++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การเมืองใหม่ที่อยากเห็น

โดย ชัยสิริ สมุทวณิช

ผมดีใจที่เราจะได้พรรคการเมืองใหม่จากพันธมิตรฯ ครับ

และมาพร้อมกับ "การเมืองใหม่" ซึ่งย่อมเป็นที่ต้องการของทุกคน
ที่เห็นว่าบ้านเมืองไทยเรานั้นจะไม่มีวันมีประชาธิปไตยที่พัฒนาก้าวหน้าไป
จากที่เป็นอยู่นี้ได้เลย หากเราจะจมอยู่กับวัฏฏะน้ำเน่า มีการเมืองเก่า
หน้าเก่าๆ ถ่ายโอนอำนาจในหมู่วงศาคณาญาติ

ถ้ามีการเมืองใหม่

ผม ตั้งใจจะเข้าไปช่วยแบบเต็มตัว
และก็จะเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่แกนนำจะตั้งนี้ด้วย
ซึ่งจะเป็นครั้งแรกหลังจากที่พรรคพลังใหม่ล้มเลิกไป
เพราะโดนข้อหาว่าเป็นแนวร่วมกับคอมมิวนิสต์

ความจริงผมไม่มีข้อเสนออะไรให้พรรคการเมืองใหม่นี้หรอก

แต่มีหลายอย่างที่ผมอยากเห็นว่าสังคมการเมืองไทยน่าจะทำได้เพื่อเป็นการวาง
รากฐานให้ประชาธิปไตยลงรากลึกไปในชนบท
และวางรากใหม่ให้กับระบบการศึกษาไทยเราด้วย

ประชาธิปไตย นั้นมีนัยบ่งบอกถึงสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ
ทั้งหมดนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องแม้จะไม่โดยตรง
แต่มันเชื่อมโยงถึงพรรคการเมืองผ่านนโยบายซึ่งหากพรรคนั้นได้เข้าไปบริหาร
สิ่งนี้คือผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับผ่านทางภาษีที่เขาเสียไป
ส่วนหนึ่งคือโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสร้างให้ และผลประโยชน์ด้านอื่นๆ

แต่ชาวบ้านนั้นสนใจ "การเลือกตั้ง" โดยเห็นว่าที่ผ่านมาเขาควร
"ได้" จากการใช้สิทธิไปเลือกตั้งบ้าง นักการเมืองน้ำเน่าจะ "จ่าย"
เงินหรือให้ "สิ่งของ" เพื่อตอบแทนหากเลือกเขา มีตั้งแต่ 20-100-500
ในเขตเมืองถึง 1,000 บาท ก็เห็นได้ไม่ยากนัก

ประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่อง "ซื้อ-ขาย" คือชั่วตั้งแต่เริ่มต้นเสียแล้ว

ไม่มีใครคิดจะแก้หรอก

ประชาชน "ได้" จริง แต่แท้จริงพวกเขาคือเหยื่อครับ
ผมจึงเห็นว่าถ้าเราจะเริ่มต้นกันใหม่ ก็ต้องเริ่มจากเหยื่อกันก่อน

ประการแรก ชาวบ้านรู้นะ ว่าซื้อเสียงนั้นไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย
แต่การได้เงินมันมีความหมายมากกว่าเรื่องถูกหรือผิด

ประการที่สอง ชาวบ้านเห็นว่าการเลือกตั้งนั้น
ไม่ได้มีทุกวันและไม่ได้เห็นผลประโยชน์ตกแก่ตนในระยะยาว นโยบายกินไม่ได้
(ในแง่ส่วนตัว)

ทั้ง สองประการนี้
ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าประชาธิปไตยอยู่แค่การเลือกตั้ง
ส่วนสิทธิมักเป็นเรื่องต้องร้องขอ
ถ้าร้องขอไม่ได้ก็ต้องใช้การประท้วงหรือ "ก่อม็อบ" เอาเอง

