++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กล้าๆ หน่อยท่านนายกฯ

โดย พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์


ผมเคยได้รับเชิญไปออกรายการที่สถานีโทรทัศน์ ASTV ภายหลังจากท่านนายกฯ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับกลุ่มของนายเนวิน
ชิดชอบ เมื่อ 17 ธ.ค. 51 ประมาณ 1 สัปดาห์ร่วมกับนายทหารอีกท่านหนึ่ง
เป็นการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของอดีตทหารแก่เกี่ยวกับรัฐบาลที่ตั้งขึ้นว่า
เราทั้งสองคนมีความคิดเห็นอย่างไร และเราคิดว่า รัฐบาลจะไปรอดหรือไม่
ซึ่งผมได้ตอบพิธีกรในวันนั้นว่า โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้ว
ผมค่อนข้างจะชื่นชอบท่านนายกฯ คนนี้ ชอบในความรู้ความสามารถ
ชอบผลงานในอดีตที่ผ่านมาที่ไม่ปรากฏความด่างพร้อยใดๆ
แถมมีแนวคิดของนักการเมืองรุ่นใหม่อยู่มาก
ผิดไปจากนักกินเมืองนักโกงเมืองเขี้ยวลากดินทั้งหลาย
ผมขอเอาใจช่วยและขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศฝ่าวิกฤตไป
ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าท่านโชคไม่ดีที่ได้เป็นนายกฯ
ในจังหวะเวลาและสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมเอามากๆ
ฉะนั้นผมจึงคิดว่ารัฐบาลไม่มีทางอยู่ครบเทอม อย่างดีก็แค่ 3 เดือน
อย่างมากไม่เกิน 6 เดือน ท่านผู้อ่านคงอยากทราบผมวิเคราะห์จากพื้นฐานอะไร
ไม่สุ่มเสี่ยงไปหน่อยหรือ ผมเรียนว่าผมคิดดังนั้นจริงๆ ไม่ได้เดาเอา
เอาตามเหตุผลและข้อมูลที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
ประกอบกับมีข้อมูลบางอย่างที่เผอิญไปทราบมา เพราะมีน้องๆ
ที่เป็นพวกทหารข่าวมาเล่าให้ฟัง เมื่อครอสเช็กแล้ว
ถ้าเป็นภาษาการข่าวกรองเขาเรียกว่าเป็นข่าวประเภท ฉ 1.
คือเป็นข่าวที่เชื่อถือได้ ซึ่งในเวลานั้นต้องถือว่ายังไม่สมควรเปิดเผย
ที่ผมว่าท่านนายกฯ ท่านโชคไม่ดีนั้น ผมมิได้หมายถึงท่านนายกฯ อภิสิทธิ์
เพียงท่านดียวผมหมายถึงทุกคนที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ ในเวลานั้น
เพราะการเมืองบ้านเรากำลังร้อนระอุยังไม่อาจคาดเดาว่าจะบานปลายเป็นสงคราม
กลางเมืองหรือไม่ ประชาชนมีการแตกแยกทางความคิดเป็น 2
ฝ่ายเป็นพวกเสื้อเหลืองและเสื้อแดง
มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันสูงสุดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย
ทำกันเป็นขบวนการทั้งภายในและภายนอกประเทศสอดประสานกัน

ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์ปัญหาจากภายนอกประเทศ
ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาด้านการเงินการธนาคาร สถาบันการเงินใหญ่ๆ
ของโลกพากันล้มละลายหรือมีผลประกอบการขาดทุน
บริษัทอุตสาหกรรมไม่ว่าใหญ่หรือเล็กพากันขาดทุนจนต้องลดกำลังการผลิต
ต้องเลิกกิจการหรือควบรวมกิจการเป็นเหมือนกันหมดทั่วโลก
มีการปลดหรือเลิกจ้างพนักงานและแรงงานตามมา
ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนี้ไปเต็มๆ เพราะรายได้หลักของประเทศ 70%
มาจากภาคการส่งออกออก เมื่อการส่งออกลดลงก็มีการลดกำลังการผลิต
การปลดพนักงาน และแรงงานเหมือนกับในต่างประเทศ
นอกจากนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้รองให้กับประเทศ
ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
นักท่องเที่ยวพากันระงับหรือยกเลิกการเดินทางเพราะหวั่นเกรงความปลอดภัยจาก
ปัญหาการเมืองภายในของไทยในเวลานั้น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาความยากจน
ปัญหาปากท้อง นับเป็นปัญหาที่ท้าทายความสามารถของท่านนายกฯ
อภิสิทธิ์และทีมงานด้านเศรษฐกิจของท่าน
เพราะในสายตาของฝ่ายตรงข้ามและพรรคฝ่ายค้านเขาปรามาสว่าท่านเป็นมือใหม่หัด
ขับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับกลุ่มพ่อค้าประชาชนที่เขาได้รับผลกระทบเต็มๆ
ที่กำลังรอดูฝีมือในการแก้ปัญหา และรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

