนาจการโกงกิน เหล่านั้น อยู่ร่วมในรัฐบาล
ตราบใดที่พวกนั้น ไม่ กระทำการต่อต้านบ่อนทำลาย พระมหากษัตริย์

ซึ่งนั่นหมายถึง ประชาชนชาวไทย ชาติไทย จะสูญเสีย องค์กรอิสระของประชาชน
ที่มีอำนาจที่สุด ไป
เพราะ ต้องประณีประณอม เพื่อเป็นรัฐบาล
(เพราะ ว่าจักต้องยอม (ลด) ตนเองทำงานเพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ -
สส.พรรคร่วม ห้ามด่ากัน ต้องยกมือสนับสนุนกัน)

2. ถ้าตั้งพรรคในนามพันธมิตรจะทำให้ ขบวนการพันธมิตร สูญเสียผู้สนับสนุน
และแนวร่วม หลายคน
ไม่ใช่ หลายคน ครับ
แต่เยอะแยะ มากมาย (หมายถึงแนวร่วม สมาชิก และผู้สนับสนุนทั่วไป)
ซึ่งนั่นจะทำให้ขบวนการอ่อนแอลงไป
และในที่สุดก็จะไม่เหลืออำนาจพอ ที่จะต่อต้าน
รัฐบาลที่เลวร้ายทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้

ใครคือผู้ที่สนับสนุนปัจจุบัน ของ พันธมิตรฯ ที่จะหยุดสนับสนุน ถ้า
พันมิตรฯ ตั้งพรรคเอง

ก. คนกลุ่มแรก คือ ประชาชนผู้ที่รักอิสระ หรือ "คนธรรมดา"
ผู้ซึ่งได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมร่วมกับ พันธมิตรฯ
หรือได้เข้าเป็นสมาชิก
ซึ่งเชื่อว่า ขบวนการพันธมิตรฯ และ ผู้นำพันธมิตร จะเป็นอิสระ จากพวก
นักการเมืองโกงกิน

และ ขบวนการพันธมิตรฯ ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคม ไม่ใช่ ต่อสู้เพื่อ
"ผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้นำหรือผู้ประสานงาน"

เมื่อใด ขบวนการพันธมิตรฯ ได้ก่อตั้งเป็นพรรคการเมืองแล้ว
ผมสรุปได้ว่าเหล่าผู้นำใน พันธมิตรฯ
และรวมถึงเพื่อนที่ดีที่สุดของผม (และเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย) ได้ทรยศต่อประชาชน

พวกเขาได้ ทำลาย/ทำร้ายองค์กรอิสระของประชาชน ที่ดีที่สุด ที่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน
เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เพื่ออำนาจการเมือง ชื่อเสียง และเงิน และ.. และ...
แม้ว่าพวกเขาต่างอ้างว่าทำเพื่อประชาชน และเพื่อประเทศชาติแล้วก็ตาม
(ทักษิณก็พูดอย่างนั้น)

แม้ตัวผมเองก็รู้สึกสงสัยและแคลงใจในเพื่อนที่ดีที่สุดของผมแล้ว
และความสงสัยนี้จะไม่เกิดขึ้นจากประชาชนโดยทั่วไปด้วยหรือ?
ประชาชนจะสงสัยแน่ และคนจำนวนมากด้วย
เมื่อนั้นเอง ที่ฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตรฯ พวกมีอำนาจโกงกิน และนักการเมืองโกงกิน
จะใช้จุดอ่อนนี้ มาเป็นจุดที่จะทำลาย เครดิต/คุณงามความดี
โดยใช้สื่อและการโฆษณาชวนเชื่อ
(ซึ่งจะทำให้ พันธมิตรฯ สูญเสียผู้ที่สนับสนุนในวงกว้างมาก)

พวกเรากำลังเปิดตัวเองเพื่อถูกทำให้อ่อนแอ และจะถูกทำลายในที่สุด
เพียงเพื่อประโยชน์สำหรับ หรือของ ผู้นำบางคน

ข. เราจะสูญเสียแนวร่วมอีกกลุ่มใหญ่ คือ
สมาชิกพรรคและผู้ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเหนียวแน่น
(ผู้ที่เคยอยู่ใน พันธมิตรฯ)
เพราะ พรรคพันธมิตรฯ กำลังจะทำลายพรรคอันเป็นที่รักของเขา. พรรคประชาธิปปัตย์

