++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

จะโกงเสียอย่าง...มึงจะทำอะไรกูได้!

โดย สิริอัญญา


บ้านเมืองยามนี้คนไทยจำนวนมากมีความรู้สึกเหมือนๆ
กันว่าคลับคล้ายคลับคลาประหนึ่งว่ามีโจรคอยจ้องปล้นบ้านปล้นเมืองอยู่ทุก
เมื่อเชื่อวัน เผลอเมื่อใดเป็นปล้นเมื่อนั้น
และยังคงจ้องจะปล้นกันอยู่โดยที่ไม่อาจกะพริบตาได้เลยแม้ชั่วครู่เดียว

แล้วเราจะอยู่ในบ้านเมืองอันเป็นที่รักและเป็นมาตุภูมิของเรากันได้อย่างไร?

เพราะที่ถูกโกงกันไปแล้วนั้นก็แทบจะสิ้นชาติกันอยู่แล้ว
ช่วงรัฐบาลที่ผ่านไปไม่ทันนานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดิน
ไปร่วม 800,000 ล้านบาท จนต้องตามล่าขุมทรัพย์กันจ้าละหวั่นอยู่ในขณะนี้

ถัด มาอีกก็ปล้นไปอีกเกือบแสนล้านบาท และยังทำอะไรใครไม่ได้
ยกเว้นก็แต่เรื่องการโกงในการซื้อมันสำปะหลัง ซึ่งโกงกันไปถึง 20,000
ล้านบาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษของท่านรัฐมนตรีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เพิ่งลงมติรับเป็นคดีพิเศษไปในสัปดาห์นี้เอง

เรื่องโกงการซื้อมันสำปะหลังรายนี้เป็นข่าวครึกโครมในช่วงรัฐบาลก่อน
ซึ่งเป็นช่วงที่ส่อเค้าว่าจะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจขึ้นในโลกและกำลังจะลุกลาม
มาถึงประเทศไทย ในช่วงนั้นราคาผลิตผลทางการเกษตรตกต่ำ
และจะเกิดความเดือดร้อนแก่เกษตรกรโดยทั่วไป

แต่ช่วงนั้นเป็นฤดูการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
หลวงท่านก็เลยมีน้ำใจคิดช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมัน
ได้จัดตั้งโครงการรับจำนำมันสำปะหลังขึ้นในราคาสูงกว่าราคาตลาด

คือ ราคาซื้อขายในตลาดกิโลกรัมละ 1.10-1.20 บาท
แต่เพื่อช่วยเหลือเกษตรผู้ปลูกมัน ได้ตั้งราคารับจำนำถึงกิโลกรัมละ 1.80
บาท ซึ่งจะทำให้พี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันไม่ขาดทุนและสามารถขายผลิตผลของตนได้
โดยไม่เป็นภาระขาดทุนหรือเดือดร้อน

มีการตั้งโควตาจัดซื้อแล้วประกาศให้ทราบล่วงหน้า
ผลปรากฏว่าบรรดานักการเมืองและหัวคะแนนตลอดจนลิ่วล้อได้ฉวยเอาโอกาสนี้ปล้น
ชาติปล้นประชาชนอย่างหน้าตาเฉย

พากันไปกวาดกว้านซื้อมันสำปะหลังจากชาวไร่ในราคาถูกๆ
มิหนำซ้ำยังลักลอบนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งราคาถูกกว่าลงไป
อีก คือกิโลกรัมละ 80-90 สตางค์เท่านั้น

จากนั้นก็รวบรวมเอามันสำปะหลังที่ได้รับซื้อไว้เอาไปจำนำกับทาง
ราชการ ทำให้ได้กำไรกิโลกรัมละ 1 บาทบ้าง หรือ 60
สตางค์บ้างเป็นอย่างน้อย

คน พวกนี้ได้นำมันสำปะหลังมาขายจนเต็มโควตาที่รัฐบาลตั้งจำนวนรับจำนำไว้
ในขณะที่เกษตรกรตัวจริงผู้ปลูกมันสำปะหลังไปจำนำตามที่ทางราชการประกาศไม่
ได้เพราะโควตาเต็มแล้ว
จึงต้องชุมนุมประท้วงปิดถนนเรียกร้องให้รัฐบาลขยายโควตาเพิ่มขึ้น

