นอกจากมองภาพพรรคการเมืองพันธมิตรอันแสนสวยงาม
เพื่อเอามาปรับจุดอ่อนเราให้แข็งแรง หรือเพื่อประกอบการตัดสินใจบ้าง
1. บทบาทของ ASTV และหนังสือพิมพ์ หลังจากมีพรรคการเมืองแล้ว
ผมมองยังไงก็ไปด้วยกันลำบาก ถึงจะบอก
ว่า คนละกลุ่ม แยกกันไม่เกี่ยวกัน แต่ก็รู้อยู่ว่าจริงๆคืออะไร
ความศรัทธาที่ภาคประชาชนมีต่อ ASTV จะเสื่อมลงมั๊ย
2. หลายๆคนบอกว่า ตั้งพรรคการเมืองไปพร้อมๆกับภาคประชาชน ด้วยกันได้
ซึ่งก็อิงกับข้อ1 ภาคประชาชนเรานำปัญญาด้วย ASTV
แต่พรรคการเมืองเรานำด้วย ASTV ไม่
ดีแน่ ถึงเราบอกว่าจะไม่ลดทอนพลังภาคประชาชน
แต่ระบบกลไกจะทำให้มันลดทอนลงอย่างห้ามไม่ได้
3. เรื่องการแบ่งเสียงประชาธิปัตย์ ผมไม่ห่วงเลย หากว่า
พันธมิตรกวาดเรียบ ตั้งรัฐบาลได้ ประชาธิปัตย์จะตกต่ำ
ยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้เราประเมิณตัวเราเองหรือยังว่าฐาน
เสียงเราแค่ไหน ลงไปแล้วกลายเป็นผู้ช่วยพรรคเพื่อไทย
ให้มีสส.เข้ามามากยิ่งขึ้นหรือเปล่า พรรคการเมืองเราจะยิ่ง
ตอกย้ำสถานการณ์ให้เลวร้ายกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าจะเป็นประโยชน์
หากลงเฉพาะเขตที่ไม่มี สส. ประชาธิปัตย์ได้
ที่นั่ง เหมือนที่คุณสนธิเคยพูดไว้ ผมเห็นด้วย 100%
4.เรากำลังสร้างมาตรฐานว่า การเมืองใหม่คือ พรรคการเมือง+ภาคประชาชน
หรือคนอื่นมองว่า พรรค+ม๊อบ พรรค
เรียกร้องในสภา ม๊อบเรียกร้องนอกสภา ความชอบธรรม
ของพรรคเพื่อไทย+เสื้อแดง เพิ่มขึ้นมหาศาลเลยครับ ถึง
แม้อุดมการณ์จะต่างกันก็ตาม ต่อไปก็อาจจะมี ภูมิใจไทย
สีน้ำเงิน? ประชาธิปัตย์อีกสีนึง แต่ละกลุ่มก็เอามวลชนตัว
เองมาอ้างความชอบธรรมทั้งๆที่ของเรามาด้วยใจ วุ่นวายมั๊ยครับ
5.เรื่องหลงอำนาจและเงินตรา เราจะควบคุมตัวแทนเราได้มากน้อยแค่ไหน
กับการเอาตัวไปคลุกอยู่กับผลประโยชน์
ตลอดเวลา
นอกจากการโหวตว่าจะตั้งพรรคหรือไม่ น่าจะมีประเด็นอื่นอีกเช่น
การสู้แบบภาคประชาชนเรายังทำอะไรได้อีกบ้าง
เรา จะให้ปัญญาในจุดที่เราเข้าไม่ถึงได้อย่างไร
ซึ่งผมมองว่าถ้าเรายังทำภาคประชาชนขยายสู่มวลชนที่เรายังเข้าถึงไม่ได้
ระบบพรรคการเมืองเราก็เข้าถึงไม่ได้อยู่ดี หรือยิ่ง
ยากกว่าด้วยซ้ำ สุดท้ายในความเห็นผม พรรคการเมืองกับ
ภาคประชาชนไปด้วยกันได้แต่ไม่ดี เท่า ทำภาคประชาชน
ให้สุกงอมแล้วส่งต่อให้พรรคการเมืองเข้าสู่ระบบครับ
สาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น