คน กลุ่มคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของผู้สนับสนุน พันธมิตรฯ
อย่างแข็งขันจนถึงทุกวันนี้ และพวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากกว่า
กลุ่มคนอิสระในข้อ ก. ด้วย
คนใต้ ส่วนใหญ่และมีจำนวนหลายล้านคนจะเลือกพรรคประชาธิปัตน์
แทนที่จะเลือกพรรค พันธมิตรฯ
และส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเลิกให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พันธมิตรฯ
เมื่อ "พรรค พันธมิตรฯ" ถูกมองว่าเป็นศัตรูทางการเมือง
และ พันธมิตรฯ ไม่ใช่องค์กรของเขาอีกต่อไปแล้ว

ผมเชื่อว่าคนใน พันธมิตรฯ มากกว่าครึ่งเป็นคน (สนันสนุน) พรรคประชาธิปัตย์

ค. แนวร่วมกลุ่มถัดไปทีเราจะสูญเสีย คือ
คนอีกส่วนหนึ่ง(ทั้งผู้สนับสนุนและสมาชิก) ของ พรรคฝ่ายค้าน
และพรรคการเมืองเล็กๆ
ซึ่งต่อต้านระบอบทักษิน และ ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากการดำรงอยู่ของระบอบทักษิน

พิสูจน์จากตัวอย่างในอดีต ผู้นำ พันธมิตรฯ รู้ดีว่า คุณบรรหาญ
และคุณเสนาะต่างสนับสนุน
และเป็นแนวร่วม พันธมิตรฯ เพื่อต้านระบบทักษิณ
ทั้ง สนับสนุน ด้วยแรงใจและด้วยการเงิน

ในการล้มครั้งแรกของระบอบทักษิน
ก็มาจากการสนับสนุนของพวกฝ่ายค้านเหล่านี้ อย่างปฏิเสธไม่ได้

หลายคนด้วยกันยังจะสนับสนุน พันธมิตรฯ ต่อไป หากว่า พันธมิตรฯ ยังเป็นอิสระ

แม้ว่าพวกเขาได้ร่วมกับทักษิณหลังการล้มครั้งแรก
แต่พวกเขาก็ได้เป็นผู้ช่วยดึงทักษิณให้ล้มในสมัยที่สองด้วยเหมือนกัน

ขณะนี้เราอยู่ในช่วง "การล้มครั้งที่สองของระบอบทักษิณ"
เราสูญเสียคุณเสนาะอยู่ แต่เราได้คุณบรรหาญและอีกหลายคน และรวมถึงคุณเนวินด้วย
เรามีแนวร่วมสนับสนุน เป็นล้านๆ (ไม่ใช่เป็นพันๆ) จากคนกลุ่ม
ที่ได้ร่วมกันโค่นล่ม "ระบบทักษิณ" วันนี้อีกครั้ง

ระบอบทักษิณ "ยังมีชีวิตอยู่" และมันยังจะเป็นระบอบที่อันตรายที่สุด ไปอีกนานนับปี
และมันก็พร้อมที่จะหวลคืนได้อีก ทุกเวลา
เราต้องเฝ้าระวังและพร้อมที่จะสู่กับมัน

พวกแนวร่วมในกลุ่มนี้ สนันสนุน พันธมิตรฯ เพราะว่ามีประโยชน์ในยามที่เขาต้องการ
พวกเขายอมให้ พันธมิตรฯ ทำในสิ่งที่ทำ และไม่ทำลาย/ฆ่ามันไป
ในระหว่างที่พวกเขาเห็นคุณค่าและประโยชน์
และในเมื่อ พันธมิตรฯ ได้ถึงจุดหนึ่งที่ท้าทาย
พวกเขาจะทำลายทุกอย่างเพื่อทำลาย/โค่นล้ม พันธมิตรฯ

" พรรคการเมือง พันธมิตรฯ" มีโอกาสน้อยที่จะรับการชนะลือกตั้งในภาคใต้
พรรคพันธมิตรฯ ไม่ได้สร้างความสะเทือนความเกรงกลัวแก่ พรรคประชาธิปัตย์
แต่ พรรคพันธมิตรฯ
จะสร้างความกลัวแก่พรรคเล็กๆที่มีอยู่แล้วหรือที่กำลังเกิดใหม่
มากกว่ากว่าพรรค ปชป.

