++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พิษ "เพลงโปรด" พา "โสต" เสื่อม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


สมัย ก่อนเพลงโปรดอาจเป็นสิ่งที่ต้องเงี่ยหูฟังจากรายการวิทยุ
แต่ทุกวันนี้ใครๆ ก็สามารถฟังเพลงโปรดได้จากทุกที่ ทุกเวลา
ด้วยอุปกรณ์บันทึกข้อมูลเล็กๆ จากไอพอด เอ็มพีสาม เครื่องเล่นซีดีพกพา
ฯลฯ ที่แสนกะทัดรัด
สามารถต่อเสียงเพลงที่ต้องการให้ตรงสู่รูหูทั้งสองข้างได้โดยตรงเที่ยวแล้ว
เที่ยวเล่า ผ่านหูฟังเล็กๆ ที่ซ่อนพลังเสียงกระหึ่มไว้ภายใน


อย่างไรก็ตาม
สื่อส่งผ่านความสุขผ่านเสียงเพลงเหล่านี้อาจก่อภัยถาวรต่อโสตประสาทฝากไว้
เป็นของแถมหลังความสุขผ่านพ้นไป
หากระดับการดังและชั่วโมงการฟังล้นเกินขีดที่หูทั้งสองข้างของคนเราจะทนทาน
ไหว

ศ.พญ.สุจิตรา ประสานสุข แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน การพูด
การทรงตัว ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ได้ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษสุ่มตรวจการได้ยินของนักเรียนวัยรุ่นในกรุงเทพฯ
ประมาณ 400 ราย พบว่า ร้อยละ 25 มีความผิดปกติในการรับฟังเสียง
ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการฟังเสียงที่ดังมากไปและนานเกินไป
โดยเฉพาะการฟังเพลงจากหูฟังของเครื่องเล่นเอ็มพีสาม หรือ ไอพอด
นอกจากนี้ยังเกิดจากการใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือด้วย

"การ ใช้หูฟังประเภทนี้สมองจะได้รับรังสีของคลื่นวิทยุด้วย
เด็กหลายคนใส่หูฟังทั้งวัน หรือบางคนอาจใส่ฟังจนหลับไปเลย
นอกจากนี้ยังเคยทดลองว่า หากใช้หูฟังในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนดังมากๆ
เช่น ในรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า
ต้องเปิดหูฟังให้เสียงดังจนเกือบสุดจึงจะได้ยินชัดเป็นระดับถึง 105
เดซิเบล ทั้งที่หูคนปกติรับได้ประมาณ 80 เดซิเบล เสียงระดับ 105
เดซิเบลจะทำลายประสาทการรับเสียง หรืออาจกระทบแก้วหูได้"
หมอสุจิตราให้รายละเอียด

ในส่วนของอาการเริ่มต้นของผู้ที่ประสาทหูผิดปกตินั้น
หมอสุจิตราบอกว่า จะมีการแสดงผ่านหลายอาการด้วยกัน แต่ที่พบมากคือ
การได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู ทั้งที่ไม่ได้เปิดเพลงหรือใส่หูฟัง
เพราะปลายประสาทเกิดการกระทบกระเทือนจากเสียงที่มากระตุ้น
และอาการที่ส่อถึงความผิดปกติอีกลักษณะหนึ่งคือ มีการทรงตัวที่ผิดปกติ
เช่น ตื่นนอนมาแล้วยืนตรงไม่ได้ มึนงง หากมีอาการเหล่านี้ประมาณ 2-3
วันแล้วยังไม่ดีขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าอาจได้รับ "พิษจากเพลงโปรด"
เข้าให้แล้ว จำเป็นต้องรีบพบแพทย์

"วัยรุ่นสมัยนี้มักจะพูดจาเสียงดังมาก
เพราะพวกเขาเคยชินกับการได้ยินอะไรเสียงดังๆ ตลอดเวลา"
หมอสุจิตราตั้งข้อสังเกต ทั้งยังฝากคำแนะนำทิ้งท้ายด้วยว่า "
การห้ามไม่ให้วัยรุ่นใส่หูฟังเพลง
หรือหูฟังโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
ทางออกที่เหมาะสมคือการแนะนำให้ฟังอย่างพอดี คือ ไม่ฟังเสียงดังมากเกินไป
ไม่ฟังนานเกินไป และฟังในระดับที่เหมาะสม ปรับความดังอยู่ที่ระดับกลาง
และระยะเวลาในการฟังไม่ควรต่อเนื่องเกิน 2 ชั่วโมง"


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000056595

รูปแบบของหูฟังก็มีผลนะครับ แบบที่ยัดเข้ารูหูจะให้เสียงดีชัดเจน
แต่ก็จะดังเกินไป เอาแบบพอแนบหูได้ก็พอ
เวลา เลือกเครื่องเล่นบางรุ่นสามารถจำกัดความดังได้ก็อย่งลืมปรับตัวเลือกดัง
กล่าวไว้ด้วย จะให้ดีก็ตั้งเวลาฟังไว้ให้เครื่องปิดเองหลังจากเล่นไปได้ระยะหนึ่งป้องกัน
การฟังเพลงนานเกินไป
หรือลองเปลี่ยนกิจกรรมจากฟังเพลงไปทำอย่างอื่นเลยก็จะดีมากๆ
ส่วน มือถือนี่ก็คุยกันน้อยๆหน่อย
ช่วยลดค่าใช้จ่ายคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วก็เอาเวลาไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีกว่า
เช่นอ่านหนังสือ งานอดิเรก(ที่ไม่ได้อยู่หน้าคอมฯ) เล่นกีฬา ออกกำลังกาย
WTH
++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น