++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

'๑๙๓ วันรำลึก' บทเพลงของวันคืนผันเปลี่ยนแปร แต่หัวใจไม่เคยแปลงเปลี่ยน (ภาควิจารณ์)/พอลเฮง

'๑๙๓ วันรำลึก' บทเพลงของวันคืนผันเปลี่ยนแปร แต่หัวใจไม่เคยแปลงเปลี่ยน
(ภาควิจารณ์)/พอลเฮง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


ความคึกคักที่มาพร้อมกับความครึกครื้นได้แสดงอารมณ์ ผ่านบทเพลง
'๑๙๓ วันรำลึก' ที่เหล่ามวลหมู่ฝูงชนแห่ง
'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย'
ได้แสดงพลังขับเคลื่อนผ่านบรรยากาศของความเป็นอันหนึ่งใจเดียวกัน
สมัครสมานสามัคคีประดุจเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ผูกพันฉันญาติมิตร
ด้วยคืนวันที่เดินทางฝ่าฟันมาด้วยกันทั้งรอยยิ้ม ความสุข เลือด และน้ำตา

ขวบปีที่ผ่านพ้นไป การเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ เหล่านั้น
กับการต่อสู้ท่ามกลางหัวใจเดียวกันในสภาวะของสภาพทางสังคมการเมืองที่ตึง
เครียดและเปราะบาง
เหล่าผู้คนในขบวนการเคลื่อนไหวทางประชาสังคมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเมือง
ไทย ความตื่นตัวกระตือรือร้นด้วยการต่อสู้ของการเมืองข้างถนน
ซึ่งเป็นการต่อสู้ทางประชาธิปไตยทางตรงของภาคประชาชนที่มารวมตัวกันในนาม
'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' อีกคำรบต่อจากปี 2548

บทเพลง '๑๙๓ วันรำลึก' ที่ถูกเขียนคำร้อง-ทำนองขึ้นมาโดย ศรัณยู
วงษ์กระจ่าง แกนนำรุ่นที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โดยมี สมิท บัณฑิตย์ อีกหนึ่งคนดนตรีที่เคยมีผลงานดูโอในนาม สมิท แอนด์
เชน มาเป็นผู้เรียบเรียงดนตรี
ถือว่าได้รวบรวมเอามวลอณูบรรยากาศมาผนวกรวมอย่างเข้าถึงถ่องแท้ในจิตวิญญาณ
ของขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่แปรเปลี่ยนสู่กระบวนการมีส่วนร่วมทาง
สังคมในการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
โดยยึดหลักมาตรฐานของการต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมทางการเมืองอันเน่าเฟะใน
ระบบรัฐสภาไทยที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอรัปชั่นในเชิงนโยบายอย่างฝัง
รากลึก

หากเอาลักษณะของบทเพลงที่เรียกว่า บทเพลงสรรเสริญสดุดีหรือเอนเธม
(Anthem) เข้ามาวางจับอารมณ์ของบทเพลง '๑๙๓ วันรำลึก'
ก็จะกำซาบได้ว่าบทเพลงนี้ได้สนองตอบบรรยากาศและอารมณ์ความรู้สึกของผู้ที่มี
ส่วนร่วมในขบวนการเคลื่อนไหวทางประชาสังคมที่เข้มข้นเข้มแข็งอย่างถ่องแท้

โดยเฉพาะคำร้องที่ประมวลเอาภาพอดีตที่ยังฝังผนึกแน่นอยู่ในความทรงจำของทุก
คนมาฉายภาพใหม่ผ่านถ้อยคำที่เรียงร้อยรูปประโยคอย่างลงตัวกระชับแน่น
จุดประกายอารมณ์ความรู้สึกที่เคยมีร่วมกันให้ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง

นับได้ว่า ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
เขียนเนื้อเพลงเพลงนี้กลั่นออกมาจากหัวใจอย่างแท้จริง
เพราะดูทางคำแล้วนั้น
แทบจะไม่มีลักษณะปรุงแต่งแต่พุ่งตรงออกมาจากความรู้สึกได้ทันที
ความสวยงามของคำในเชิงอุปมาอุปไมยที่จงใจใส่ก็น้อยมาก
แต่เป็นเป็นการประมวลภาพอดีตที่ถาโถมล้วงลึกในความรู้สึกให้ออกมาเต้นเร่ามี
ชีวิตขึ้นอีกครั้ง

เนื้อเพลงซึ่งเป็นกุญแจสำคัญหรือท่อนหัวใจก็คือ

'จดจำขึ้นใจ เราทำเพื่อใคร
เผ่าพันธุ์เชื้อไทย ไม่ให้ใครครอบครอง
เรารักชาติไทย แผ่นดินขวานทอง
หมู่ไทยทั้งผอง เรารักพระเจ้าอยู่หัว'

บอกถึงพันธกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รวบรัดหมดจดไม่ต้องขยายความมากมายให้เยิ่นเย้อ