เราลองกลับมาดูปัญหาภายในประเทศซึ่งร้อนแรงยิ่งกว่า
เพราะจะมีปัจจัยและเงื่อนไขที่จะทำให้รัฐบาลอยู่หรือไปได้ง่ายกว่า
คือปัญหาการเมืองภายประเทศที่คนไทยมีแนวความคิดแตกแยกเป็นสองฝ่ายอย่างอย่าง
ชัดเจน ฝ่ายเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายไม่เอาทักษิณและไม่ยอมรับรัฐบาลที่เป็นตัวแทนหรือ
ร่างทรง กับคนเสื้อแดงที่สนับสนุนให้ทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
เป็นพวกไม่ยอมรับ คมช.และระบอบอำมาตยาธิปไตย
ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ก่อให้เกิดวิกฤตในบ้านเมืองมาตลอด
และเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านกับอดีตนายกฯ
ทักษิณก็สนับสนุนให้คนเสื้อแดงออกมาขับไล่ในทันที
ซึ่งในเวลานั้นยังมองไม่ออกแต่เดาว่าต้องรุนแรงแน่

นอกจากนั้นยังมีปัญหาข้อกฎหมายให้พิจารณา คือ
หลังจากมีการประกาศยุบพรรคการเมืองรวม 3 พรรคแล้ว ได้มี
ส.ส.พรรคพลังประชาชนกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของนายเนวิน
ชิดชอบได้ย้ายมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
ได้มีส.ส.พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้ร้องเรียน
กกต.เกี่ยวกับคุณสมบัติของ
ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ย้ายไปสังกัดพรรคที่เพิ่งจดทะเบียนใหม่และยังไม่เคยส่งสมา
ชิคพรรคลงเลือกตั้งเลย
กกต.ก็ยังไม่มีประกาศรับรองพรรคจะมีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ นอกจากนั้น
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเมื่อพรรคถูกยุบแล้วจะมีสิทธิย้ายไปอยู่พรรคใหม่ได้หรือ
ไม่ ซึ่งเป็นเรื่องในแง่กฎหมาย หาก
กกต.ชี้ว่าไม่ถูกต้องการออกเสียงตั้งรัฐบาลก็เป็นโมฆะนอกจากนี้ยังมีปัญหา
การก่อการร้ายใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ
และยังคงมีความรุนแรงมาตลอด

เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ว่ารัฐบาลผสมที่ประกอบจากพรรคเล็กหลายๆ
พรรคมักจะไม่มีความมั่นคง
ขนาดในยามบ้านเมืองสงบเรียบร้อยดียังอยู่ไม่ได้นาน
เพราะการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยมักจะจัดสรรตามจำนวน
ส.ส.ในพรรค อาวุโสในพรรคเป็นเรื่องมาก่อนความรู้ความสามารถ
ความเหมาะสมจะอยู่กระทรวงไหนไม่ต้องพูดถึง
ยิ่งมีเงินให้พรรคมากก็ซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีได้เลยถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะสม
เป็นอันดับหนึ่ง เป็นมาอย่างนี้จริงๆ ไม่ได้โกหกและไม่ได้โม้
นโบบายของพรรคจะไปทางเดียวกันหรือสวนทางกันไม่ใช่เรื่องสำคัญผลประโยชน์
สำคัญกว่า

