++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เผยคนไทยกินผลไม้น้อย แนะเพิ่มวิตามินซีหนุนลิ้นจี่ล้นตลาด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


กรมอนามัย เผย คนไทยกินผลไม้น้อย หวังหนุนกิน 6-8 ผล
หลังอาหารเพิ่มวิตามินซีให้ร่างกาย ช่วยเกษตรกรแก้วิกฤติลิ้นจี่ล้นตลาด
พร้อมเตือนลดพฤติกรรมเสี่ยงดื่มเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และขนมหวาน
ที่มากเกินความต้องการของร่างกาย

นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า
ผลสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทย ครั้งที่ 5 พบว่า
คนไทยยังกินผลไม้เฉลี่ยเพียงวันละ 1 ขีด หรือประมาณ 100 กรัมเท่านั้น
โดยเด็กนักเรียนกินผลไม้เฉลี่ยวันละ 61.5 กรัม
วัยทำงานกินผลไม้เฉลี่ยวันละ 77.1 และผู้สูงอายุกินผลไม้เฉลี่ยวันละ 63.6
กรัมเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกกลุ่มวัยควรกินผลไม้ให้มากขึ้นประมาณ 280-480
กรัม/วัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีการกินผลไม้เพิ่มขึ้น
เนื่องจากมีการเสื่อมของเซลล์มากกว่าวัยอื่น ๆ
และเป็นวัยที่ต้องการวิตามินและเกลือแร่เพื่อยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่
เป็นสารทำลายเซลล์และเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
อีกทั้งยังต้องการกากใยเพื่อช่วยในการขับถ่ายด้วย

นพ.สุวัช กล่าวต่อว่า
จากสถานการณ์ปริมาณลิ้นจี่ในปีนี้ให้ผลผลิตสูง
ทำให้มีปริมาณที่มากเกินกว่าความต้องการของตลาด
ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่เป็นอย่างมาก
จึงเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือนร้อน
และยังเป็นการสนับสนุนให้คนไทยหันมากินผลไม้โดยเฉพาะลิ้นจี่แทนการกินขนม
ขบเคี้ยว ขนมหวาน และเครื่องดื่มรสหวานกันมากขึ้น
เพราะจากข้อมูลโภชนาการกรมอนามัยพบว่า เด็กนักเรียนดื่มเครื่องดื่ม วันละ
87.2 กรัม ขนมขบเคี้ยว 13.2 กรัม และขนมหวาน 38.2 กรัม
ในขณะที่วัยทำงานดื่มเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และขนมหวาน วันละ 52.5 กรัม
15.2 กรัม และ 47.9 กรัม ตามลำดับ
ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเกินความต้องการของร่างกาย

"ทั้ง นี้ ลิ้นจี่จัดเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาลฟรุกโตส
ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
และมีวิตามินซีสูง มีหน้าที่ที่สำคัญในการทำให้เซลล์ผิวหนัง กระดูกอ่อน
เอ็น กล้ามเนื้อ ผนังเส้นเลือด โครงสร้างภายในกระดูกและฟันแข็งแรง
และการกินลิ้นจี่ให้ได้คุณค่าทางโภชนาการนั้น ควรกินครั้งละ 6-8 ผล
หรือประมาณ 100 กรัมหลังมื้ออาหาร
โดยในแต่ละมื้อควรกินอาหารจานหลักและตามด้วยผลไม้ 1 ส่วนหรือประมาณ
70-120 กรัม แทนขนมหวานที่ทำจากแป้งและน้ำตาล
จะทำให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ตามที่ร่างกายต้องการ
อันจะส่งผลดีต่อร่างกายในระยะยาวอีกด้วย นอกจากนี้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพป่วยเป็นโรคเบาหวาน
หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักควรเลือกกินผลไม้ที่รสไม่หวานจัดแทน"
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060525

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น