++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

ฝ่าวิกฤตท่องเที่ยวไทย / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    

       ผมมีโอกาสเห็นนโยบายของรัฐบาลในด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากผู้รู้จักท่านหนึ่งนำมาให้ดู พร้อมขอความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ผมก็บอกไปตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย ยังอยากเห็นการอภิปรายในสภาที่เค้าว่าจะใช้เวลาหลายวัน แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด แนวทางด้านการท่องเที่ยวจึงไม่ได้รับทั้งคำติและคำชม ทั้งที่เป็นนโยบายที่มีความสำคัญอย่างเร่งด่วน ผมจึงถือโอกาสในช่วงเปิดปีใหม่และช่วงเปิดรัฐบาลใหม่ นำเสนอข้อคิดบางประการที่อาจไม่สนุกสนานเบิกบานฤทัย แต่เชื่อว่า คงมีประโยชน์อยู่บ้าง
      
       นโยบายของรัฐบาลในด้านการท่องเที่ยวที่ผ่านมา มักมีส่วนคล้ายคลึง นั่นคือการ “ปัดฝุ่น” นำแนวคิดบนหิ้งของททท.มาใช้ประโยชน์ แม้แต่รัฐบาลนี้ก็ตามที ความคิดเรื่องการส่งเสริมจุดขายในแต่ละภาค วางแผนการตลาดให้แตกต่างกัน ทำโรดโชว์เสริมภาพลักษณ์ ล้วนเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่บอกตามตรง เบื่อแล้วจ้ะ ในภาวะเช่นนี้ ผมอยากเห็นแนวคิดแบบฉับพลันทันด่วน กระตุ้นการท่องเที่ยวสไตล์ตูมตามสามเดือนเห็นผล
      
       แนวทางดังกล่าวไม่ใช่จะไม่มี หากลองดูดี ๆ เป้าหมายหลักที่ภาครัฐจะใช้ อันดับแรกคือการจัดงานสไตล์ไทยเที่ยวไทย โดยกระหน่ำจัดกันทุกเดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเปิดขายของให้นักท่องเที่ยวโดยตรง นั่นเป็นเรื่องดีครับ แต่ถ้ามองให้ซึ้ง อาจเห็นถึงปัญหา
      
       ผมมองซึ้ง จึงเจอปัญหา เนื่องจากข้าพเจ้าก็ไปทุกงาน รวมทั้งงานล่าสุดที่เพิ่งจัดในเดือนธันวาคม เป็นงานแบบฉุกละหุกเพราะต้องการช่วยผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน ปัญหาที่ผมเจออย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา คือ มาตรฐานราคาไม่เท่ากัน ผมไปดูราคาห้องพักในงาน ถามไถ่คนขายแน่ชัด น้อง...เอาให้แน่นะ ราคานี้ถูกสุด ไม่ใช่พี่ไปเปิดในเว็บขายโรงแรมห้องพัก แล้วได้ราคาถูกกว่าที่น้องบอก สาวน้อยรายนั้นก็ตกปากรับคำผมเป็นอย่างดี จนข้าพเจ้าซื้อห้องพักมาหลายคืน ด้วยเห็นกับใบหน้าหวาน ๆ และนัยน์ตาคมซึ้งมีน้ำตาคลอ (ช่วงนี้คนทำงานท่องเที่ยวตาคมซึ้งทุกคนครับ) แต่พอกลับมาถึงบ้าน อ้าว...เฮ้ย น้องตาคมทำกันได้ลงคอ เพราะผมเปิดดูในเว็บแล้ว เจอราคาที่ถูกกว่าน้องซื้อมาคืนละตั้งเกือบพันบาท (แล้วทำไมไม่กลับมาดูเว็บก่อนซื้อ เอ้อ เกิดมาดันเป็นคนเชื่อใจคนง่ายครับ เว้ากันซื่อ ๆ หากโดนหลอกก็จะเจ็บแล้วจำ)
      
