++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ได้เวลา..พรรคพี่น้องเอ๊ยยยยยย...

โดย สำราญ รอดเพชร


ฉันทามติของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายหมื่นคนเมื่อค่ำคืน
วันที่ 25 พ.ค. 2552 เห็นชอบให้จัดตั้งพรรคการเมือง
เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของพันธมิตรฯ
เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเมืองใหม่
ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..

จะผิดถูกชั่วดีอย่างไร
ผมก็คงต้องกราบขออภัยบรรดาท่านแกนนำพันธมิตรฯ อยู่เรื่องหนึ่งก็คือ 4
เดือนที่ผ่านมา แทบทุกครั้งที่ได้ร่วมเดินสายไปกับ "คอนเสิร์ตการเมือง"
ของพันธมิตรฯ ผมมักจะหยั่งกระแสเสียงพ่อแม่พี่น้องเอ๊ยว่า จะให้พันธมิตรฯ
ก้าวเดินไปอย่างไร ถ้ามี 3 ทางเลือกพี่น้องจะเลือกอย่างไหน

1) คงความเป็นพันธมิตรฯ ในฐานะองค์กรภาคประชาชนเพียงอย่างเดียว
อย่าได้วอกแวกเป็นอย่างอื่น

2) แปรรูปพันธมิตรฯ เป็นพรรคการเมืองเต็มรูปแบบ

3) คงความเป็นองค์กรของพันธมิตรฯ
แต่ขณะเดียวกันให้จัดตั้งพรรคการเมืองอยู่ภายใต้ร่มธงของพันธมิตรฯ ด้วย

ทุกเวที..เสียงปรบมือที่หนักแน่นยาวนานกว่าคือ ข้อ 3

เล่าแถมให้ฟังนิดหนึ่งว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งพอลงจากเวที
ได้รับโทรศัพท์จากคุณน้องไทกร พลสุวรรณ ณ อีสานกู้ชาติ บอกดังๆ
ผ่านสายว่า..พี่สำราญยอดมาก
กล้าหาญมากที่กล้าเปิดประเด็นถามเรื่องพรรคการเมือง
ไม่มีแกนนำคนไหนกล้า..

เมื่อวานได้อ่านข่าวที่คุณน้องไทกรบอกว่าพรรคพันธมิตรฯ
ถ้าฝันถึงตัวเลข 4-50 ที่นั่งนั้นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
ก็เป็นความเห็นที่ต้องรับฟัง
แต่ก็น่าเสียดายอยู่นิดหนึ่งตรงที่ว่าคนที่เคยร่วมต่อสู้กันมา
เป็นขาประจำของเวทีพันธมิตรฯ
ทำไมต้องอารมณ์ผันแปรกราดเกรี้ยวเลี้ยวปาดหน้ากันได้ถึงปานนี้....

ครับ..จะว่าไปผมไม่ได้แปลกใจ
ตื่นเต้นกับมติของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ สักเท่าใดนัก
หากแต่ประทับใจซาบซึ้งใจในเสียงปรบมือ เสียงมือตบกลางสายฝน
จากร่างกายที่เปียกปอนเหน็บหนาวแต่หัวใจยืนหยัดไม่ยอมลุกหนีไปไหน...

จากนี้ไป
เป็นการบ้านอันเหนื่อยหนักของแกนนำและคณะทำงานของพันธมิตรฯ
ตั้งแต่การจดทะเบียนพรรค ออกแบบวางโครงสร้าง วางคน กำหนดนโยบาย
การระดมทุนช่วยพรรค

และรวมทั้งต้องตั้งรับวิชามารการปล่อยข่าวลือปล่อยข่าวเท็จเพื่อดิส
เครดิต พรรคใหม่และใครต่อใคร ตลอดจนการจับผิดผ่านสภากาแฟ ผ่านสื่อมวลชน..

หรือแม้แต่กับสื่อมวลชนหลายคนเสนอผ่านผมว่าเมื่อมาทำพรรคการเมือง
แม้จะยืนหยัดในเนื้อหา - แนวคิดแนวอุดมการณ์สู่การเมืองใหม่
แต่ก็คงต้องมีการปรับตัวปรับกระบวนท่าในการพูดจาสื่อสารกันด้วยเหมือนกัน...

