คัดลอกมาจาก http://mblog.manager.co.th/bonkalasin/th-45545/
สารวัตรจ๊าบ พ.ต.ท. เมธี ชาติมนตรี ทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ที่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ แต่อยู่ที่นั่นได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ก็ต้องย้ายมาอยู่ที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เพราะถือเป็นนายตำรวจมือดี และมือสะอาดคนหนึ่ง ที่ถูกเลือกให้รับหน้าที่สะสางคดีสำคัญในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ในขณะนั้น และถือว่า เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตที่ก้าวหน้า มีผลงานมากที่สุดในชีวิตการเป็นตำรวจของสารวัตรจ๊าบ
+ + + +
หลังจากที่สารวัตรจ๊าบ ย้ายมาเป็นสารวัตรสืบที่ อ.รัตนบุรีได้เพียง 3 เดือน ที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เกิดคดีครึกโครม "บ่อนลอยฟ้า" ภาพพจน์ของตำรวจที่นั่นติดลบ เสื่อมศรัทธาเป็นอย่างมาก มีการเด้งตำรวจ ทั้งโรงพัก และนำตำรวจมือดี มือสะอาดเข้ามาทำหน้าที่แทน พล.ต.ต.ธีระ ชำนาญหมอ ได้คัดเลือกนายตำรวจมือดีมาทำงานที่ อ.บัวใหญ่และหนึ่งในนั้น มีสารวัตรจ๊าบรวมอยู่ด้วย จึงต้องย้ายจาก อ.รัตนบุรี ไปอยู่ที่ อ.บัวใหญ่ทันที แต่การย้ายครั้งนี้ ถือเป็นการย้ายที่ดี เพราะผู้มีพระคุณให้ย้ายไปทำงาน
เมื่อย้ายมาทำงานที่บัวใหญ่แล้ว เสาร์-อาทิตย์ สารวัตรจ๊าบ ก็ไม่กลับบ้านที่บุรีรัมย์เช่นเดิม ต้องขับรถมารับลูกและภรรยาไปอยู่ด้วยกันในวันหยุดที่บัวใหญ่ทุกสัปดาห์ เมื่อไปถึงบัวใหญ่ พี่น้อย - เพ็ญพิมล ใสงาม ก็ต้องนั่งรถตำรวจออกตรวจพื้นที่ไปกับสามีด้วย ถือว่าเป็นการไปเที่ยวบัวใหญ่ไปในตัว...
ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ที่บัวใหญ่ จะมีตลาดนัดให้ชาวบ้านได้มาจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็น ตลาดนัดในต่างจังหวัดมักจะมีคนมาเดินมากมาย เมื่อคนมาก จึงมักจะเกิดเหตุ จี้ ปล้น วิ่งราวอยู่บ่อยๆ ที่บัวใหญ่มีโจรกระชากสร้อยหลายครั้ง พี่น้อย ภรรยาสารวัตรจ๊าบ ก็เคยไปยืนใส่สร้อยล่อโจร แม้แต่ลูกสาว น้องจ๊ะจ๋า ซึ่งในอายุ 2 ขวบในเวลานั้น ยังต้องใส่สร้อยอยู่ในตลาด เป็นตัวล่อโจรด้วย แต่ดูเหมือนว่า โจรกระชากสร้อยที่นั่นจะรู้แกว ไม่เคยกระชากสร้อยของพี่น้อย และน้องจ๊ะจ๋าสักที
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ในช่วงเช้า ช่วงเย็น พี่น้อยเคยไปนั่งซุ่มสังเกตการณ์กับสารวัตรจ๊าบ และลูกน้องของสารวัตรจ๊าบ เพื่อจับแก๊งขโมยรถมอเตอร์ไซต์ เพราะในเวลานั้นที่บัวใหญ่รถมอเตอร์ไซต์หายอยู่บ่อยๆ หลายครั้งสามารถจับกุมแก๊งขโมยมอเตอร์ไซต์ได้
ด้วยการทำงานที่ทุ่มเทเต็มที่ อย่างไม่มีวันหยุด ทำให้ตำรวจอำเภอบัวใหญ่ สร้างผลงานนำจับผู้กระทำผิดได้เป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือได้ว่า ทำงานเก่ง มีฝีมือมากๆ ซึ่งเรื่องราวการทำงานของสารวัตรจ๊าบที่ อ.บัวใหญ่นั้น ลูกน้อง และสายสืบที่เคยร่วมงานกับสารวัตรจ๊าบ สามารถยืนยันได้ว่า การทำงานของสารวัตรจ๊าบเป็นอย่างไรบ้าง
สารวัตรจ๊าบ ทำงานที่บัวใหญ่นานถึง 2 ปี ชีวิตราชการก้าวหน้ามากๆ แต่เกิดปัญหาคือ ครอบครัวไม่อบอุ่น เพราะพ่อ ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่น้อยจึงได้ขอท่าน พล.ต.ต.ธีระ ชำนาญหมอ ให้ย้ายสารวัตรจ๊าบกลับมาอยู่ที่บุรีรัมย์ เพื่อให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน ซึ่งท่าน พล.ต.ต. ธีระก็ให้ย้ายมา โดยย้ายมาในตำแหน่ง สวป.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งต้องมาแย่งตำแหน่งกับตำรวจหลายคน จากนั้นชีวิตตำรวจของสารวัตรจ๊าบต้องพลิกผันอย่างมาก ....
