++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บทสะท้อนสื่อไทยต่อกรณีน้องเคอิโงะ และน้องแพรว/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน 27 พฤษภาคม 2552 06:21 น.
ถึงนาทีนี้ไม่ น่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก ด.ช.เคอิโงะ ซาโต อายุ 9
ขวบ ลูกครึ่งชาวไทย-ญี่ปุ่น แห่งเมืองพิจิตร ที่ตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น
เพราะได้เป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วแทบทุกสื่อของบ้านเรา
และลามไปถึงญี่ปุ่นอีกต่างหาก
ยังดีที่สื่อญี่ปุ่นเองก็สงวนท่าทีไม่เล่นข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่
เพราะเห็นว่าข่าวชิ้นนี้เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล
และคนเป็นพ่อของน้องเคอิโงะ ก็ไม่ต้องการเป็นข่าวด้วย

จริงอยู่ทุกคนก็ดีใจที่ได้เห็นน้องเคอิโงะมีความมุ่งมั่นเพื่อต้อง
การตามหาพ่อของตนเอง น่าชื่นชมและดีใจด้วย
และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เพราะสื่อที่เป็นตัวกลางทำให้น้องได้พบที่อยู่ของพ่อ
จนได้ต่อสายโทรศัพท์คุยกัน ถ้าไม่มีสื่อก็คงยากยิ่งนัก

แต่ประเด็นการนำเสนอข่าวของน้องเคอิโงะต่างหากที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
จากที่แค่ช่วยลุ้น ก็ชักรู้สึกว่ามากไป น้องเริ่มน่าสงสาร
เพราะต้องวิ่งรอกให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่รุมกันขุดคุ้ยชีวิต
อย่างละเอียด ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน้องเองก็น่ารักไม่น้อย
มีความสดใสเป็นธรรมชาติ พูดจาได้ดี เป็นเด็กฉลาด
แต่จากที่น่าสนใจก็เริ่มกลายเป็นถูกยัดเยียดมากไป จนชักเอียน
และพาลคิดไปว่าน้องกลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไปแล้วหรือ

ตอนที่น้องเคอิโงะต้องมากรุงเทพ แล้วก็วิ่งรอกออกรายการทีวี
และมีการแถลงข่าวหลังจากได้พูดคุยกับพ่อ
รวมถึงกรณีที่น้องต้องไปวิ่งแก้บนจนกระทั่งเป็นลมล้มพับ เพราะเหนื่อยหอบ
ก็ต้องวิ่งท่ามกลางก็ผู้สื่อข่าวอีกต่างหาก

ดิฉันพูดเล่นๆ กับคนข้างตัวว่า "พี่ คอยดูนะ
เดี๋ยวต้องมีใครมาเอาชีวิตของน้องเคอิโงะไปทำเป็นหนังหรือเขียนหนังสือกัน
บ้างล่ะ แล้วก็ต้องมีคนตามหาพ่อชาติอื่นๆ กันอีกตรึม"

แล้วไม่นานก็เป็นจริง
ซ้ำยังมีผู้ประกอบการบางรายเตรียมจะชวนไปโฆษณาสินค้าอีก

ไม่ค่ะ...ดิฉันไม่ได้เดาเก่งหรอกค่ะ
แต่แทบจะเป็นสูตรสำเร็จของบุคคลที่สื่อช่วยกันดันจนกลายเป็นคนในกระแสติด
ตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

เป็นการสะท้อนสังคมไทย....!!

พลันดิฉันตัดฉับมานึกถึงภาพของข่าวอีกชิ้นหนึ่ง
ที่ดิฉันหนีบเอาข่าวชิ้นนี้ไปพูดในทุกที่ที่มีโอกาสจะสามารถพูดถึงสาวน้อยคน
นี้ได้

"เด็ก หญิงวัย 12 ปี น้ำใจงาม เก็บเงิน 1.4 แสนบาท คืนเจ้าของ
เผยหลังเจอเงินถูกวินมอเตอร์ไซค์ฉก พร้อมยื่นให้ 6
หมื่นค่าปิดปากแต่บอกปัด ก่อนโทรแจ้งตำรวจตามคืน
เจ้าของเงินสุดปลื้มตบรางวัล 5 พัน ตายายเผยชีวิตหลานสุดรันทด
แม่ทิ้งตั้งแต่ลืมตาดูโลก ซ้ำไม่เคยเหลียวแล"

ด.ญ.สุพรรณิการ์ ทองสา หรือน้องแพรว คือเด็กหญิงวัย 12 ปี
น้ำใจงามคนนั้น เธอเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนคลองกุ่ม
เขตบึงกุ่ม กทม. เธอพักอาศัยอยู่ที่แฟลต 31 หมู่บ้านเอื้ออาทร
กับบิดามารดาและน้องอีก 3 คน โดยมารดามีอาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็ก
ส่วนบิดามีอาชีพขับรถให้เจ้านาย