รัฐบาลก็ขยายโควตาเพิ่มขึ้นตามข้อเรียกร้องแต่ก็ยังมีการฉ้อโกงกัน
เหมือนเดิมอีก และเป็นผลให้เกษตรกรไทยผู้ปลูกมันสำปะหลังไปจำนำไม่ได้อีกเหมือนเดิม
จนกระทั่งเปลี่ยนรัฐบาลก็ยังมีการชุมนุมประท้วงกันอยู่

ท่านรัฐมนตรีอลงกรณ์ พลบุตร
ได้ยกกองทัพไปปราบปรามขบวนการฉ้อโกงเรื่องนี้ 2-3 ครั้ง
และเป็นผลให้ตั้งต้นเป็นคดีความขึ้น ในขณะที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ก็จำเป็นต้องขยายจำนวนรับจำนำเพิ่มขึ้น
ใช้เงินหลวงเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของเกษตรกร
ทำให้พี่น้องเกษตรกรได้รับการเยียวยาให้บรรเทาเบาบางลงไปได้

ผล จากการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษปรากฏว่าการฉ้อโกงในโครงการจัดซื้อ
มันสำปะหลังนี้ ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินถึง 20,000 ล้านบาท
และทำให้สต๊อกมันเพิ่มขึ้นสูงลิบลิ่ว มีปริมาณกว่าสิบล้านตัน
และถ้าหากขายไปเมื่อใดก็จะขาดทุนมหาศาลอีกเมื่อนั้น

ก่อนหน้านั้นก็เคยเกิดเหตุการณ์ประมูลขายข้าวที่รับจำนำไว้ในราคาสูง
กว่าตลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว
การขายข้าวในคราวนั้นทำกันในช่วงที่จะเปลี่ยนรัฐบาลและเป็นผลให้รัฐขาดทุน
ถึง 20,000 ล้านบาทมาแล้ว

โครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลที่ผ่านมาได้รับจำนำในราคาสูงกว่าราคา
ตลาดแบบเดียวกับมันสำปะหลัง และมีจำนวนประมาณถึง 6 ล้านตัน
ประมูลขายล็อตแรกขาดทุน 20,000 ล้านบาทไปแล้วจำนวนประมาณ 2 ล้านตัน

ยังคงเหลืออยู่อีกประมาณ 4 ล้านตัน ซึ่งจะต้องขายกันต่อไป
เพราะหากไม่ขายก็ไม่มีคลังที่จะรับเก็บในฤดูกาลผลิตใหม่
และจะไม่มีเงินมารับจำนำกันอีก

จึง มีการเปิดประมูลขายข้าวในจำนวนที่เหลือนี้โดยจะแบ่งออกเป็น 2
ล็อต ประมูลเป็น 2 รอบ รอบละประมาณ 2 ล้านตัน
เพื่อระบายข้าวออกจากสต๊อกและเพื่อให้ได้เงินมาเพื่อจะรับจำนำข้าวกันต่อไป

ในระหว่างนั้นก็มีข่าวลือดังก้องกระหึ่มทั่วทั้งวงการและนอกวงการ
แม้กระทั่งร่ำลือไปถึงต่างประเทศ
ว่ามีการฮั้วประมูลขายข้าวในราคาต่ำกว่าตลาดมาก
เป็นวิธีการเดิมที่เคยเกิดขึ้นและขาดทุนมาแล้วร่วม 20,000 ล้านบาทนั่นเอง

เมื่อเป็นข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สังคมก็จับตามองว่าเขาจะกล้าทำกันหรือ
เพราะดูทีท่ารัฐบาลโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนับสนุนการฉ้อฉลปล้นชาติแบบนี้เลย