มิใช่ว่าเราต้องพูดจาโกหกตอหลดตอแหล แต่ "ท่าที -ท่วงทำนอง"
คือสิ่งสำคัญ เพราะในอนาคตเมื่อพรรคการเมืองพรรคนี้เป็นพรรคเต็มรูป
เดินเข้าสู่สภาจะอาศัยแค่สื่อASTV เพียงอย่างเดียวก็คงไม่พอ ขณะที่ตัว
ASTV เองแม้จะเป็นสื่อเลือกข้าง (ความถูกต้อง)
แต่ก็คงต้องจัดวางระยะห่างกับพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ที่จะเกิด..

การ เมืองในระบบรัฐสภา
จะมีความหยุมหยิมยุ่งยากทางกฎหมายเข้ามากำกับควบคุมพรรค
และนักการเมืองมาก ตั้งแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฉบับ

เหล่านี้คือความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อแม่พี่น้องที่สะท้อนผ่านผมมา
ท่านเหล่านั้นกลัวว่าบรรดาแกนนำและว่าที่ผู้บริหารพรรคทั้งหลายจะพลาดเรื่อง
ง่ายๆ ตายน้ำตื้นหรือถ้าเป็นมวยก็แพ้ฟาวล์แพ้แตก อะไรทำนองนั้น..

ไม่ว่าจะอย่างไรถึงนาทีนี้
ต้องบันทึกไว้ว่าพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ที่กำลังทำคลอดกันอยู่
มีแนวโน้มที่จะเป็นลักษณะเด่นในสายตาของผมอย่างน้อย 5 ประการ

1) มีที่มามี "ประวัติศาสตร์" ของตัวเอง
อันหมายถึงมาจากการต่อสู้ร่วมกันของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
นับเนื่องมาตั้งแต่การจุดเทียนเล่มแรกของปรากฏการณ์สนธิ เมื่อปลายปี 2548
กระทั่งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ 9 ก.พ. 2549
จนมาถึงปัจจุบัน

2) ประชาชนมีส่วนร่วมในการตั้งพรรค
หรือเกิดขึ้นจากเสียงสะท้อนเสียงเรียกร้องของประชาชน

3) มวลชนหรือประชาชนของพรรคการเมืองพรรคนี้มีทุกระดับชั้นตั้งแต่ชนชั้นรากแก้ว
ชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง
อดีตฝ่ายซ้ายที่เคยเข้าป่าจับอาวุธเพราะถูกเผด็จการไล่ต้อน
นักต่อสู้จากองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ ฯลฯ โดยที่ทุกชนชั้น
ทุกภาคส่วนที่มารวมตัวล้วนแต่มั่นคงในจุดยืนเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

4) ไม่มีทุนขนาดใหญ่เข้ามาครอบงำ ชี้นำพรรค
หากแต่ทุนหลักคือทุนบริจาครายเล็กรายน้อย
ดังนั้นเชื่อมั่นได้ว่าในอนาคตจะไม่มีภาพของการเมืองเก่า ประเภทว่าบริจาค
30 ล้านได้ตำแหน่ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ บริจาค 100 ล้าน 200 ล้าน
รับตำแหน่งรัฐมนตรี ฯลฯ ให้เราเห็น

5) แนวโน้มหลักของแกนนำพรรคหรือผู้บริหารพรรค
ส่วนใหญ่จะมาจากคนที่มีความรู้ความสามารถ
มีประวัติในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมหรือเป็นคนดี และมีความกล้าหาญ
ดังนั้นน่าจะเชื่อมั่นได้มากว่าเมื่อพรรคได้มีบทบาทในสภา
ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติหรือเป็นฝ่ายบริหารก็ตาม
คนเหล่านี้จะเป็นที่มุ่งที่หวังของประชาชนได้แน่

ขณะที่เป้าหมายของพรรคก็คือการมีบทบาทผลักดัน -
นำประเทศสู่การเมืองใหม่เป็นสำคัญ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเรื่องจำนวนที่นั่ง
ส.ส.
.....................
กล่าวโดยสรุป ถ้าใช้ความรู้สึกในฐานะเป็นพลเมืองคนไทยคนหนึ่ง เราๆ
ท่านๆ ก็ควรส่งเสียงปรบมือต้อนรับการก่อเกิดของพรรคการเมืองพรรคใหม่พรรคนี้
อย่างน้อยก็ทำให้มีทางเลือกมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น
และเป็นตัวเลือกที่เชื่อว่าจะไม่ขี้เหร่แน่นอน
ตรงข้ามกลับมีลักษณะเด่นที่ท้าทายอย่างน้อยก็ 5 ประการดังกล่าวมาแล้ว