วิธีแรกที่ผมนึกคือ ชาวบ้านไม่มีหนทางหันหน้าไปพึ่งใคร
พรรคการเมืองมีสาขาพรรค แต่ไม่ได้อยู่กับรากหญ้า
ดังนั้นทำอย่างไรจึงจะหยั่งรากไปจนถึงระดับหมู่บ้านและเข้าถึงมวลชนในระดับ
ที่ว่านี้

ที่ พอจะทำได้ก็คือ สาขาพรรคควรขยายเครือข่าย
โดยจัดตั้งให้มีระบบสมัชชา คือประชุมสมาชิก
ระดมประชาชนทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก
หารือกันกำหนดนโยบายระดับรากหญ้าในเชิงปฏิบัติ ไม่ใช่นโยบายนามธรรม
แต่ให้มีรูปธรรม วิธีการก็ใช้ปัญหาเป็นตัวตั้ง แล้วดูว่าจะแก้ไขอย่างไร
เมื่อรู้ปัญหาก็จะได้วิธีแก้ วิธีแก้นี่ก็จะได้ชุดความคิดออกมา
ซึ่งก็จะรู้ว่านโยบายที่เป็นรูปธรรมสำหรับปัญหาแต่ละอย่างควรเป็นอย่างไร

เวลานี้คอมพิวเตอร์ราคาถูก
การรวมปัญหาไว้ในระบบออนไลน์ของแต่ละหมู่บ้านขึ้นมาสู่ระดับจังหวัด, ภาค
และเข้าส่วนกลางทำได้ไม่ยาก

ผู้บริหารพรรคก็ควรมีโครงสร้างที่แบ่งหน้าที่ระดับภาค,
รองหัวหน้าพรรค, ควรแบ่งกันดูแลระดับภาคครับ

วิธีนี้เราจะได้นโยบายระดับรากหญ้าจริงๆ
และแบ่งได้เป็นนโยบายหลายอย่าง ทั้งหมดเป็นรูปธรรม

สิ่ง ที่ผมอยากเห็นคือ ระบบการศึกษา
ได้แก่การยุบวิชาเรียนให้เป็นวิชาที่ไม่ต้องละเอียดแต่คลุมทั้งหมด
แต่ในสายศิลป์กับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

สายศิลป์ อาจจะเรียนภาษา, ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์,
และอะไรอีกไม่เกิน 2 วิชา และให้นักเรียนเลือกเรียน 2 หรือ 3 วิชา

สายวิทยาศาสตร์ ก็เรียนเคมี, ฟิสิกส์, วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ให้เลือก 2-3 วิชา

วิชาเลือกอื่นๆ ก็เป็นวิชาเลือกจริงๆ เช่น วิชาอิสระ
เช่นวิชาด้านการดนตรี, กีฬา, ศิลปะ-หรือสิ่งแวดล้อม เลือก 1 วิชา หรือ 2
วิชา

นักเรียนจะจบ ม.ปลาย ก็เรียนศิลป์และวิทย์ ใน ม.ต้นควบไปไม่เกิน
5 วิชา (รวมวิชาอิสระ 1 วิชา)

ม.ปลายจึงเลือกว่าจะเอาวิทย์หรือศิลป์
แต่ต้องมีวิทย์หรือศิลป์ทิ้งไว้ 1 วิชา

ครับ... ผมแค่คิดและคาด... ผมไม่ใช่ว่า "ฝัน"
เป็นสิ่งที่ผมต้องการเห็นว่ามันน่าจะเกิดได้ในบ้านเมืองที่ผมอยู่ครับ

เมื่อได้คิดอยากจะเห็นแบบนี้แล้ว ผมควรจะทำอย่างไรต่อ

ผมคงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้

มีแต่อยากเห็นสิ่งที่ผมเชื่อว่า
หากมีรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นรัฐบาลในอนาคต (ที่ดี)
ผมก็อยากเห็นสิ่งเหล่านี้ที่มีอยู่ หรือไม่มีได้เกิดขึ้น