ภาคดนตรีที่ใช้หลักวิธีการของออร์เคสตราชั่น (Orchestration)
การเรียบเรียงดนตรีที่สำหรับเล่นในวงออร์เคสตร้ามาผสมกับพื้นฐานของดนตรี
ป็อปร็อกที่วางความยาวของเพลงไว้ประมาณ 11 นาที
แม้จะค่อนข้างเป็นลักษณะของพิมพ์นิยมของสไตล์การทำเพลงแนวนี้ที่เคยทำมา
เนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ อยู่บ้าง
แต่พลังทางดนตรีและความคิดที่ขับเคลื่อนส่งผ่านออกมาก็ถือว่าอัดได้เต็ม
กำลังจนล้นออกมาเสียด้วย
ไม่ว่าจะเป็นช่วงอินโทรเปิดเพลงที่มีกลุ่มเครื่องสายบรรเลงคลอกับเปียโนฝี
มือของณัฐ ยนตรรักษ์ และเข้าสู่ท่อนร้องในแบบคล่าสสิคพ็อพของ พวงเดือน
ยนตรรักษ์ ได้ปลุกบรรยากาศของความขรึมขลังอลังการสมกับเป็นเพลงธีมในแบบเอนเธม

การวางท่อนต่างๆ
ในแต่ละเวิร์ดที่มีนักร้องเข้ามาร้องคนละวรรคทำได้นวลเนียนและลื่นไหล
สามารถบอกได้ว่าจังหวะการร้องแม้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคลิก
แต่สามารถกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันในลักษณะที่แปลกแยกแต่ไม่แตกต่าง
รวมถึงท่อนโซโล่กีตาร์ที่เป็นจุดพักครึ่งก็สามารถตอบโจทย์ในการกระตุ้นเร้า
อารมณ์ให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ
สำหรับท่อนปิดท้ายที่ใช้ทีมนักร้องเด็กร้องประสานเสียงที่สะท้อนออกถึง
สัญลักษณ์อนาคตข้างหน้าของการเคลื่อนไหวทางการเมืองใหม่ที่จะมีผู้รับไม้ต่อ
อย่างมีความหวัง

รายชื่อนักร้องและวงดนตรีคงไม่ต้องสาธยายแจกแจงกันให้ยืดยาว
เพราะเกือบทุกรายที่ขึ้นบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในช่วง 193
วัน ล้วนมาถ่ายทอดอารมณ์เพลงและร่วมรำลึกถึงคืนวันเหล่านั้นอย่างพร้อมเพรียง
(ดูรายชื่อได้จากหนังสือ 'รักเธอประเทศไทย 50 ศิลปินบนเวทีกู้ชาติ')

อย่างที่ว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมทอที่เลอเลิศก็ยังมีจุดขมวดปมของด้ายไหมเป็นรอยร่อง
บทเพลงนี้ก็เช่นกัน
แม้จะทำได้อย่างครบถ้วนในการประมวลรวมเอาอารมณ์ความรู้สึกของอดีตการชุมนุม
ผ่านบทเพลงไว้ครบถ้วน
แต่ในส่วนของดนตรีที่สามารถรองรับมวลรวมของเพลงได้ทั้งหมดนั้น
ถือว่าสอบผ่านอย่างสบายๆ เพียงแต่ยังขาดเสน่ห์ของตัวเองอยู่พอสมควร
ในเรื่องที่ไม่สามารถสร้างสีสันทางดนตรีที่จัดจ้านหรือความพิเศษเฉพาะตัวให้
เกิดขึ้นได้อย่างโดดเด่น อาจจะบอกว่าความเป็นมิวสิค สกอร์
ยังไม่สามารถบอกธีมเอกลักษณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยผ่านภาษาทาง
ดนตรีได้อย่างน่าทึ่งตะลึงงัน

บท เพลงเฉพาะกิจที่ทำขึ้นเฉพาะกาล อย่าง '๑๙๓ วันรำลึก'
คงอยู่ในใจของผู้คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในเหตุการณ์อย่างมิมีวันลืมเลือน
และอาจจะส่งพลังผ่องถ่ายส่งสู่สังคมไทยในขอบข่ายที่กว้างขวางออกไปด้วยพันธ
กิจของการเมืองใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในทุกระดับต่อไป


http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059022

ผมได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก มีความรู้สึกเลยว่า พี่ตั้ว สุดยอด
(ไม่รู้ว่าพี่ตั้ว เคยเขียนเพลงมาก่อนนี้หรือเปล่า ถ้า ไม่เคย พี่ตั้ว
เก่ง โครต ๆๆ ) นึกถึงว่า ความรู้สึกตอนที่พี่ตั้ว เขียน เพลงนี้ คง
อาจจะมาจาก ความรู้สึกก้นบึ้ง ว่า ต้องทำให้ดีที่สุด หรือ อาจจะนึกว่า
ใคร ๆ อาจจะมองเป็นเพียง แค่ แกนนำ เอ็นเตอร์เทน เท่านั้น แต่ พี่ตั้ว คง
ลืม คิดไป ว่า ไม่จริง สิ่งที่พี่ตั้ว แสดง ออก มา กล้าหาญ กว่า หลาย ๆ
คน แม้นกระทั่ง ตัวผมเอง ก็ ไม่สามารถ ไปร่วม กับ พันธมิตร ได้ บ่อย เท่า
พี่ตั้ว งานนี้ ขอมอบเครดิต ให้ พี่ตั้ว ไป สุดตัว เลย ครับ แล้วไม่ลืม
คุณสมิทธิ์ อีก คน ที่ ทุ่มเทได้ ดี ไม่แพ้ กัน รัก ครับ เพื่อนพันธมิตร
คนนึ่ง
thesaint2548@hotmail.com
++
ชอบเพลงนี้มากเลยร้องทีไรน้ำตาไหลทุกที
ขอบคุณทุกคนที่แต่งเพลงนี้และนักร้องทุกคน
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้มาด้วยกันภายใน193วัน
เรารักพธมทุกคนเราจะไม่ลืมกันจนตาย
898

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น