แต่จ้องแล้วติดตามเล่าก็ไม่มีวี่แววใดๆ
ว่าจะมีการหยุดยั้งหรือหยุดความเสียหายนั้นไว้
จนเกิดการประมูลข้าวขึ้นมาจริงๆ และเป็นผลตามที่เป็นข่าวจริงๆ
คือบรรดาผู้ที่เป็นข่าวว่าจะประมูลซื้อข้าวได้และเป็นพวกพ่อค้าข้าวรายใหญ่
ก็ประมูลซื้อข้าวได้จริงๆ

และ เป็นการประมูลซื้อในราคาต่ำกว่าตลาดมากจริงๆ ด้วย
ซึ่งส่งผลโดยตรงให้รัฐต้องขาดทุนจากการประมูลขายข้าวล็อตที่สองจำนวนประมาณ
2 ล้านตันนี้ร่วม 20,000 ล้านบาทอีกครั้งหนึ่ง

แล้วข่าวมันก็ดังขึ้น
เพราะเป็นผลมาจากกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในการ
ประมูลขายข้าวโพดในสต๊อกซึ่งเป็นแบบอย่างอย่างเดียวกันทั้งหมดนั่นแหละ

ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบและให้กลับไปทบทวนดำเนินการใหม่
เพราะเป็นการขายที่ต่ำกว่าราคาตลาดและทำให้รัฐขาดทุนถึง 2,000 ล้านบาท
จนเป็นเหตุทะเลาะกันลั่นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่ามีการปฏิบัติสองมาตรฐาน

ซึ่งมีความหมายทำนองว่ามีการต่อว่าต่อขานกันว่าทำไมกระทรวงโน้นปล่อยให้โกงได้
ทำไมกระทรวงนี้โกงบ้างไม่ได้นั่นเอง

แล้วคณะรัฐมนตรียังกำชับอีกว่าในการขายสินค้า
หากมีผลขาดทุนจะต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีก่อนทุกกรณี
ซึ่งรวมถึงการประมูลขายข้าวล็อตที่สองที่จะขาดทุนร่วม 20,000
ล้านบาทนี้ด้วย

ใครๆ ก็คิด ใครๆ
ก็เข้าใจว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้กำราบกำชับกำชาขนาดนี้
แล้ว ก็จะเกิดความละอายต่อบาป และเกรงกลัวต่ออำนาจรัฐ
โดยเฉพาะหลักการทำงานร่วมกันที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ในโอกาสเข้ารับ
ตำแหน่ง แล้วจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามที่ถูกที่ควร

ปรากฏ ว่าพลิกล็อกกลับตาลปัตร!
คือแทนที่จะมีการหยุดยั้งหรือยำเกรงและปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรเพื่อรักษา
ผลประโยชน์ของชาติไว้
กลับดึงดันรีบทำสัญญาขายข้าวที่ประมูลได้โดยไม่ขออนุมัติคณะรัฐมนตรี

มิหนำซ้ำ ยังมีข่าวให้ช้ำใจคนไทยทั้งประเทศอีกว่า
เหตุที่ต้องรีบทำสัญญาขายข้าวดังกล่าวโดยไม่ขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีก็เพราะ
เกรงว่าหากนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติแล้ว
ก็เกรงว่าจะถูกยับยั้งเหมือนกรณีการยับยั้งการประมูลขายข้าวโพดอีก

โอ้! เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกันนี่? แล้วนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตลอดจนคณะรัฐมนตรี จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?
เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ก็หมายความว่ามีการปลดแอกหน่วยงานบางหน่วยงานออกจากการ
บริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ไปแล้ว
สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องฟังเสียงหรือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและ
ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอีกต่อไปแล้ว

นายกรัฐมนตรีก็ดี คณะรัฐมนตรีก็ดี ความเป็นรัฐบาลก็ดี
จะยังคงดำรงฐานะเดิมอยู่หรือจะกลายเป็นเจว็ดหรือไม่
ก็ให้ดูจากเรื่องนี้ว่าเมื่อกรณีปรากฏขึ้นฉะนี้แล้ว จะทำกันอย่างไร?
เพราะถ้าปล่อยไปก็คงเป็นเจว็ดแน่ แต่ถ้าไม่ปล่อยไปตามเรื่องตามลม
ก็ต้องปลดรัฐมนตรีบางคนออกจากตำแหน่งไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป

หากเรื่องนี้ผ่านไปตามสายลม
เรื่องใหม่ที่จะตามมาก็คือการขายข้าวล็อตที่ 3 อีก 2 ล้านตัน
ซึ่งคงมีผลขาดทุนอีก 20,000 ล้านบาท
แล้วยังจะตามมาด้วยการขายมันสำปะหลังกว่า 10 ล้านตัน ซึ่งจะขาดทุนอีกร่วม
30,000 ล้านบาท

กูจะโกงเสียอย่าง ใครจะทำไม!