1. ให้พัฒนาพิพิธภัณฑสถานฯ ให้ดีขึ้น
มีงบประมาณมากกว่าเดิมอย่างน้อย 10 เท่าหรือมากกว่า
มีทุนให้คนไปเรียนเรื่องการจัดการและการบริหาร

2. ให้มีการพัฒนาวงดนตรีระดับชาติ คือวงมโหรีไทย
และออเคสตราฝรั่ง
โดยไม่เกี่ยงให้มีคนต่างชาติเข้าร่วมมาเล่นเป็นเทอมเป็นวาระเพื่อพัฒนานัก
ดนตรีไทยส่งเสริมให้ทุน นักดนตรีไทยไปเรียนเพิ่มเติม
ส่งวงดนตรีไปหาประสบการณ์ต่างประเทศ

3. จัดระบบการแข่งขันกีฬา ประเภทที่คนนิยมเสียใหม่
ให้มีการแข่งขันในวันหยุดทุกสัปดาห์
ตั้งแต่ระดับโรงเรียนถึงมหาวิทยาลัยสนับสนุนสโมสรกีฬาให้ได้รับการสนับสนุน
จากภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ

4. จัดให้มีการแข่งขันกรีฑาระดับชาติ
(ไม่จำเป็นต้องระดับนานาชาติ) ขึ้นโดยจัดให้ใหญ่ สมเกียรติ
โดยมีรางวัลสำคัญๆ
เพิ่มประเภทกีฬาคัดตัวนักกีฬาตั้งแต่เด็กให้เข้าค่ายตั้งแต่ 3-6 เดือน
ถ้าได้รับการคัดตัวให้เข้าค่าย 1-2 ปี โดยไม่ทิ้งการเรียน
ส่วนโรงเรียนกีฬาให้แปรรูปเป็นมหาวิทยาลัยกีฬาและเป็นวิทยาศาสตร์การกีฬาให้
มีทุกภาค

5. ให้มีการจัดสร้างห้องสมุดทันสมัย
ทั้งเป็นห้องสมุดทันสมัยและมีระบบที่มีคอมพิวเตอร์จำนวนมากทุกภูมิภาค
ส่งเสริมให้มีการอ่านหนังสือ มีรางวัลด้านวรรณกรรมระดับชาติ
ที่สำคัญกว่าซีไรต์หรืออื่นๆ

6. ให้มีการจัดการแข่งขันรายปี ประดิษฐกรรมหรือนวัตกรรมใหม่
โดยมีรางวัลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทในแต่ละสาขา - วิทยาศาสตร์,
การค้นคว้าวิจัยด้านโบราณคดี, วิทยาศาสตร์ทางทะเล, วิทยุโทรทัศน์, อวกาศ
และประดิษฐานกรรมพื้นบ้านใหม่ๆ ฯลฯ

ครับ ของแบบนี้ทำได้ง่ายๆ ถ้าคิดจะทำกันจริงๆ

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059361

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับอาจารย์

และขออนุญาตแสดงความคิดเห็นต่อยอดอีกสักนิด คือ

1. นอกเหนือจากการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ให้ดีขึ้นแล้ว
สิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายมากและถูกละเลยกันมาทุกยุคสมัย ก็คือ
อดีตราชธานีอันล้ำค่าของไทยเรา อย่าง อยุธยา และสุโขทัย นั้น
เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทุกซอกทุกมุม
ล้วนมีเรื่องราวที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า
แต่ไม่เคยได้รับการพัฒนาให้สมกับเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์เลยสักนิด