       มาตรฐานราคาในงานจึงจำเป็นต้องมี เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่า อุตส่าห์ถ่อร่างมางานแล้ว ดันซื้อของแพง โดยเฉพาะในช่วงกระหน่ำจัดงาน ภาครัฐอาจต้องจัดระบบรองรับมาตรฐานพวกนี้ เช่น การบอกกล่าวให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า รับเรื่องร้องเรียน หากมีหลักฐานแน่ชัด (ผมมีทั้งใบเสร็จจากงาน ทั้งใบราคาจากเว็บ) ว่ากล่าวตักเตือนผู้ประกอบการ จนถึงขั้นตัดสิทธิในการร่วมงานครั้งหน้า
      
       แนวคิดต่อมา คือ อย่าฆ่ากันเอง ในยามที่ภาวะปรกติ แหล่งท่องเที่ยวของไทยแต่ละแห่ง มีรากฐานและกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน หรืออาจจะเหลื่อมทับกันบ้าง แต่ไม่สาหัสเหมือนในยุคปากกัดตีนถีบ ผมขอยกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล หากเราลองไล่นิ้วดู อู้ฮู เรามีตั้งเยอะครับ จับคู่ฟัดกันได้สบาย เช่น พัทยาอัดกับภูเก็ต เกาะสมุยสู้กับเกาะช้าง มีเกาะลันตามาเป็นคู่ชกร่วม หัวหินไปฟัดกับระยอง ภาวะเช่นนี้เริ่มเห็นการแข่งขันแย่งนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกันมากขึ้น
      
       แนวคิดเรื่องการแข่งขันกันเป็นเรื่องดี แต่ภาครัฐควรพยายามให้แหล่งท่องเที่ยวในไทยไปแข่งกับแหล่งท่องเที่ยวในเมือง นอก เพื่อดึงลูกค้าจากบ้านอื่นมาบ้านเรา และเพื่อให้ลูกค้าในบ้านเราอยู่ในบ้านเรา ไม่ต้องไปบ้านอื่น เช่น ภูเก็ตควรแข่งกับบาหลี มิใช่อัดกับพัทยา เกาะกูดและเกาะเต่าควรแข่งกับมัลดีฟส์ ไม่ใช่มาสู้กันเอง หากเราจับคู่ให้ถูกต้อง เน้นนโยบายด้านนี้เป็นพิเศษ เร่งรัดให้เกิดความร่วมมือ เช่น ประชุมกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเขตที่มีจุดขายซ้ำซ้อนกัน เพื่อลดจุดขัดเสริมจุดร่วม น่าจะมีส่วนช่วยได้เยอะ
      
       แนวคิดอันดับต่อไป คือ การช่วยผู้ประกอบการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง ผมสนใจจุดนี้มาก เพราะเวลาเราเร่งช่วยภาคท่องเที่ยวทีไร ผมเห็นแต่การจัดงาน หรือไม่ก็เป็นการซ่อมแซมเสริมสร้างสาธารณูปโภค เช่น ถนนหนทาง ไฟฟ้า ฯลฯ นั่นเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับภาวะปรกติ แต่ในภาวะที่ไม่ปรกติ เราต้องคิดเสมอว่า คนที่อยู่ในงานจัดอีเว็นท์ มิใช่ผู้อยู่ในวงการท่องเที่ยว ผู้รับเหมาก่อสร้าง ก็มิใช่อยู่ในวงการท่องเที่ยว เงินจากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ต้องส่งตรงไปถึงคนที่อยู่ในวงการ มิใช่ส่งไปให้กลุ่มอื่น เพราะเงินจากหน่วยงานด้านอื่น เช่น คมนาคม พาณิชย์ ฯลฯ ก็จะส่งไปหาคนกลุ่มนั้นไม่รู้กี่แสนล้านบาทอยู่แล้ว
      
       ผมอยากเสนอให้นักการเมืองท่านที่รับงานด้านนี้ ลองดูเส้นทางการเงินสักนิด ว่าตรงไปจบที่จุดไหน ส่งเงินลงไปร้อย คนจัดอีเว็นท์รับไปเก้าสิบ ที่เหลือเป็นของผู้ประกอบการท่องเที่ยว จะมาบอกว่า จัดงานแล้วมีคนเข้ามาเที่ยวมากขึ้น คงต้องมีระบบการประเมินอย่างจริงจัง มิใช่จัดคอนเสิร์ต คนที่อยู่ในเมืองในจังหวัดนั้นออกมาดูงาน เสร็จแล้วก็กลับไปกินข้าวที่บ้านนอนที่บ้าน อย่างนั้นไม่ใช่นักท่องเที่ยวนะครับ เรียกว่าเป็นงานด้านการบันเทิงเริงใจให้ประชาชนในท้องถิ่นมากกว่า
      