น้องแพรว เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พฤษภาคม
เดินออกไปซื้อก๋วยจั๊บ ขากลับระหว่างเดินผ่านหน้าแฟลต 25
พบเงินตกอยู่ที่พื้นถนนในลักษณะมัดไว้ จึงหยิบขึ้นมาดูก็พบเงินจำนวนมาก
และขณะนั้นมีคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเดินเข้ามาถามว่า "มีอะไร"
จึงบอกไปว่า พบเงินจำนวนดังกล่าว จากนั้นได้หยิบเงินแล้วบอกว่า
"จะแบ่งให้คนละครึ่ง" พร้อมทั้งส่งเงินให้ 6 หมื่นบาท แต่ บอกไปว่าไม่เอา
เพราะไม่ใช่เงินของตน
หลังจากนั้นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าวได้นำเงินทั้งหมดไป
ตนจึงเดินกลับเข้าบ้านแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ฟัง
แล้วแม่บอกว่า "ดีแล้ว เพราะไม่ใช่เงินของเรา"

หลังจากนั้นแม่ของน้องแพรวได้โทรศัพท์ไปบอกตำรวจ
จนกระทั่งตำรวจสามารถตามคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เอาเงินไปจนเจอและ
สามารถเอาเงินคืนมาได้ทั้งหมด

"ที่ หนูไม่เอา เพราะแม่สอนไว้ว่าให้ซื่อสัตย์
อย่าเอาของของคนอื่น
และก่อนหน้านี้ตำรวจเพิ่งมาอบรมคนในหมู่บ้านเรื่องยาเสพติด
หนูจำได้ว่าตำรวจที่มาอบรมสอนเอาไว้ว่า ไม่ให้เอาของของคนอื่น
หนูจึงตัดสินใจไม่เอาแล้วนำมาคืนเจ้าของ"
คำกล่าวของน้องแพรวด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ

และเจ้าของเงินคือ น.ส.ศิริพร มหาโคตร อายุ 25 ปี
เจ้าของเงินที่พักอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทรเช่นกัน
เธอเตรียมเอาเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้หนี้ที่ยืมพี่สาวมา
จึงนำเงินใส่กระเป๋าสะพายไว้แล้วเดินอ้อมไปเปิดกระโปรงท้ายรถเพื่อหยิบ
รองเท้า คาดว่าเงินน่าจะหล่นช่วงนั้น เนื่องจากซิปกระเป๋าสะพายแตก
แต่ไม่รู้ตัว

"ฉัน คิดว่าเงินที่หายไปคงไม่ได้คืนแน่
แต่เมื่อน้องแพรวเก็บได้แล้วนำมาคืน ฉันดีใจมาก และดีใจที่ยังมีคนดี
มีเด็กดีอย่างน้องแพรวอยู่ในสังคม ฉันจะไม่มีวันลืมน้องแพรวเลย"

จากนั้นน.ส.ศิริพร
ก็ได้มอบเงินรางวัลเป็นสินน้ำใจให้น้องแพรวเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท
พร้อมกับเกียรติบัตร

ดิฉันอ่านข่าวนี้ด้วยความรู้สึกดีมากๆ
และพยายามค้นหาว่าน้องแพรวเป็นใครมาจากไหน เป็นเด็กดีจริงๆ
แต่ต้องใช้เวลาอ่านอยู่หลายฉบับถึงจะได้นำมาปะติดปะต่อกัน
เพราะบางฉบับก็เขียนไม่เหมือนกัน ก็เลยไม่มั่นใจในข้อมูลว่า
ผู้ที่เป็นแม่ของน้องแพรวชื่อ นางสมรักษ์ นาคโสภณ อายุ 40 ปี
แล้วแท้จริงเป็นยาย
แต่แม่ของเด็กที่แท้จริงได้ทิ้งน้องแพรวไว้หลังจากที่ท้องและผิดพลาดเมื่อ
ครั้งเป็นวัยรุ่น และคุณยายก็เลี้ยงดูมาตลอดเหมือนลูกแท้ๆ
และให้เรียกตากับยายว่าพ่อแม่ และตลอดเวลาที่เลี้ยงดูน้องแพรวมา
ก็พยายามสอนให้เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่ให้เอาของของคนอื่น
ไม่ให้ลักเล็กขโมยน้อยหรือหยิบฉวยของใคร ส่วนฐานะทางบ้านก็ปานกลาง
พอมีกินมีใช้ ไม่มีหนี้สิน และถึงแม้ฐานะทางบ้านจะไม่ร่ำรวย
แต่ไม่เคยคดโกงทำเรื่องทุจริต ที่ผ่านมาทำแต่เรื่องดี
ประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด

"ฉันดีใจและภูมิใจในตัวน้องแพรวที่เป็นเด็กดีมาก"
คำกล่าวของแม่ที่ดีใจเป็นที่สุด

ดิฉันก็ได้ข้อมูลเพียงเท่านี้ ก็เลยได้แต่แอบคิดจินตนาการไปว่า
ถ้ากรณีของน้องแพรวได้ถูกสื่อทุกสำนักนำไปเจาะลึกขุดคุ้ยเหมือนกรณีของน้อง
เคอิโงะบ้างคงจะดีไม่น้อย