คน ไทยนิยมไปเดินปารีส โรม เวียนนา
แล้วก็นั่งชื่นชมกับบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์ที่คนบ้านเขาเก็บรักษาเอาไว้
ดูดเงินจากนักท่องเทียวกะเหรี่ยงอย่างเราๆ แต่ทำไม ราชธานีเก่าของเราเอง
เรากลับไม่เคยคิดจะพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์
ให้เป็นความภูมิใจของชาติ
และเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงรากเหง้าแห่งความเป็นชนชาติไทยที่มีความเป็นมาอัน
ยาวนานกันบ้าง

การพัฒนาเขตเมืองเก่าให้มีบรรยากาศของเมืองแห่ง ประวัติศาสตร์นั้น
จำเป็นต้องศึกษาและพัฒนาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การปรับปรุงผังเมือง
การศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ การปรับปรุงภูมิทัศน์ของเมืองโดยรวม
รวมถึงการสร้างกรอบให้บรรดาร้านค้าหรืออาคาร โรงแรม
ที่อยู่ในเขตเมืองเก่าอยู่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมและกิจกรรมที่สอดคล้อง
แม้แต่การสร้างจุดขายทางการท่องเที่ยว
ก็ควรให้สอดคล้องกับบรรยากาศและประวัติศาสตร์ของเมือง หากทำได้สำเร็จ
ทั้งอยุธยา และสุโขทัย จะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ใครๆ
ก็อยากมาสัมผัสทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก รวมทั้ง
อาจจะถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในสถานที่ทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนทั่วประเทศอีก
ด้วย
ทีสำคัญ กรุณาอย่าให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นคนดำเนินการนะ ขอร้อง
เพราะพูดก็พูดเหอะ วิธีพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวนั้น
เป็นสุดยอดการทำลายสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เลย

2. เห็นด้วยมากๆ กับอาจารย์ในการเรื่องการพัฒนาห้องสมุด
เพราะเคยรู้สึกหงุดหงิดมากกับการที่เรามีหอสมุดแห่งชาติ
ที่เปิดปิดในเวลาราชการ แล้วหยุดเสาร์-อาทิตย์ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
แล้วคนทำงานอย่างเราๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปเข้าห้องสมุดได้บ้าง
หรือจะต้องขอลางานเพื่อไปห้องสมุด จะไปห้องสมุดที
ก็ต้องถ่อไปถึงท่าวาสุกรี ทั้งที่บ้านอยู่สมุทรปราการ!!!

ใน "การเมืองใหม่" เราควรปรับปรุงระบบห้องสมุดของเราใหม่หมด
ให้เป็นห้องสมุดออนไลน์ เพราะโลกยุคนี้เป็นโลกแห่งข่าวสารข้อมูล

การ เมืองใหม่ จะต้องทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่ายที่สุด
และมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถมีการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
โดยไม่ต้องไปเข้าโรงเรียนหรือต้องถ่อสังขารไปนั่งแช่ในห้องสมุดทั้งวัน

สิ่ง ที่ขอเสนอแนะ ก็คือ การปรับปรุงหอสมุดแห่งชาติ ให้เป็นหอสมุดออนไลน์
ให้ประชาชนสามารถ downloadหนังสือในห้องสมุดมาอ่านได้
โดยเฉพาะที่เป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุต่างๆ
ความรู้ในสาขาต่างๆ งานวิจัย วรรณคดี วรรณกรรม
คุณจะเก็บเงินค่าสมาชิกห้องสมุดออนไลน์ก็ได้
เชื่อว่าคนที่ต้องการใช้บริการเขาไม่รังเกียจที่จะจ่ายเงินให้กับบริการดีๆ
เช่นนี้แน่นอน อย่าไปเก็บแพงก็แล้วกัน