และเรียนตามตรงส่งท้ายว่า..ผมสบายใจที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล
ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในพรรคการเมืองพรรคใหม่
ประกาศต่อหน้าพ่อแม่พี่น้องเมื่อค่ำคืน 25.5.52 ว่า
การสร้างพรรคการเมืองหนนี้คือการลงทุนทางปัญญาระยะยาว พวกเรา
"ต้องรีบแต่ไม่ร้อน" และ อย่าท้อใจหากได้ ส.ส.เข้าสภาไปน้อย
จะเท่าไหร่ก็ขอให้
ส.ส.ของพรรคนี้ได้เป็นตัวแทนแสดงออกถึงจิตวิญญาณของพวกเรา
(พี่น้องพันธมิตรฯ)

ซึ่งผมมองว่านี่คือการตกผลึกใหม่ของคุณสนธิ..ที่หลุดจากกรอบการเมืองเก่า...

หลุดกรอบ...แต่ก็ไม่ได้หลุดโลกแบบเพ้อเจ้อหรือเพ้อฝันแต่ประการใด
ใช่มั้ยครับ..พี่น้องเอ๊ยยยยยยย....


samr_rod@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059001

ผมอ่าหมดทุกคนแล้วอยากถามพี่น้องพธม.หน่อยครับว่า
ทุกคนพอใจไปอาศัยบ้านเพื่อนอยู่คลอดชีวิต
พอใจในการเป็นลูกน้องในร้านของเถ้าแก่ตลอดชีวิต
พอใจในการกินอาหารร้านเดิมที่ไม่ถูกสุขลักษณะตลอดชีวิตทั้งที่ต้องซิ้อ
ไม่ใช่ของฟรี พอใจที่จะให้เขาใช้ให้ทำอะไรก็ได้
ให้เลือกอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ประเด็นสำคัญ
คุณยอมเป็นทาสทางความคิดของพรรคการเมืองแค่ชื่นชอบ
แต่หาคำตอบโดยให้เหตุผลไม่ได้
ถึงเวลาที่เราควรจะสร้างบ้านเองแม้นจะเป็นกระต็อบเล็กฯแต่ก็มีอิสระในการ
เดิน นอน หรือถ่ายในบ้านหลังนั้น
ถึงเวลาที่เป็นเจ้าของกิจการที่เราสามารถบริหารงานได้เอง
เพราะกิจการเดิมเราบอกเถ้าแก่ให้ปรับปรุงร้านแต่เถ้าแก่ไม่สนใจ แถมบอกว่า
ไม่ต้องทำอะไรหรอก เพราะยังไง คนต้องมาซื้อ ทั้งที่สินค้าไร้คุณภาพ
แล้วคุณจะยอมเป็นทาสในเรือนทั้งที่เขาไม่เคยให้คุณกินข้าวเลยหรือ
สลัดความคิดนั้นออกไป ผม คุณ พี่น้องพธม. เหนื่อยยากแสนเข็ญมาด้วยกัน
ไม่ต้องบอก แค่ดูตาก็รู้ใจ อนาคตเป็นเช่นไร
เราก็ต้องมาร่วมด้วยช่วยกันคิด สิ่งใดไม่เห็นด้วย
เราก็ต้องรับฟังในฐานะกัลยาณมิตร อย่ามัวระแวง สงสัย ในกันและกันมากนัก
ผมเองก็กังวลเช่นกันว่า เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามา บางคนอาจจะเปลี่ยนไป
แต่เราก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนไปในสังคม
ดีกว่าให้สังคมของเราต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนกลุ่มเดิม ความคิดเดิมฯ
ที่เอาเปรียบพวกเรามาตลอด จนชาติย่อยยับ เพราะนักกินเมืองเดิมฯ
คนใต้
++
เรียน คุณสำราญ ที่นับถือ
ขอนำเสนอ อาซ้อ ของท่านแกนนำ ทั้ง 5 ท่าน
มาเป็นหัวหน้าพรรค ได้มั้ยค่ะ ท่านใดก็ได้
เหตุผล 1. โปร่งใส
2. คุณสมบัติครบ
3. เพื่อเป็นเกียรติแก่พันธมิตร ที่มีสุภาพสตรีมากกว่า
usim08@hotmail.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น