อะไรทำให้น้องแพรวมีจิตใจดี

น้องแพรวได้รับการเลี้ยงดูอย่างไร มีสภาพแวดล้อมอย่างไร

เคล็ดลับสอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์

หรือแม้กระทั่ง ชีวิตทุกวันนี้ของน้องแพรวเป็นอย่างไรบ้าง

องค์ประกอบของการหล่อหลอมให้น้องแพรวเป็นแบบนี้มีอะไรบ้าง

เด็กและเยาวชนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างได้อย่างไร

คงจะดีไม่น้อยใช่ไหมคะ...ถ้าเราจะให้คุณค่ากับเด็กดี
ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
ท่ามกลางสภาพปัญหาที่เต็มไปด้วยสังคมคอรัปชั่น
และความทุจริตที่มีให้เห็นอยู่ทุกวี่วัน

กรณีของน้องแพรว เด็กเป็นตัวอย่างที่สอนอะไรผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้เยอะเลยค่ะ

เราอยากให้สังคมมีตัวอย่างที่ดีอย่างไร สื่อช่วยได้ค่ะ....!!!


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059052

นี่แค่บรรดาลูกที่ญี่ปุ่นไข่ทิ้งไว้ พวกลูกฝรั่ง ลูกจีน
ลูกแขกอีกเท่าไหร่......ที่สำคัญพวกลูกไทยไม่มีพ่อ
ลูกไทยที่ถูกแม่วัยรุ่นใจแตกทิ้ง มีเป็นแสนๆคน
ไอ้ที่สะเหร่อแป๊ะที่สุดก็ไอ้พวกสื่อและนักการเมืองที่อยากดัง
หาผลประโยชน์จากเด็กอย่างอย่างเสธ.หนั่นเป็นต้น
เดี๋ยวพอหายดังก็กลายเป็นหมา
เอ๋ง
+++
เรื่องเด็กที่ตามหาพ่อก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็ก
ดิฉันก็เสี้ยงลูกมาตามลำพังกว่า10ปีแต่ก็ให้ความรักลูกเต็มที่ ก็ดีใจกับ
น้องเคอิโงะ ด้วยเค้าน่ารักดี ส่วนน้องแพรวก็น่าชื่นชอบคุณตาคุณยาย
ที่เสี้ยงหลานให้เป็นเด็กดี ดิฉันคิดว่าถ้าเราเข้าใจเด็กๆ
เด็กก็จะไว้ใจเรา ส้งคมไทยจะดีได้ถ้าผ้ใหญ่ให้ความสำคัญและสนใจบุตร-หลาน
ทำให้เค้าเกิดแล้วก็ควรดูแลเค้าให้ดีที่สุด...สุดท้ายยามแกเท่าพวกเค้าจะได้
ดูแลเราบ้าง...คิดเช่นนี้จะได้สบายใจ
wiworking@hotmail.com
+++
สื่อไหนจะเชิญน้องคนซื่อสัตย์มาออกรายการ หรือ สร้างสีสรรค์จากความดีนี้ได้มั้ยหนอ
ขอเสนอ หาเศรษฐีใจบุญรับอุปการะค่าเรียนค่าอยู่
แล้วสื่อก็โหมข่าวความดีทำเดี๋ยวนี้ได้เดี๋ยวนี้ดีมั้ย
ว่าแต่คนไทยที่รวยใจดี จะชอบช่วยสร้างคนมีมั้ย หรือมีแต่สร้างวัตถุ
ผ่านมา
++
น้องอายุยังน้อย...ต้วยความที่ทีความคิดที่บริสุทธิประสาเด็กที่ต้องการพบ
พ่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก...แต่สงสารที่ตกเป็นทาสของผู้ค้า(ผู้ที่หาโอกาสเพื่อ
ประโยชน์ทางใดทางหนึ่ง)ทั้งหลายแหล่) การให้โอกาสเป็นเรื่องดี
แต่หากแนะนำมุ่งหวังให้สำเร็จนั้น มันไม่แน่นอนเสมอไป
การที่ทำให้ความหวังเขามากมาย อาจจะเขาเสียใจมากที่สุดก็เป็นไปได้
หากว่าไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะมีตัวแปรมากมาย ในโลกใบนี้
ที่คิดไม่ถึงหากผิดหวัง ซึ่งทำให้น้องเสียใจมาก
หรือมากว่านั้นมีผลต่อจิดใจเด็กอย่างไร.... ไครรับผิดชอบ มีก็แค่เงียบ
ไอ้พวกเชียร์มีแต่คิดแค่ในใจว่า "กูผิดแล้ว"
ไม่เคยออกมายอมรับอไรหรอก...เชื่อซิ!!!
ZoZ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น