...พลิกผัน... จนกระทั่งต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิต และได้เข้าร่วมกับการเมืองภาคประชาชน ในที่สุด......
** บันทึกตอนต่อไป ....(๗) สารวัตรจ๊าบกับชีวิตตำรวจที่พลิกผันเข้าสู่การเมืองภาคประชาชน
-----บันทึกชีวิตตอนที่ผ่านๆมา -----
บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๕) คู่รัก คู่ชีวิต และการแต่งงาน
บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๔) ชีวิตที่ต้องสู้..ตั้งแต่เยาว์วัย
บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๓) อิทธิพลมืดและการตั้งเวทีพันธมิตรที่บุรีรัมย์เมื่อ มี.ค.2550
บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๒) ยุทธการปิดถนนมิตรภาพที่ลำตะคอง
บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ (๑) เมื่อพันธมิตรบุรีรัมย์ 30 คนเผชิญหน้ากับ นปก.1000 คน
งานทำบุญใหญ่ 100 วันสารวัตรจ๊าบ วีรชนกู้ชาติ 31 ม.ค. และ บันทึกชีวิต เมธี ชาติมนตรี
-------------------
(C) 2552 เมธี ชาติมนตรี & เพ็ญพิมล ใสงาม & พันธมิตรบุรีรัมย์
Replay the memories by นายบอน 14 ม.ค.2552
-------------------
++ พันธมิตรบุรีรัมย์, สารวัตรจ๊าบ, นักรบบุรีรัมย์, เพ็ญพิมล ใสงาม, เมธี ชาติมนตรี, Replay the memories, บันทึกชีวิตสารวัตรจ๊าบ วีรชนกู้ชาติ
---------------
ตั้งสถานีวิทยุของตัวเอง ถ่ายทอดเสียง ASTV
ความพยายามในการจุดเทียนแห่งปัญญาด้วยการติดตั้งจานดาวเทียม ASTV มากขึ้น แต่สำหรับคนที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา การเปิดวิทยุฟังจะสะดวกกว่า สถานีวิทยุที่ถ่ายทอดสัญญาณเสียงจาก ASTV ในต่างจังหวัดยังมีน้อย พันธมิตรในมหาสารคามท่านหนึ่ง พยายามคิดหาหนทางถ่ายทอดเสียงจาก ASTV ด้วยตัวเอง ระดมความคิดมาหลายแนวทาง
+ + + +
เพื่อนของคุณวิพิศ พันธมิตรมหาสารคาม สนใจการเมือง ชอบฟังการปราศรัย และอยากปราศรัยบนเวทีบ้าง แต่ไม่มีโอกาสสักครั้ง จึงพยายามสร้างโอกาสให้ตนเอง เริ่มจากเอาเทปมาอัดเสียง แล้วเอาไปให้คนอื่นฟัง แต่..ไม่มีคนฟัง จึงพยายามอัดเทปเอาไปให้สถานีวิทยุชุมชนเปิดออกอากาศ ดีเจก็ไม่เปิดให้
เพื่อนคุณวิพิศไม่ละความพยายาม ไปขึ้นเวทีพูดปราศรัยในห้องจัดประชุมที่กำลังจัดเตรียมสถานที่กันอยู่ เพราะมีคนบอกให้ขึ้นไปทดสอบเสียงไมโครโฟนบนเวที เขาจึงพูดปราศรัยซะเลย ดีเจจัดรายการคุยข่าวในวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งเลยเชิญไปนั่งคุยในรายการ มีคนโทรเข้ามาคุยด้วย 2-3 คน จนเขาชักติดใจ อยากมีรายการ อยากมีสถานีวิทยุของตัวเองบ้าง
เพื่อนคุณวิพิศ มีโอกาสได้มาร่วมชุมนุมกู้ชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล ฟังปราศรัยทั้งวันทั้งคืน ฟังแล้วอยากให้คนในหมู่บ้านได้มาฟังด้วย เขาเริ่มอัดเทปบางรายการไปเปิดให้คนในหมู่บ้านฟัง มีคนชอบ..เลยส่งเทปไปให้วิทยุชุมชนเปิด แต่ดีเจไม่เปิด เพราะไม่ชอบพันธมิตร