3. เห็นด้วยกับอาจารย์เรื่องการพัฒนาการกีฬาของไทย การเมืองใหม่
ควรคิดเรื่องการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาไทยตั้งแต่เด็กๆ
เพราะกีฬาเป็นเรื่องของกายภาพ อย่างนักฟุตบอลของเรา ถ้ายังรูปร่างแบบนี้
ขาสั้นแบบนี้ เตะอีกสิบชาติก็ไม่มีวันชนะใครได้
เพราะต่างชาติเขาวิ่งก้าวเดียวเท่ากับเราวิ่งสามก้าว
ยืนด้วยกันตัวเท่ารักแร้เขา ไม่ต้องพูดเรื่องโหม่งลูกบอลเลยนะ

ดัง นั้น ถ้าจะสร้างนักกีฬา ต้องสร้างต้องฟูมฟักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก
อาจจะมีโรงเรียนสาธิตด้านกีฬาและสันทนาการสำหรับเด็กๆ
ที่ต้องการฝึกเป็นนักกีฬาโดยเฉพาะ
โดยหลักสูตรควรจะต้องแตกต่างจากโรงเรียนสายสามัญทั่วไป
และต้องทำให้คนที่คิดเข้ามาทำงานในสาขาอาชีพนี้มีความมั่นคงในอาชีพด้วย
เช่น มีเงินเดือนให้ และเมื่อเริ่มสูงวัย ก็พัฒนาพวกเขาไปเป็นครูฝึก
เป็นต้น

นอกจากนั้น ควรให้ทุกชุมชนมีสนามกีฬาสาธารณะให้มากๆ
เพื่อให้ประชาชนได้มีที่ออกกำลังกายและฝึกซ้อมเล่นกีฬา มีสนามฟุตบอล
สนามบาส สนามวอลเล่ย์ สระว่ายน้ำ มียิมให้คนไปตีแบด เทนนิส สคอช ฯลฯ
เมื่อคนมีทางเลือกในการเล่นกีฬาที่ชอบ สุขภาพก็จะดี
ไม่ต้องไปทุ่มงบประมาณกับค่ารักษาพยาบาลกันมากมาย

4. และสำคัญที่สุด ของที่สุด ของที่สุด ก็คือ
การเมืองใหม่ ต้องพัฒนาเรื่องการศึกษา โดยด่วนที่สุด เพราะเวลานี้
ต้องบอกว่า กำลังเป็นวิกฤตอย่างยิ่งของชาติ

เด็กๆ กำลังถูกยัดเยียดให้เรียนสิ่งที่เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้เลยในชีวิต
ในขณะที่สิ่งที่เด็กๆ ควรจะต้องรู้ และต้องใช้ในชีวิตจริง
กลับไม่ได้เรียน

เด็กๆ ที่มีความชอบต่างกัน ทำไมต้องเรียนแบบเดียวกันด้วย ทำไมไม่มี
โรงเรียนสาธิตเกษตร ที่สอนเรื่องเกษตรจริงๆ ให้เขา
มีโรงเรียนสาธิตวิทยาศาสตร์ สำหรับเด็กๆ ที่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์
ในอนาคต มีโรงเรียนสาธิตดนตรี สำหรับเด็กๆ ที่อยากเป็นนักดนตรี
มีโรงเรียนสาธิตศิลปกรรม สำหรับเด็กๆ ที่อยากเป็นนักทำงานศิลปะ
มีโรงเรียนสาธิตโภชนาการสำหรับเด็กที่ต้องการเป็นเชฟกระทะเหล็กในวันข้าง
หน้า

เด็กๆ ในแต่ละภูมิภาค ควรจะมีสิทธิที่จะเรียนภาษาถิ่นของเขา
มีสิทธิที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเขา
ประวัติศาสตร์ของเมืองที่เขาอยู่
รู้จักภูมิศาสตร์ของเมืองและภูมิภาคของเขา

และ การศึกษาไม่จำเป็นต้องจบในรั้วของโรงเรียน
เราทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
การเมืองใหม่ควรสร้างโอกาสนี้ให้กับประชาชน