แล้วในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤตแบบนี้ผมจึงไม่มั่นใจว่า ท่านนายกฯ
จะเอาอยู่เพราะพอประกาศรายชื่อรัฐมนตรี
แม้แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์เองแท้ๆ ก็ออกอาการที่จะไม่ร่วมสังฆกรรมแล้ว
ร้อนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ต้องลงมาไกล่เกลี่ย
แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่ากลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ
ที่แยกตัวมาจากพรรคเพื่อไทยเดิม
ส.ส.กลุ่มนี้เคยมีความใกล้ชิดและจงรักภักดีต่ออดีตนายกฯ
ทักษิณมาก่อนเป็นเวลานาน
ถึงกับบางคนเคยกล่าวว่าสำหรับนายแล้วผมยอมตายแทนได้ และสำหรับนายเนวิน
ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มนั้นเราต้องรับว่าเป็นคนฉลาด เป็นคนที่มองการณ์ไกล
ปฏิภาณไหวพริบดี เป็นนักการเมืองรอบจัดและตีบทแตกทุกบท

การแยกตัวมาจากพรรคเดิมดูจะเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม
และกับเหตุผลที่ออกมาเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าไม่สามารถทนเห็นสภาพ นายสมัคร
สุนทรเวช ถูกหักหลังในการโหวตกลับไปเป็นนายกฯ ครั้งที่สองได้
แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนเชื่อถือเท่าไหร่หลายคนวิจารณ์ว่าน่าจะทำเพื่อผล
ประโยชน์ของตนเองและพรรคพวกมากกว่า ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วย เพราะนายเนวิน
ทราบดีว่าหลังจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนถูกยุบแล้ว
คนมือดีของพรรคต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปเป็นจำนวนมาก
แค่คัดเลือกตัวแทนไปแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อให้สภาผู้แทนเลือกแป็นนายกฯ
ยังหาไม่ได้ต้องไปเอาคนจากพรรคอื่นมาเชิด
และถึงแม้จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องตกอยู่ภายใต้การบงการของอดีตนายกฯ
ทักษิณให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญ ให้นิรโทษกรรมทางการเมืองแก่คนบ้านเลขที่
111และ 109 ต้องยกเลิกองค์กรอิสระที่จัดตั้งโดย คมช.เพื่อให้ทักษิณ
พ้นผิดและได้เงินคืน
ซึ่งจะต้องถูกต่อต้านอย่างหนักโดยนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ประชาชน
และคนเสื้อเหลืองชนิดไม่มีเวลาหายใจสบายๆ
อย่าว่าแต่จะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศเลยแค่จะรักษาพรรคให้คงอยู่ต่อไปก็ยัง
ไม่ได้

ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์เคลื่อนไหวของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่นำ
โดยนายเนวิน เจ๊หน่อยและ ส.ส.ในคณะกับบรรดานายทหารใหญ่บางคน อดีต ผบ.ทบ.
อดีตรมว.กระทรวงการคลัง และนักวิชาการบางคน
เป็นการรวมกลุ่มทางการเมืองแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน
คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกับที่กลุ่ม พธม.บุกยึดทำเนียบรัฐบาล
คนกลุ่มนี้เกลียดคนเสื้อเหลือง และไม่เอาคนเสื้อแดง
จึงมีคำตอบว่าทำไมในช่วงที่เกิดวิกฤตในบ้านเมืองระหว่างคนเสื้อเหลืองกับคน
เสื้อแดงปะทะกัน มีการจาบจ้วงล่วงระเมิดสถาบันสูงสุดอย่างชัดเจน
จนประชาชนเกรงว่าเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย
ทหารกับตำรวจจึงวางเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนเข้าเกียร์ว่าง
คำตอบคือทหารคิดช้า ทหารคิดรอบคอบ ทหารไม่อยากเตะหมูไปเข้าปากหมา
ไม่ทราบว่าเป็นการคิดแบบมีวาระแอบแฝงหรือไม่ (Hidden agenda) แต่ที่แน่ๆ
เขาคิดไปข้างหน้าและคิดถึงอนาคตตัวเองด้วย

เมื่อถึง 17 มิ.ย. 52 รัฐบาลท่าน นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็จะอยู่ครบ 6
เดือนซึ่งเกินความคาดหมายของผมที่วิเคราะห์ไว้ ยังมีเวลาอีกเดือนเศษ
ผมคิดว่ายังมีเรื่องสุ่มเสี่ยงหวาดเสียวรอท่านอยู่
เพราะเหตุการณ์ในเดือนเมษายนช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
เป็นช่วงที่มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงได้อย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่สุด
สามารถขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยาจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

และมีเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงพยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่พัทยา
และที่กระทรวงมหาดไทยแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
มีการระดมปิดกั้นการจราจรในจุดที่สำคัญๆ ของกรุงเทพฯ
มีการเผารถโดยสารประจำทางจนประชาชนพากันเดือดร้อนไปทั่ว
แต่ภาพฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลกลับไม่ได้แสดงปฏิกิริยาที่จะสามารถระงับเหตุ
ลงได้เลย ต่างฝ่ายต่างเข้าเกียร์ว่าง ไม่มีเอกภาพในการสั่งการบังคับบัญชา
ซ้ำร้ายยังมีทหารบางหน่วยนำรถยานยนต์หุ้มเกราะออกมาแล้วถูกคนเสื้อแดงยึดไป
ขับเล่นเสียหลายคันดูไม่จืดจริงๆ
ภาพเหล่านี้ที่ปรากฏในระยะแรกทำให้คนทั่วๆ ไปคิดว่าเห็นทีท่านนายกฯ
จะไปไม่รอด เห็นทีบ้านเมืองจะรุกเป็นไฟเพราะสงครามกลางเมือง
ถ้าเป็นมวยก็ต้องบอกว่า ท่านนายกฯ กำลังจะถูกน๊อก
ก็ไม่ทราบว่าเก่งหรือเฮงหรือมีพี่เลี้ยงแก้ทางมวยดี
ปรากฏว่ารุ่งขึ้นวันที่ 14
เม.ย.สถานการณ์ฝ่ายรัฐบาลกลับกลายเป็นต่ออย่างผิดหูผิดตา
และสามารถปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมได้สำเร็จในที่สุด
ท่ามกลางผู้ดูที่ใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน

การยุติความรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพเรียบร้อย
การดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการปราบปราม
ได้สร้างภาพลักษณ์ของท่านนายกฯ
ให้เป็นฮีโร่ตัวตัวจริงในสายตาประชาชนและต่างประเทศ
และมีสิ่งที่ไม่เคยคาดหมายเกิดขึ้น มีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัดที่รับผลกระทบออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง
และให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
รัฐบาลคงจะต้องหันมาทบทวนบทเรียน 5 เดือนที่ผ่านมาอย่างละเอียดรอบคอบ
เหมือนที่ทหารเขาทบทวนบทเรียนหลังการรบ
ว่าเป็นเพราะเหตุใดเหตุการณ์ถึงบานปลายจนทำให้ชื่อเสียงของประเทศต้อง
ย่อยยับ ทำไมรัฐบาลถึงอ่อนด้อยไร้ประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ
จากต่างประเทศ และแม้แต่ตัวนายกฯ
และรัฐมนตรีบางคนเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอดต้องหนีตายแบบหมดรูป

ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่แอบชื่นชอบท่านนายกฯ
และอยากให้ท่านมีโอกาสอยู่แก้ปัญหาให้บ้านเมืองต่อไปอีกนานๆ
ผมใคร่ขออนุญาตที่จะยกคำสอนที่ครูการบินของกองทัพอากาศเคยให้ไว้กับบรรดานัก
บินว่า ท่าบินทุกท่าล้วนมีอันตรายถึงชีวิตได้
ถ้าทำท่าทางบินใดผิดพลาดแล้วมีโอกาสรอดชีวิตมาได้
ก็ขอให้จำไว้ว่าให้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิต
เพราะถ้าทำผิดซ้ำคราวหน้าก็อย่าหวังว่าจะมีโอกาสรอดกลับมาอีก

ท่านนายกฯ ครับ ถ้าท่านยอมให้ผิดพลาดซ้ำอีกท่านอาจไม่รอด
การต่อสู้ทางการเมืองของท่านยังไม่จบ
การต่อสู้เพียงเปลี่ยนรูปแบบจากการประท้วงตามท้องถนน
มาเป็นการต่อสู้ทั้งในและนอกสภา ฝ่ายตรงข้ามเขาเพลี่ยงพล้ำทางยุทธวิธี
แต่ขุมกำลังยังไม่ได้ถูกทำลายไป ความมุ่งหมายเขายังไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าท่านยังไม่เปลี่ยนแปลงทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีและตัวผู้รับผิดชอบที่
ชอบเข้าเกียร์ว่างและจ้องจะแทงข้างหลัง
พรรคประชาธิปัตย์จะต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเดิมและอาจจะเล็กลงกว่าเดิม
ก็ได้