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000057020

หากผู้นำรัฐบาลยอมให้รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้เกิดการปล้นชาติ
ปล้นแผ่นดินได้ ก็ถือว่าผู้นำรัฐบาลนี้ก็เป็นโจรปล้นชาติ ปล้นแผ่นดินด้วย
ไม่สามารถหลีกหนีความรับผิดชอบ
หรือไม่สามารถใช้เหตุผลอื่นมาเบี่ยงเบนความรับผิดชอบไปได้

พฤติกรรม การดึงดันของรัฐมนตรีบางคนที่พยายามจะขายข้าวหรือข้าวโพด
โดยพยายามเปิดให้มีการยื่นประมูลโดยไม่ผ่านมติของคณะรัฐมนตรี
ประชาชนทั่วไปพอมองออก และคาดเดาได้ว่าน่าจะมีประโยชน์แอบแฝง

นายกฯ ต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ต้องไม่ยอมให้มีการทุจริต
คอรัปชั่นเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของท่านนายกฯ ถึงแม้ว่า ปชป. จะมีเสียง
สส. ไม่มากในคณะรัฐบาลจนสามารถกุมเสียง สส. ในคณะรัฐบาลไว้ได้
แต่การยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อชาติเพื่อประชาชน
ถึงแม้ว่าจะต้องยุบสภา มันก็น่าจะช่วยให้ ปชป. และท่านนายกฯ
สามารถกลับเข้ามาสู่รัฐสภาในสมัยหน้าได้
สุรธรรม
++
หยุดทำร้ายประเทศไทยได้ไม่ยาก

- ถ้าจับโจรหน้าเหลี่ยมๆเข้าคุกได้ การสมานฉันท์ก็จะเกิดขึ้น
- การสมานฉันท์กับพวกนักการเมือง
ที่ปล้นชาติโกงชาติก็คือการทำลายชาติ อยากให้ชาติเจริญ
ก็ต้องเอาพวกคนชั่วๆเลวๆไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมเท่านั้น
คุก-- คุก--