5. การเมืองใหม่ ควรวาง roadmap
สำหรับการดูแลประชากรกลุ่มใหญ่มหึมาของประเทศ ที่เราชอบเรียกกันเล่นๆ
เวลานี้ว่า กลุ่ม สว. หรือ ท่านผู้สูงวัย ซึ่งภายใน 20 ปี
จะเป็นพลเมืองกลุ่มใหญ่มากของประเทศ

การเมืองใหม่ จะต้องวางยุทธศาสตร์ว่าจะจัดหาสวัสดิการอย่างไรให้ท่านสว.
เหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขสมวัยและสมศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์ เพราะต้องไม่ลืมว่า
คนเหล่านี้คือคนที่ได้ทำงานเสียภาษีมาเลี้ยงดูประเทศนี้มาตลอดหลายสิบปีของ
เขา แต่เมื่อถึงวันที่เขาแก่ชรา
ประเทศนี้ก็ควรให้การดูแลพวกเขาด้วยความกตัญญู

6. การเมืองใหม่ ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งการเตรียมการรับมือกับสภาวะวิกฤตของสภาะแวดล้อมที่กำลังรุนแรงขึ้น
ทุกขณะ สิ่งเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการเตรียมการที่ใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี
มิใช่รอให้เกิดวิกฤตแล้วมานั่งแก้ปัญหา

เลิกพูดเสียทีว่ากรุงเทพจะ น้ำท่วม จมอยู่ในน้ำแล้วอยู่ไม่ได้
ต้องรีบย้ายเมืองหนี ทำไมไม่คิดเตรียมการป้องกันแก้ไข
แล้วจะปล่อยให้เมืองทั้งเมือง
สารพัดสาธารณูปโภคที่กระหน่ำสร้างกันเข้าไปจมน้ำไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ
ไหนจะประชาชนพลเมืองที่เขาไม่มีปัญญาจะหนีไปไหนอีกนับล้านๆ คนล่ะ
จะทิ้งให้เขาจมน้ำรอความตายอย่างนั้นหรือ

ขอฝากความคิดเหล่านี้ไว้เป็นส่วนหนึ่งของการบ้านสำหรับการเมืองใหม่ของเรา
teatime
++

ขอคิดเรื่องการเมืองใหม่ด้วยคน
การเมืองใหม่ จะเป้นได้ต้องสร้าง คนไทยพันธุ์ใหม่ ที่มี ใจ (จิตใต้สำนึก)ใหม่
ที่เกิดจาก การศึกษาใหม่ ไม่ใช่ การศึกษาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
การศึกษาใหม่ มุ่งเน้น สร้างใจใหม่
การ ศึกษาใหม่ เน้นเรียนแบบองค์รวม ทั้ง ทางโลกทางธรรม
เรียนน้อยเรียนสนุกเรียนให้ "ได้หลัก" ทั้ง การเรียนรู้ การพัฒนาใจ
การพัฒนากาย การคิด (ซึ่งรวมทั้งการบริหาร การแก้ปัญหา การดำเนินชีวิต
การทำงาน) ด้วยการเรียนวิธีเรียนและเรียนวิธีคิดแบบการศึกษาทางธรรม คือ
เน้นโยนิโสมนสิการหรือหมกมุ่นครุ่นคิดเชื่อมโยง แยกแยก
จนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้
เมื่อเรียนเป็นคิดเป็นจะรักรู้รักเรียนตลอดชีวิต
คนพันธุ์ใหม่จะมีใจที่เปี่ยมด้วยเคารพกฎกติกาของบ้านเมืองสามารถแยกแยะชั่ว
ดีถูกผิดซื่อสัตย์มีสัจจะมีความรับผิดชอบหรือมีจริยธรรมไม่ทำในสิ่งที่ไม่
ควรทำมีคุณธรรมทำในสิ่งที่ควรทำมีความละอายใจ
หรือคิดดีตรงถูกต้องเป็นธรรมเป็นจริงมุ่งตอบแทนคุณแผ่นดิน จะเป็นคนเก่ง
ดี มีสุข เป็น พลังขับเคลื่อน ความรู้ที่รู้จริงรู้ แจ้ง
คนเหล่านี้จะขับเคลื่อนการเมือง เป็น การเมืองใหม่ ที่มี ธรรมาภิบาล
เศรษฐกิจพอเพียง รัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย ที่ใจ
จะอเปหิหรืออุเบกขากับนักการเมืองชั่วให้ไม่มีที่ยืนทางการเมือง
ถ้าสามารถจัดการศึกษาแบบดังกล่าวการเมืองใหม่จะมั่นคงยั่งยืนคู่ประเทศตลอด
ไปแน่นอน
ไพบูลย์/dr.bhiboons@yahoo.com