ดังนั้น ไม่เพียงแต่ พันธมิตรฯ จะเสียแนวร่วมส่วนนี้
แต่ พันธมิตรฯ จะเป็นส่วนผลักดันให้พรรคการเมืองเหล่านี้กลับเข้าสนับสนุนระบอบทักษิณอีก
เพื่อการต้าน พันธมิตรฯ
และพวกเขา สามารถคุมเสียง ประชาชนผู้เลือกตั้ง ได้อย่างมากมาย หลายล้านคน

3. ความคิดเห็นของผม, ก้าวแรกของการเมืองใหม่นั้น คือ การทำให้
องค์กรอิสระของประชาชน เช่น พันธมิตรฯ มีความมั่นคงแข็งแกร่ง

ปัจจุบันในประเทศไทย เรามี 3 สถาบันใหญ่ในประเทศ ที่เป็นอิสระจากกัน

สถาบันกษัตริย์
สถาบันศาล
สถาบัน รัฐสภา-รัฐบาล (ซึ่งความจริงไม่ถูกต้องตามเจตนารม์รัฐธรรมนูญ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสององค์กรต่างเป็นอิสระและไม่เป็นอิสระต่อกัน)
(งง ใหม? ตามรัฐธรรมนูญ ถือว่าทั้ง สององค์กรเป็นอิสระจากกัน
แต่ในทางปฎิบัติ มันไม่เป็นอิสระเลย มันเป็นสถาบันเดียวกัน
ผมจึงต้องเอามารวมกัน)

เราต้องการมี สถาบันของชาติ ที่สี่
คณะสภาของ องค์กรประชาชนที่เป็นอิสระ(อย่างแท้จริง) ในการช่วย
ถ่วงดุลอำนาจของ รัฐสภา-รัฐบาล
(เพราะ สองสถาบันแรกไม่สามารถ มีบทบาท ออกมาวิพากวิจารณ์ หรือ
มาแสดงความเห็นต่อต้าน รัฐสภา-รัฐบาลได้
ประเด็นนี้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ในการสร้าง ระบบ การเมืองใหม่

และจักต้องรักษาไว้ให้เป็นอิสระ จาก รัฐสภา-รัฐบาล
เพื่อที่จะให้มี สถาบันที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ รัฐสภา-รัฐบาล
(เนื่องจากใน อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รัฐสภาสูญเสียบทบาท ตามรัฐธรรมนูญ
และตามหลักการปกครองประชาธิปไดย ในการตรวจสอบรัฐบาล)
(ย้ำ เพราะทั้งสองสถาบันคือสถาบันเดียวกัน)

ขบวนการพันธมิตรของประชาชน จะต้องเป็นอิสระ จากสถาบัน รัฐสภา-รัฐบาล
เพราะถ้า ยาม(หมา)เฝ้าประเทศ เปลี่ยนไปเป็น ยาม(หมา)เฝ้ารัฐบาล แล้ว
ใครจะเป็น ผู้ตรวจสอบ ยับยั้ง หรือ แม้กระทั่ง ต้องหยุดยั้ง
ผู้ที่ทำผิดอยู่ในสถาบัน รัฐสภา-รัฐบาล

และ นั่นคือสาเหตุที่เกิดมี ขบวนการพันธมิตรเพื่อประชาชนขึ้นมา
มาเป็นยาม(หมา)เฝ้าประเทศ

และประชาชนสนับสนุน สนับสนุนเพราะ หน้าที่เป็น ยาม(หมา)เฝ้าประเทศ
และชาติ ต้องการ ยาม(หมา)เฝ้าประเทศ

ปัจจุบันนี้ พันธมิตรฯ มีกำลังอำนาจ แต่ยังไม่เข้มแข็ง ทั้งในส่วน
กำลังสิ่งของวัตถุ และกำลังคน

และที่ยังแย่สุด คือ ยุทธศาสตร์/วิถีการ ยังไม่มั่นคงแข็งแกร่ง (เป็นน้ำหนึ่ง)

บทบาทของ พันธมิตรฯ จักต้องไม่ถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่ง ของคณะบริหารงาน รัฐสภา-รัฐบาล

เพราะว่า อำนาจ และ กิเลสตัณหา ในตัวมนุษย์ สามารถเปลี่ยน (อุดมการณ์)
ของผู้นำคนนั้นๆได้

ดูจากกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ใน เพื่อนบ้านของเรา
การคอรัปชั่นกำลังงอกงามเพิ่ม และ
เพิ่มขึ้นเร็วมากกว่าการทำให้คนจนเป็นคนรวย
สหายของพวกเรา ที่การค้า/ทำธุรกิจร่วมกับประเทศเหล่านั้น สามารถยืนยันได้
(ไม่ อยากกล่าวหาพวก ''ตุลาแดง'' จึงไม่ใช้เป็นตัวอย่าง เพราะคนดี
ที่เป็นสีแดง มีเยอะมาก และผมไม่ยอมยก ให้เขาไปเป็น
พวกทักษินแบบถาวรครับ)

ดั้งนั้น มันเป็นการผิด ผิดตั้งแต่ต้นแล้วที่ พวกเขาคิดที่จะเปลี่ยน
ขบวนการพันธมิตร ไปเป็นรัฐบาล

เพราะนั่นเป็นการทำลาย การเกิดมา ของ ขบวนการพันธมิตรเพื่อประชาชน

4. สำหรับผู้ที่ต้องการจะไปอยู่ใน รัฐสภา-รัฐบาล ต้องเลิกยุ่งกับ
องค์กรอิสระของประชาชน

ผมหมายถึงการกระทำ ที่จะต้องทิ้งให้ ขบวนการพันธมิตรเพื่อประชาชน
เป็นอิสระ จากพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
(มิได้หมายถึงการเลิกสนับสนุน แต่หมายถึงการชี้นำ การนำพา การบริหาร
และการเป็นกรรมการ)

สมาชิก และผู้สนับสนุน พันธมิตรฯ ควรใช้สิทธิของเขา ในการเข้าร่วม ทุกพรรคการเมือง
ให้การสนับสนุน เป็นกำลังในการส่งเสริมคนดีในพรรคการเมืองเหล่านั้นให้ปกครองคนไม่ดีในพรรคเหล่านั้น
(ความดี/คุณธรรมนำพาขจัดสิ่งเลวร้าย)

การปฏิบัติแบบนี้ จะทำให้เกิด แนวร่วมในวงกว้าง และมีแนวร่วมเพิ่มให้
พันธมิตรฯ และ องค์กรอิสระของประชาชนอื่นๆ.

พระมหากษัตริย์ ทรงสอนเราว่า "สนับสนุนคนดีเพื่อปกครองและควบคุมคนไม่ดี"
ขอให้ฟัง
+++
ตั้งพรรคแล้วผิดตรงไหนเหรอ
ตั้งพรรคแล้วน่ากลัวมากเลยเหรอ

นี่ไงละผลพวงของการเมืองเก่า
มันเลวร้ายและน่ากลัวจนไม่กล้าให้คนที่ตัวเองรักเข้าใกล้ ใช่ไหม?
เหมือนพ่อแม่ที่ขู่ลูกว่า อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวตำรวจมาจับ

อย่ากลัวไปเลย ถ้ามัวแต่กลัว ประเทศไทยจะไม่เหลือเอาไว้ให้ลูกหลาน
เราถูกหลอกให้กลัวมานานแล้ว ออกมาจากมุมมืดได้แล้ว
แสงสว่าง จะได้ฆ่าเชื้อโรคที่หมักหมม มานาน
พันธมิตรตั้งพรรค ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
+++
การทำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
ไม่ใช่การทำลายล้าง เพราะไม่มีวันจบสิ้น

การต่อสู้กับศัตรูรอบด้าน ไม่ได้นำมาสู่ความสงบสุขได้
และไม่ใช่หนทางสู่ชัยชนะ

แนวทางต่อสู้ของพันธมิตร ควรเปลี่ยนได้แล้ว
ไม่งั้นจะเสียแนวร่วมทีละน้อยๆ จนไม่มีพลัง
มองให้รอบด้าน
+++
อยากเห็นรูปแบบและโครงสร้างพรรคไวไวจัง
เสนอ ชื่อพรรคการเมืองใหม่ หัวหน้าพรรคก็ขอเป็นคนดีมีจริยธรรม
ยึดมั่นในอุดมการณ์และเก่ง
ถ้ามีหัวหน้าพรรคดี สมาชิกพรรคดี
การเมืองใหม่ก็เดินไปได้อย่างมั่นคงแม้จะมีอุปสรรค ขวากหนามมากก็ตาม
ปร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น