ผมว่าปัญหาตอนนี้คือ ถึงแม้จำนวนพันธมิตรที่มีการประมาณการเอาไว้จะมีจำนวนมากกว่า สิบล้านคนขึ้นไป แต่หากตั้งพรรคการเมืองแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่า หากมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น แล้วพรรคแนวร่วมพธมนี้ จะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นเสียงข้างมาก เนื่องจาก ถึงจำนวนจะมาก แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เป็นประชาชนจากภาคใต้ และบางจังหวัด เช่น ชลบุรี ที่จะอาจสามารถมั่นใจได้ว่า อาจกวาดสส ได้ทั้งจังหวัด แต่เมื่อมองดูในส่วนอื่นๆ แล้ว พธม น่าจะกระจุกตัวอยู่ในเขตอำเภอเมือง ซึ่งเป็นคนชั้นกลาง จากการประมาณการคร่าวๆ แล้ว นอกจากจะไปตัดเสียงกันเองกับประชาธิปัตย์ ก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เสียงประมาณสี่สิบเสียงขึ้นไป จนถึงระดับหกเจ็ดสิบเฉียดร้อยเสียงก็เป็นไปได้
ซ ึ่งถ้าหากเกิดได้จำนวนสส ที่ไม่ได้เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งอาจทำหน้าที่ไม่ได้เต็มที่เท่ากับ การเมืองภาคประชาชน
แต่ถ้าหากเข้าไปพรรคร่วม นโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองเก่าพรรคอื่นก็เป็นผู้กำหนด ทำไปทำมา อาจทำให้เสียแนวร่วมจนอาจถึงการต้องสลายไปในที่สุด อย่างที่เกิดกับพรรคพลังธรรมได้
แต่ผมยังเห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเ มืองในอนาคต ขอย้ำว่าในอนาคต ระยะนี้ควรเป็นการวางรากฐานให้มั่นคงสำหรับพรรคการเมืองที่จะเกืดขึ้นมากกว่ า โดยการเร่งขยายฐานพธม ออกไปให้กว้างขวางที่สุด หากสามารถเจาะพื้นที่ในภาคอีสานและภาคเหนือบางจังหวัดในส่วนชนบท จนมั่นใจว่ามีแนวโน้มจะสามารถเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลในสมัยแรกได้เมื่อไหร่ ก็เอาเลยครับ
นักเรียนโข่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น