++
ดิฉันเห็นด้วยกับคุณรัฐคดี
การถือเอาผู้ที่ชุมชนในสนามกีฬาเป็นฉันทามติในการตั้งพรรคการเมืองดูจะไม่
เหมาะสม เพราะผู้ที่มิได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมแต่สนับสนุนการทำงานของASTV
ผู้จัดการ และการต่อสู้ของขบวนการทางสังคมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีเป็น
จำนวนมากและไม่เห็นด้วยกับการที่จะนำเอาขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนไปผูก
ติดกับการเมืองในสภา ดิฉันเห็นด้วยว่า
หากมีกลุ่มคนที่คิดว่าการเมืองในสภาเป็นความจำเป็น
กล่มคนเหล่านี้ต้องกล้าที่จะเดินออกไปจากการอยู่ในขบวนการของประชาชน
แถลงการณ์ให้ชัดเจนว่าจะไปตั้งพรรคของตนเอง
และต้องไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการอันบริสุทธิ์ของประชาชน
ส่วนการสนับสนุนเป็นเรื่องของความพึงพอใจ และการกระทำของพวกท่าน
การใช้มติเสียงส่วนใหญ่ เป็นเครื่องตัดสินแล้วอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย
เป็นสิ่งที่พวกเราเองเคยใช้เป็นเครื่องมือขับไล่รัฐบาลเสียงข้างมากมาถึง
2 รัฐบาลแล้วมิใช่หรือ อย่าให้ปรากฏการณ์นี้มาเกิดกับพรรคพันธมิตรเลย
มีคนเป็นจำนวนมากที่เขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการผูกโยงพรรคใหม่กับขบวนการ
เคลื่อนไหวัอันบริสุทธิ์ของประชาชน แต่เขาไม่อยากออกมาแสดงตน
เพราะเขาแสดงแค่ความเห็น พวกจิตแคบทั้งหลายก็เรียกเขาว่า ควาย
พันธมิตรเทียม พวกแดงแฝงมา ดิฉันเห็นด้วยกับคุณยุค ท่านอานันท์
และนักวิชาการอีกหลายคนว่า พันธมิตรต้องใจกว้าง
ยอมรับฟังความเห็นต่างให้มากกว่านี้
หาไม่พันธมิตรจะได้บทเรียนอันเจ็บปวดแบบนายทักษิณ หรือ พรรคพลังธรรม
สมพิศ
อ่านซะ
คห.ดีๆช่วยกันโหวตหน่อย
++ ถ้าพรรคของ พธม.ได้เข้าไปมีอำนาจที่จะจัดให้มีการเมืองใหม่
ผมอยากให้หาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่กำหนดยุทธศาสตร์ของชาติ
กำหนดความต้องการพื้นฐานของชาติ ซึ่งมีไม่กี่หมวด
นอกนั้นกำหนดโดยกฏหมายเฉพาะ ดังนั้นการเมืองใหม่จึงไม่ควรมี พรรคการเมือง
แต่ควรสนับสนุนการเมืองภาคพลเมืองให้เข้มแข็งทุกระดับไว้ควรคุมฝ่ายบริหาร
ทุกระดับตั้งแต่ อบต. จนถึงระดับ ครม.
เพื่อการนี้ผมใคร่ขอร้องให้คุณสนธิร่วมมือกับคุณสมคิดแห่งเครือข่ายต่อต้าน
คอรัปชั่น อยู่จัดยามเฝ้าแผ่นดินคอยตรวจสอบความไม่ถูกต้องในทุกระดับแล้วยามจะได้ร้อง
ดังๆให้ประชาชนได้รู้ดีกว่า
เพราะงานนี้ไม่มีใครทำได้ดีเท่าคุณสนธิและคุณสมคิด
ส่วนงานพรรคถ้าจะมีให้คนอื่นที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ
ไปทำแล้วสนับสนุนจะสวยกว่าครับ
sripechra