มีที่ไหนกัน ทั้งปล้นทั้งโกง พอจับได้ว่าเป็นโจร
ก็สั่งคนเผาบ้านเผาเมืองเพื่อเรียกร้องความสมานฉันท์
ไม่รู้ว่าใช้หัวไหนคิด หัวล่างรึเปล่า
ชาวสวนหลวง
++
นายกมาร์ค ควรดูซี่รีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Change ที่ TPBS
ฉายอยู่ในตอนนี้นะทุกวันพุธ-พฤ 2030 น.
นายกญี่ปุ่นในเรื่องหน่อมเน้มมากไม่รูเรื่องอะไรเลย
ไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อนความรู้ในเรื่องการเมืองแทบจะติดลบ...แต่เพราะ
หล่อและซื่อสัตย์ถูกจับมาเป็นหุ่นเชิดรัฐบาลสุดท้ายทุกคนต้องก้มหัวรับแม้จะ
ทำงานได้เพียง 50 วัน รัฐบาลไปไม่รอดแต่นายกฯ
อยู่ในหัวใจประชาชนตลอด...ทำได้มั้ย?
ท่านแค่คิดดี..ทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมือนที่ท่านตัดสินใจเรื่องสลายม๊อบในวัน
ที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมานั่นแหล่ะลองอีกสักครั้ง..สองครั้งเอาแบบเจ๋ง ๆ..
ไม่ผ่านโครงการ NGV เงี่ยะ..หรือท่านเอาคนที่ท่านหิ้วเขามาเป็นรมต. น่ะ
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
เปลี่ยนเอาคนที่เก่งกว่ามาคุมสื่อแทนรับรอง..ท่านจะไม่มีเพื่อนเป็นนักการ
เมืองแต่ท่านจะมีเพื่อนเป็นประชาชน..เลือกเอาสักข้างนะ...
nekokung
++
ขอวิงวอนให้นายกฯอภิสิทธิ์ จัดการทุกอย่างให้โปร่งใสอย่าเกรงกลัว
เอามาแฉให้หมดใครที่คิดทุจริต ไม่ต้องเกรงใจ ประชาชนอยู่ข้างท่านแน่นอน
กล้า ๆ หน่อย ไม่ได้เป็นนายกก็ไม่เป็นไร จัดการให้เห็นกันจะ จะ ไปเลย
เอาให้พวกที่คิดโกงเงินของชาติหน้าหงายไปเลย เอาให้สู้หน้าในสังคมไม่ได้
ให้คนตราหน้าพวกนี้ว่า ""ไอ้พวกโกงชาติ หน้าตาดี ๆ แต่โกงชาติ"
ไม่ต้องไปเกรงใจ จัดการไปเลย.... ยุบสภาก็ได้ไม่เป็นไร ยุบไปเลย
สาวเสื้อดำ
++
เพราะความอยากเป็นนายกฯอย่างเดียวยอมใด้ทุกอย่างยอมแม้ให้โจรครองกระทรวง
สำคัญๆจนหมดไม่ว่ากระทรวงพาณิชย์กระทรวงคมนาคม เกษตร อุตสาหกรรม
แล้วเป็นอย่างไรประเทศชาติเสียหายยับเยินเป็น
นายกฯแบบนี้อย่าเป็นดีกว่าเสียศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูลเปล่าๆ
หรือว่าช่างมันฉันไม่แคร์ฉันขอเป็นนายกฯคนดีของประเทศชาติต่อไป......แล้วก็
ท่องคำว่าผมเป็นคนดีไปเรื่อยๆขณะที่โจรมันก็ปล้นประเทศไม่หยุดยั้ง...สนุก
จังประเทศไทยของเรา
Situation Hopeless
++
เป็นอย่างนี้แล้ว จะไม่สนับสนุนให้พันธมิตรตั้งพรรคการเมืองได้อย่างไร
ไม่น่าเชื่อว่านักการเมืองที่ซื้อเสียงเข้ามาพอมีอำนาจแล้วก็จะไม่เกรงกลัว
กฎหมายแม้แต่น้อย
รีบทำหน้าที่ที่คนอยู่เบื้องหลังสั่งมาให้ได้ไม่ว่าโดยวิธีใด
คือการปล้นชาติปล้นแผ่นดินนั่งเอง โดยที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้
แล้วขณะนี้ก็ยังพยายามแก้กฎหมายเพื่อให้ทำอะไรก็ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
แล้วประเทศจะอยู่ได้อย่างไร ประชาชนคนยากคนจนจะจนเพิ่มขึ้น
สูงขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะนักการเมืองได้ปล้นเงินทองของชาติที่จะนำไปช่วยเหลือประชาชน
ไปเป็นของตนเองและพวกพ้อง
ทำไมกฎหมายทำอะไรคนโกงชาติโกงแผ่นดินไม่ได้เลยหรือ ทั้ง ๆ
ที่ประเทศมีกฎหมายมากมาย
มีหน่วยงานอิสระที่จะตรวจสอบการคอรัปชั่นปล้นชาติปล้นแผ่นดินหลายหน่วยงาน