อยากกราบเรียนท่านนายกฯ
ว่ามีคนไม่น้อยมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระยะหลังนี้
เป็นผลมาจากการวางแผนการเข้าสู่อำนาจของคนกลุ่มหนึ่งที่ร่วมรัฐบาลกับท่าน
พยายาม discredit ท่านให้สังคมทั้งภายในและภายนอกเห็นว่า ท่านอ่อนแอ
ด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการบังคับบัญชา
และไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศ ประเทศไทยไม่มีความปลอดภัย

การลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
ซึ่งเป็นผู้นำมวลชนและสื่อมวลชนในเวลาที่ประเทศประกาศภาวะฉุกเฉิน
เสมือนมีความจงใจเพื่อกระพือความรุนแรงในบ้านเมืองให้มีความแตกแยกมากขึ้น
ถ้ายอมรับในแนวคิดนี้ความชัดเจนในการเป็นรัฐบาลผสม
จะถูกกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด ไม่ว่าจะเกิดจากการขอให้ยุบสภา
ลาออก การแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ
และถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาโดยวิธีลากยาวเพื่อซื้อเวลา
เพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่างหรือความได้เปรียบทางการเมืองก็จะจบลงเหมือนกัน
หมด คือมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ท่านนายกฯ
ต้องยอมรับว่ากลุ่มของทักษิณและกลุ่มอำนาจใหม่
มีทรัพยากรทุกอย่างเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แม้คน 2
กลุ่มนี้จะแสดงตัวว่าเป็นคนละพวกกัน แต่เขามีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน
และพร้อมจะเปลี่ยนถ่ายกันได้
การออกมาแถลงข่าวของนายเนวินเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ
เป็นคนเนรคุณต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ท่านนายกฯ
เชื่อหรือว่าเป็นความจริงท่านต้องมองย้อนกลับยาวๆ และดูนานๆ สำหรับกลุ่ม
พธม.ซึ่งมีฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์เขาไม่เชื่อ
ยี่ห้อยร้อยยี่สิบ และเขาไม่ยอมรับมานานแล้ว

ท่านนายกฯ ครับผมว่าถึงเวลาหรือ timing
ที่ท่านจะต้องตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญของท่านแล้ว
ว่าท่านจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายตั้งรับ
ถ้ายอมรับในทฤษฎีว่าการลากยาวเพื่อซื้อเวลาท่านจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการ
เมือง ท่านต้องกล้าตัดสินใจในตอนนี้
เพราะประชาชนที่มีอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมือง
ประชาชนที่รักสันติและอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขได้ออกมาอยู่เคียงข้างท่าน
แล้ว ยิ่งเวลานานออกไปภาพของรัฐบาลที่ขาดเอกภาพ นายกฯ ที่ขาดความเด็ดขาด
ยอมให้พวกอำนาจใหม่แสดงความเหนือกว่าในหลายๆ เรื่อง
ประชาชนจะเบื่อท่านซึ่งเป็นเรื่องอันตรายสุดๆ
ท่านอย่ากลัวว่าจะมีทหารตำรวจออกมาปฏิวัติหรือยึดอำนาจ ไม่มีทางครับ
เพราะการทำเช่นนั้นไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆ
ออกมาประชาชนทั้งเหลืองและแดงจะไม่ยอมรับ

การทำปฏิวัติที่ไม่มีประชาชนหนุนหลังมีจุดจบอย่างเดียวคือความพ่าย
แพ้ และมีโทษถึงประหารชีวิตทหารยุคหลังๆ รู้เหตุผลข้อนี้ดี
ทหารที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเขาอยากได้ผู้นำกองทัพที่เก่งและเป็นคนดี
แต่ข้อเท็จจริงก็คือคนเหล่านั้นไม่มีสิทธิเลือกผู้นำของเขาเองรัฐบาล
และนักการเมืองผู้มีอำนาจต่างหากเป็นคนยัดเยียดให้
เมื่อได้ของไม่ดีเขาก็อยากเปลี่ยน
แล้วกับคำถามที่ว่าถ้ามีไอ้บ้ามันทำปฏิวัติยึดอำนาจล่ะนายกฯ
จะเป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า ถ้าท่านนายกฯ เป็นคนดี มีศีลธรรม
ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้คดโกงใคร ก็ไม่ต้องหนีไปต่างประเทศเหมือนอดีตนายกฯ
บางคน กลับไปเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านใหม่เคยเป็นมาตั้งนานหลายปียังทนมาได้
และคราวหน้าท่านจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม
เลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้เป็นนายกฯ ที่สง่างาม มีอำนาจเต็มที่
กล้าตัดสินใจ เป็นตัวของตัวเองและไม่ต้องอึดอัดเหมือนปัจจุบัน