++

new politic is that THE SOCIAL (thai people's interest ) MUST BE
TREATED FIRST AND FOREMOST .
Politic , Economic are the second and third choice !!!???
But 80 % IMPOSSIBLE IN THAILAND
"?" connection ,,,,,,
++
อาจารย์พูดถูกอย่างยิ่งเรื่องชาวบ้านรับเงิน
บ้านดิฉันอยู่ตจว.ห่างกทม.แค่ร้อยโลนิดๆ
แค่เลือกอบต.ผู้สมัครก็แย่งกันจ่ายเงิน ให้เสียงละพันบาท ไม่น่าเชื่อ
แค่อบต.นะนี่ยังจ่ายกันขนาดนี้ ถามป้าๆ น้าๆ ว่าทำไมรับเงินเค้าล่ะ
เค้าบอกเงินมันหายากนะ เค้าเอามาให้ถึงที่ทำไปจะไม่เอา เท่าที่คุย
โดยทั่วไปจะไม่คิดยาวๆ และที่สำคัญ ส่วนใหญ่ยังบอกทักษิณดีที่สุด
อย่าไปพูดเรื่องพธม.และปชป.มีเคืองกันอีก
พธม.หน้าจอด้วยคน
++
Knowledge of his own conditions but not the conditions of the enemy
has an even chance of winning and losing a battle. He who has neither
a thorough knowledge of his own conditions nor of the enemy is sure
to lose every battle.
Sun Tzu
++
สนใจเรื่องการศึกษา ผมอยากให้
๑ อย่าสอนแต่ภาษาต่างประเทศ แต่ให้สอนภาษาคนด้วย สอนให้มาก
รู้ภาษาคนแล้วสอนภาษาธรรมตาม
๒ สอนวิชาช่างขั้นพื้นฐานให้เด็กมากหน่อย เห็นหลายคนแล้วจบปริญญาตรี
ท่อนำรั่ว ไฟช็อต ซ่อมไม่เป็น
๓ เดินขึ้นลงเรือ ขึ้นสะพานลอยยังเดินชนกัน เพราะเราไม่สอนกัน
(ขับรถชิดซ้าย คนเดินชิดขวา รักษาชีวิต) ไฟไหม้ หนีขึ้นบนดาดฟ้า
(แทนที่จะหนีลงล่างทางหนีไฟ) ข้อนี้สำคัญที่อารยประเทศเขาเน้น
รักษาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ และจะสร้างได้ เน้นความปลอดภัย และวินัยชุมชน
ขอฝากแค่นี้ก่อนครับ
chuchatbook@gmail.com
++
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับกับการจัดการศึกษาของเราข้างต้นนี้โดยให้ท้องถิ่นมี
ส่วนเพิ่มเติมตามลักษณะประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น
น่าจะต้องผ่าตัดโครงสร้างและบทบาทของกระทรวงศึกษาด้วย
กระทรวงใหญ่เกินไปรวมศูนย์จนอุ้ยอ้ายเกินไปหรือไม่
ท้องถิ่นจะต้องมีบทบาทและได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้
บุญเลิศ ลาดพร้าว
+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น