ทำไมถึงทำอะไรพวกนักการเมืองโกงชาติโกงแผ่นดินไม่ได้ ทั้ง ๆ
ที่มันปล้นกันกลางแดด เห็นชัด ๆ หรือกฎหมายจะบังคับใช้เฉพาะคนดี ๆ
เท่านั้น แต่คนชั่วกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้
บ้าน เมืองเราขณะนี้มองเห็นชัด ๆ ว่าที่เกิดวิกฤติซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนบ้านเมืองถึงกลับแตกแยกกันอย่างรุนแรง
เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจจนรัฐต้องสร้างหนี้ในอนาคตให้รุ่นลูกรุ่นหลานต้องชำระ
หนี้แทน เกิดวิกฤติทางสังคมเพราะการศึกษาของไทยย่ำแย่ทั้ง ๆ
ที่ในกระทรวงศึกษาธิการมีระดับด๊อกเตอร์ที่จบจากต่างประเทศมากมาย
จึงแก้ปัญหาการศึกษาไม่ได้
เกิดวิกฤติทางการเมืองเพราะประเทศเราได้นักการเมืองจากการซื้อเสียงเข้า
มาบริหารประเทศ เข้ามาเพื่อปล้นชาติปล้นแผ่นดินในเวลากลางวันแสก ๆ
ทั้งหมดนี้ เกิดจากอะไรกันแน่
รวมทุกวิกฤติเข้าด้วยกันต้นเหตุก็มาจากการเมืองทั้งนั้น
ประเทศเรามีนักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ ขาดความรับผิดชอบต่อชาติและประชาชน
ความรู้ก็ต่ำ การศึกษาก็ด้อย เกือบทั้งนั้นที่ซื้อเสียงเข้ามา
และที่สำคัญประชาชนมีการศึกษาน้อย ขาดความเข้าใจในการเมือง
ไม่มีปัญญาที่จะคิดว่าการเลือกของตนนั้นมีผลอย่างไรกับประเทศชาติและตนเองใน
ระยะยาว และนักการเมืองเมื่อเข้ามาแล้วดูถูกประชาชนมาก
จึงมีแต่นักการเมืองที่เป็นสัตว์นรกมาเกิดเต็มสภาไปหมด
แล้วประเทศจะเหลืออะไร เรามักจะโทษฝ่ายโน้นฝ่ายนี้
แต่ไม่ได้โทษนักการเมืองสัตว์นรกเลย
หนำซ้ำยังจะส่งเสริมมันให้แพร่พันธุ์เต็มบ้านเต็มเมืองอีกด้วย
นักการเมืองจึงไม่น่าไว้ใจไปเกือบทั้งหมด แต่เมื่อไว้ใจไม่ได้
เราก็ยังเลือกเข้ามาดูแลประเทศ ทรัพย์สินของประเทศทำไม
แล้วประเทศเราประชาชนของเราจะไม่แย่หรือ
เพราะขณะนี้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจแท้ ๆ
พวกสัตว์นรกมันก็ยังปล้นบ้านกินเมืองอยู่อย่างปกติ
ทะเลาะกันกัดกันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
แล้วจะทำอย่างไรกันดี กฎหมายก็ทำอะไรมันไม่ได้
ผู้รักษากฎหมายก็ไม่มีความกระตือรือร้นทำให้กฎหมายเป็นกฎหมายตามนโยบายของ
นายก หรือปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างกลางพวกสัตว์นรกเหล่านี้
จนประเทศพังทะลายไป ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า
แล้วในอนาคตพวกสัตว์นรกพวกนี้มันจะไม่รีดภาษีของประชาชนเพื่อให้มันปล้นเอา
หรือ
พันธมิตรเป็นกลุ่มคนก้อนใหญ่ ที่พอจะออกมาต่อต้านคานสัตว์นรกนี้ได้
จึงจำเป็นต้องมีพรรค แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีขนาดไหน
ถึงแม้จะมีประสบการณ์นานถึง 193 วัน
เรื่องอำนาจทางการเมืองเป็นเรื่องบาดใจ
xxx
++
อ่านแล้วเหนื่อยจัง ทำไมนะ
เปลี่ยนรัฐบาลจากพลังประชาชนมาเป็นประชาธิปัตย์แล้ว
ยังไม่สามารถลดการคอรัปชั่น และการใช้อำนาจในทางมิชอบได้เลย
พรรคประชาธิปัตย์จะต้องคิดให้หนักกว่านี้
จะดำเนินการทางการเมืองให้เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชนได้อย่างไร
แม้ประชาชนในภาคใต้ที่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มเสื่อมศรัทธาแล้ว
เขียว
++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น