ถึง เวลาที่ท่านนายกฯ
ต้องกล้าตัดสินใจให้เด็ดขาดในฐานะเป็นประมุขฝ่ายบริหาร
ท่านต้องปรับเปลี่ยนเอาคนที่ไม่เหมาะสมกับงาน และความรับผิดชอบ
คนที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
คนที่ทำงานผิดพลาดโดยตั้งใจหรือมีวาระแอบแฝงออกไป
โดยไม่คำนึงว่าเป็นคนใกล้ชิด เป็นนักการเมืองจากพรรคร่วม
เป็นนายทหารหรือนายตำรวจใหญ่
ท่านต้องกล้าดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่กระทำความผิดอย่างจริงจังด้วยความ
ยุติธรรมและเสมอภาค และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
อย่าซื้อเวลาด้วยการลากยาว
เพราะพลังประชาชนที่เขาสนับสนุนจะพากันเบื่อหน่ายหนีหายไปหมด


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000056535


ผมคิดเหมือนท่าน พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ทุกประเด็นครับ
นอกจากลุ้นให้ท่านนายกกล้าๆหน่อย ยังเชื่อในบุคลิกอ่อนนอกแข็งใน
เร็วๆนี้คงได้เห็น จากวงประชุม ครม.นั่นเองแหละครับ
แม้ท่านเทอดศักดิ์คิดว่าการขึ้นรับหน้าที่นายกในรอบนี้ไม่น่าจะเหมาะสม
แต่ผมกลับเห็นต่างว่าดีเสียอีกสถานะการณ์จะสร้างวีรบุรุษหรือนายกมะเขือเผา
นะครับ ยิ่งได้ใจมวลชนร่วมออกมาช่วยสนับสนุนล้นหลามน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้นายกมี
ความเข้มแข็งเชื่อมั่นและแน่วแน่ในความซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรมยิ่งๆขึ้น
เหลือก็แต่ต้องเรียนรู้การรุกที่รวดเร็วที่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ชนิดที่ต้องวัดผลได้ไม่ต่ำกว่า90เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ปัญหาที่หนักใจแทนท่านนายกก็คือทีมงานของท่านครับ
โดยเฉพาะทีมงานฝ่ายบู๊ของท่านนายกหากมองไปในพรรคปชป.ที่ไม่ใช่ไม่ได้เป็นรมต
.ขณะนี้ ไม่รู้ว่าจะมีผู้ชำนาญการกิจการฝ่ายบู๊อย่างลึกล้ำโดดเด่นท่านใดมาเสริมหรือ
เปลี่ยนตัวแทนท่านสุเทพได้บ้าง ถ้าได้ท่านเทอดศักดิ์ไปร่วมทีมท่านนายกได้
ผมว่ารัฐบาลนี้น่าโลดแล่นทะลุทลวงสารพัดปัญหา
และโดยเฉพาะบรรดาเฒ่าสารพัดพิษทางการเมืองชนิดไม่ต้องกังวลการอยู่ครบเทอม
หรือไม่ครบเทอมได้ใจประชาชนได้ยาวนานครับ ผมฝันไปหรือเปล่าครับ
ทิว/tueliberal@hotmail.com

+++++

ปชป.เข้ามาบริหารบ้านเมืองทั้ง 3 ครั้ง ล้วนแต่เข้ามาตอนบ้านเมืองมีวิกฤติทั้งสิ้น

ครั้งที่ 1 เข้ามาหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
คุณชวนล้างบ้านเมืองจากเปื้อนเลือดจนสะอาด ส่งต่อให้ ท่านบรรหาร

ครั้ง ที่ 2 ปชป.
เข้ามาเพราะบิ๊กจิ๋วนำพาบ้านเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์(vicious cycle)
อย่างรุนแรง ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ คุณชวนนำพาบ้านเมืองให้ดีขึ้น
ทำให้รัฐบาลต่อมา คือ ทักษิณมาเป็นนายกฯ ปี 2544
ได้มีเงินใช้จ่ายแบบไม่อั้น

ครั้งที่ 3 คือครั้งนี้
ปชป.เข้ามาบริหารบ้านเมืองในภาวะที่บ้านเมืองลำบาก เงินทองร่อยหรอ
เนื่องจากความมือเติบของทักษิณและการบริหารงานที่ไม่สุจริต(จัดสรรทรัพยากร
อย่างไม่เป็นธรรม จังหวัดใดเลือกพรรคตนเองก็ได้ งปม.
จังหวัดใดเลือกพรรคอื่นก็ไม่ได้รับการจัดสรร งปม.) และรวมไปถึงปัจจัยอื่น
ที่นำพาให้บ้านเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีก
ดังนั้นต้นทุนในการบริหารจัดการในสมัยของท่านนายกอภิสิทธิ์ต้องสูงขึ้นใน
แทบจะทุกกิจกรรมที่รัฐดำเนินการ

พวกเรามีหน้าที่ต้องให้กำลังใจนายก อภิสิทธิ์ ท่านนี้ ทราบดีว่า
ท่านกำลังประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้าได้
แม้จะช้าบ้างเพราะโดนฝ่ายค้านคอยเตะตัดขาอยู่เรื่อยๆ
แต่ก็ต้องให้กำลังใจกัน
ปชป
+++++
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวใน เอ.เอส.ที.วี ว่า
ถ้านายกอภิสิทธิ์ กล้าตัดสินใจทางการเมือง โดยใช้ึวามกล้าหาญ
จะสามารถอยู่ได้ 1 ปี โดยสภาไม่สามารถเปิดอภิปราย ไว้วางใจได้

ถ้า กล้าเปลี่ยน เลือกคนที่ดี มีความสามารถมาบริหารประเทศแล้ว
โดยไม่สนใจพรรคร่วมรัฐบาล นายกอภิสิทธิ์ จะสามรถ ครองใจประชาชนไทยได้
และเมือถึงเวลานั้น ยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่
ก็จะสามรถชนะการเลือกตั้ง เข้ามาด้วยเสียงข้างมาก
ซึ่งจะจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคเดียวได้

แต่ถ้าลากเวลา อย่างที่ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ ว่ามาแล้ว จะโดนพรรคร่วม
โดยเฉพาะเนวิน กอบโกย หาผลประโยชน์ จากโครงการรัฐบาล ไปเป็นทุนเลือกตั้ง
ตอนนั้นพรรคประชาธิปัติย์ ก็จะกลับไปเป็นฝ่ายค้านตลอดชีวิต
และพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะตกต่ำ กลายเป็นพรรคต่ำสิบ อันนี้ผมวิเคราะห์เอง
การเมืองไทยก็จะเป็นน้ำเน่าเหมือนเดิม
คนเหนือเกลียดทรราช

+++++
ท่านลองทายดูซิครับว่า ท่านนายก ฯ จะกล้าไหม
เพราะทุกวันนี้เรื่องที่นายกฯ ควรจะทำอย่างที่สุดในขณะนี้ คือ
ต้องเป็นหลักให้คนในบ้านเมืองนี้มันเห็นว่า ความถูกต้องเป็นอย่างไร
ต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
แต่เป็นอย่างไรครับ บริหารบ้านเมืองมาเกือบครึ่งปี
ก็ยังเล่นการเมืองในวังวนอุบาทก์เหมือนเดิม
คนที่มีเหตุผลเหนืออารมณ์ทั้งหลายลองคิดดูซิครับว่า
ไอ้กรรมการปรองดองสมานฉันท์นะ ตั้งขึ้นมาทำอะไร เพื่อประโยชน์อะไร
มีแต่เรื่องจะนิรโทษกรรมนักกินเมือง ยกเลิกการยุบพรรค จะแก้ไข รธน.
ถามสามัญสำนึกของคนที่อ้างว่า มีมโนธรรมกันหน่อยว่า
ประเทศชาติหรือประชาชนมันได้ประโยชน์ตรงไหน อ้างกันว่า
ท่านเป็นนักประชาธิปไตย ต้องรับฟังความเห็นของคนหลาย ๆ ฝ่าย ผมแปลกใจจริง
ๆ คนเขาชื่นชมกันว่า นายก ฯ คนนี้มีวิสัยทัศน์ดี ก็ถ้าคนเป็นถึงนายก ฯ
ขนาดยังแยกผิด-ถูก ชั่ว-ดี ไม่ได้ ต้องมานั่งฟังคนอื่นบอก ผมว่า
วิสัยทัศน์คงไม่ต่างจากนักกินเมืองที่ผ่านมา