       เพื่อนของผมหลายคน กำลังพบภาวะเงินไม่พอ เพราะต้องจ่ายเงินเป็นประจำทุกเดือน เช่น ค่าดอกเบี้ย ค่าเช่าที่ ค่าพนักงาน ในจำนวนสามค่าใช้จ่ายที่ว่ามา อย่างอื่นตัดไม่ได้ ที่พอตัดได้คือค่าพนักงาน เมื่อต้องจ่ายเงินเดือนละห้าแสน มีรายรับเดือนละไม่ถึงห้าหมื่น ใครจะไปเลี้ยงพนักงานไหว จึงจำใจต้องลดจำนวนคนลง
      
       พนักงานด้านการท่องเที่ยว มิใช่ฝึกได้อบรมแล้วเก่งจัง คนด้านนี้ต้องมีใจรัก ผ่านประสบการณ์ที่มากเพียงพอ มีความซื่อสัตย์ การจ้างพนักงานแต่ละคนเป็นเรื่องยาก หากใครอยู่กับเรามาหลายปี เราไม่อยากให้เค้าออกหรอกครับ เพราะกว่าจะสร้างคนใหม่เป็นเรื่องยากแสนยาก โดยเฉพาะความไว้ใจซึ่งกันและกัน ต้องอาศัยเวลานาน แต่ในภาวะเช่นนี้ ของบางอย่างที่ไม่ควรกระทำ กลับต้องกระทำ
      
       แนวคิดของภาครัฐ ในเรื่องการอบรมบัณฑิตใหม่เพื่อให้เรียนรู้ด้านการท่องเที่ยว เมื่อมองผิวเผินอาจช่วยได้ แต่ข้อสงสัยคือ คนที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ตกงานดังตุ้บ เราเข้าไปช่วยอะไรกับพวกเธอพวกเขา ไม่ใช่พูดถึงเฉพาะเงินทองค่าชดเชย แต่ยังหมายถึงการดึงให้คนกลุ่มนั้นอยู่ในสายท่องเที่ยวต่อไป เพื่อรอเวลาฟ้าใหม่ เธอและเขาจะได้กลับมาทำงานต่อเนื่อง มิใช่ปล่อยให้คนเก่าไปทำอย่างอื่น รับคนใหม่เข้ามาก็ไม่มีความชำนาญ การท่องเที่ยวอาจสะดุด โดยเฉพาะประเทศไทยขึ้นชื่อในด้านบริการและบุคลากรด้านการท่องเที่ยว หากเราล้มในจุดนี้ เราจะมีปัญหา
      
       เพื่อให้คุณเห็นภาพ ผมขอยกตัวอย่างจริง จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชาวบ้านทำประมง มีเรือ 10 ลำ คลื่นใหญ่พัดมา เรือพังไป 5 ลำ เราลงไปช่วย เราสร้างเรือใหม่ให้ชาวบ้าน 30 ลำ คราวนี้ใครต่อใครก็หันมาทำประมง เพราะมีเรือฟรีเครื่องมือฟรี กุ้งปลาที่พอมีสำหรับเรือ 10 ลำ กลายเป็นไม่พอ คนใหม่ก็ยังทู่ซี้ทำต่อไป เพราะไม่ต้องลงทุนนี่ครับ คนเก่าก็เดือดร้อน นอกจากไม่ได้ช่วยให้รอด ยังมาช่วยทำให้ตายด้วยความหวังดี
      
       แล้วทำอย่างไรจะช่วยให้รอด ผมขอยกยอดไปสัปดาห์หน้า สุดท้ายนี้ สวัสดีปีใหม่แก่คุณ ๆ ทุกท่าน ขอบคุณที่กรุณาติดตามมาจนขึ้นปีที่ 14 ครับ...

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000002199

1 ความคิดเห็น: