++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แสวงหาอย่างมีขอบเขต

ความทะเยอทะยานนั้น จะต้องมีขอบเขต
ธรรมชาติของสังคมมนุษย์เรา ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสวงหาอำนาจ
ความมีลาภเสื่อมลาภ ความมียศเสื่อมยศ มี สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา
แต่การที่เราจะแสวงหา เราจะแสวงหาอย่างไร ในฐานะที่เราเป็นนักปฏิบัติ
เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า พระองค์ให้เรามั่นคงในศีล 5 ข้อ ความโลภ
ความโกรธ ความหลง
ที่มีอยู่นั้นเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนความรู้สึกของเราให้มีความทะเยอทะยานใน
ความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น แต่ความทะเยอทะยานนั้น
จะต้องมีขอบเขต ซึ่งขอบเขตคือศีล 5 ข้อ
ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้นตามกฎธรรมชาติ

ในกายของเรามีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นผู้บงการกายทำทุกสิ่งทุกอย่าง

เราควรสังวรระวัง ควรงดเว้น ควรระวังรักษา ไม่ละเมิดในศีล 5 ข้อ
เท่านี้เราก็ไม่บาป ไม่มีกรรม ซึ่งบาปกับกรรมเกิดจากการทำบาปทำกรรมต่างๆ
เพราะคนเรามีกายกับใจ ในกายของเรามีใจเป็นใหญ่
ใจเป็นผู้บงการกายทำทุกสิ่งทุกอย่าง ในเมื่อใจเป็นผู้บงการแล้ว
กายทำอะไรลงไป พูดอะไรออกไป ใจเขาจะเก็บเอาไว้โดยอัตโนมัติ
เขาจะเก็บผลงานของเขาบันทึกเอาไว้ เป็นบาปเป็นกรรม ซึ่งใครเป็นผู้สร้าง
ใครเป็นผู้แต่งนั้นไม่มี แต่เป็นสิทธิหน้าที่ของแต่ละบุคคลสร้างขึ้นมาเอง
เช่น เราไปฆ่าใครสักคนหนึ่ง แต่เราไม่ต้องการผลงาน มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายมันก็จะต้องวิ่งเข้ามา เป็นผลงานที่เก็บเอาไว้ภายในใจ

แหล่งที่มา: ฐานิโยนุสรณ์ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ
พระราชสังวรญาณ(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น