ฝากถึงท่านนายก ฯ หน่อยนะครับ การเป็นคนดีแต่ไม่กล้าหาญ
ทั้งที่โอกาสที่จะขึ้นมาทำประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้ประเทศชาติ
ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลยครับ ให้ดูตัวอย่างของท่านพลเอกสุรยุทธ์
จุลานนท์ เป็นตัวอย่างท่านเป็นคนดีและเคยเป็นทหารกล้า
แต่กลับกลายเป็นพระเป็นฤาษีในยามที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยโจร
ผลที่สุดโจรก็กลับครองเมืองได้เหมือนเดิม และมาวันนี้ท่านนายก ฯ
จะทำแบบเดิมอีกใช่ไหมครับ

ท่านนายก ฯ คงต้องคิดให้หนัก คิดให้มากกว่านี้
ในเมื่ออาสาเข้ามาทำประโยชน์ให้บ้านเมือง มันต้องรู้ว่า
เรื่องใดสำคัญที่สุดและต้องทำ เพื่อดึงคนดีให้ลุกขึ้นมา
ให้คนชั่วมันเกรงกลัว ผมไม่ได้ให้ท่านไปฆ่าใคร
แต่ท่านต้องทำให้กฏหมายมันศักดิ์สิทธิ์ ให้ระบบความยุติธรรมมันแข้มแข็ง
ท่านต้องจัดต้องปรับกลไกของทหาร ตำรวจ
และข้าราชการให้มันขยับไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่นั่งเฉย ๆ
คนชั่วมันถึงยังได้ใจ เพราะขนาดนายก ฯ คนใหม่ ว่า เก่งว่าแน่
ก็ไม่เห็นมีอะไร ต้องทำให้สังคมมันเห็นว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว

ท่าน นายก ฯ เป็นคนดี แต่ความกล้าหาญนั้นยังไม่พอ
บ้านเมืองในขณะนี้จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องการทั้งคนดี และกล้าหาญ
ท่านนายก ฯ ต้องไปคิดทบทวนเอาว่า ท่านเป็นคนแบบไหน
จะเลือกเอาความดีหรือจะเลือกเอาลาภยศ เพราะ "อยู่อย่างคนดี คนกล้า
(ที่ทำประโยชน์ใหญ่ให้บ้านเมือง) อาจอยู่ (ในตำแหน่ง) ได้ไม่นาน
หรืออยู่อย่างคนไม่เข้าท่า (ไม่ได้ทำประโยชน์ใหญ่ให้บ้านเมือง)
ให้คนด่าไปอีกนาน"

แต่ผมขอให้กำลังใจท่านนายก ฯ ไว้หน่อยว่า ผมเชื่อว่า
ในบ้านเมืองนี้คนดีมันน่าจะมากกว่าคนชั่ว เพราะฉะันั้นถ้าท่านนายก ฯ
กล้าและตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ท่านน่าจะอยู่เป็นหลักให้บ้านเมืองได้ต่อไป
ราชสีห์เดินเดี่ยว

+++++

I totally agree with Ret. Air Chief Marshal that PM Abhisit should
take action now. Get rid of all Tugsin's cronies, back stabbing friend
in the party and restore moral by prosecuting officials killing
law-abiding citizens during peaceful demonstration. Solving Sonti's
case will definitely restore confidence of investors and tourists.
siamese

++++
getting bore about PM Aphisit...

Look at UK the country that brought you up - only small corruption
then everyone came out to open up the bad politicians and what do you
do for Thailand - are you going to cover up for the bad politicians -
it seems you are doing that

Hopeless and shameless you are Pm Aphisit - people who were injured
and passed away on 7 Oct last year are waiting for justice that you
have been promised when you said that you will enforce the law when
you first become PM..... another gone with the wind
thai in sydney

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น