เขาซื้อจาน ASTV มาดู มีช่องทีวี และช่องวิทยุให้ฟังด้วย เขาเคยฟังวิทยุใน กทม. FM 97.75 Mhz ถ่ายทอดเสียง ASTV ตลอด นั่งฟังบนรถ, ฟังจากโทรศัพท์มือถือที่รับวิทยุได้ก็สะดวก เขาอยากตั้งสถานีวิทยุของตัวเอง รับสัญญาณเสียง ASTV ถ่ายทอดเสียงให้ชาวบ้านได้ฟังด้วยกัน
ลูกชายวัยรุ่นบอก ให้เปิดฟังวิทยุทางอินเทอร์เนตสิ แต่คนในหมู่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักอินเทอร์เนต มีแต่วิทยุ - ทีวี ..ฟังวิทยุสะดวกที่สุด
ในที่ชุมนุมพันธมิตร ที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงก่อน ธ.ค.2551 มีการทดลองตั้งเสาอากาศ ตั้งจาน ASTV รับสัญญาณ ทำเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงรัศมี 10 กิโลเมตร โดยจูนคลื่น ASTV แล้วส่งคลื่นสัญญาณวิทยุออกไป เมื่อการชุมนุมยุติลง มีการนำไปทดลองทำที่ประจวบคีรีขันธ์
อดีต ส.ว.สมบูรณ์ ทองบุราณ มาพูดเรื่องนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ออก ASTV เมื่อคืน 13 ม.ค.2552 ถ้าใครสนใจตั้งสถานีวิทยุของตัวเอง อยากเป็นดีเจ อยากถ่ายทอด เสียง ASTV สอบถาม ส.ว. สมบูรณ์ได้ ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ทำสถานีวิทยุชุมชน ประมาณ 23,000 - 30,000 บาท ตั้งเสาอากาศ จูนสัญญาณคลื่น ASTV แล้วส่งคลื่นวิทยุออกไปในรัศมี 10 กิโลเมตร ใครมีวิทยุก็เปิดรับฟังได้หมด
เพื่อนคุณวิพิศได้ยินแล้ว หูผึ่ง เขาคงจะลองจูนคลื่นดูก่อน จูนสัญญาณจากจานดาวเทียมต่อเข้ากับทีวีของเพื่อนข้างบ้าน , ลองต่อสายสัญญาณเสียงเข้ากับหอกระจายข่าว ถ้ามีเงินมากพอคงได้ตั้งสถานีวิทยุของตัวเองอย่างที่ อดีต ส.ว.สมบูรณ์ แนะนำ
พี่น้องพันธมิตรท่านใดอยากตั้งสถานีวิทยุของตัวเอง เพื่อถ่ายทอดสัญญาณ ASTV ก็ลองดูนะครับ
ต่อไปคงมีเทคนิคที่จะทำให้สัญญาณ ASTV เข้าถึงทุกๆบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
------------------
แนวคิดวิทยุชุมชน (ที่มา http://www.thaingo.org/story3/news_radiocommun.htm )
วิทยุชุมชน หมายถึง เทคโนโลยีที่เปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อชีวิต ของคนในชุมชนและมาจากการจัดทำนำเสนอ โดยคนในชุมชน ซึ่งเป็นเพียงสถานีวิทยุขนาดเล็กๆ ที่มีเครื่องส่งกระจายเสียง ขนาด 20-30 วัตต์ รัศมีการกระจายเสียง 10-15 กิโลเมตร ดังนั้น วิทยุชุมชนจึงเป็นเรื่องของชุมชนคิด ชุมชนทำ ชุมชนนำเสนอและชุมชนตรวจสอบจัดการเป็นหลัก หรือ
เป็นการนำเทคโนโลยีที่รัฐเคยผูกขาด มาสร้างช่องทางอย่างเป็นรูปธรรมแห่งสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่ชุมชนต้องการมีสิทธิ ในการสื่อสารเรื่องที่ดีเพื่อสิ่งที่ดีต่อชุมชน ของตน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องการได้ หรือมีสถานีวิทยุเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างดุลแห่งอำนาจของภาคประชาชน ที่จะสร้างสรรค์สื่อและสาระบนรากฐานทางวัฒนธรรมที่แท้จริง ของตนเอง
ดังนั้นหัวใจของวิทยุชุมชนก็คือ
1.คนในชุมชนเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้ฟัง
2.เข้าถึงง่าย ปิด-เปิด ง่าย ใช้ภาษาถิ่น ต้นทุนต่ำ การผลิต การจัดการมีเครื่องมือไม่ซับซ้อน เป็นต้น
3.เป็นสมบัติสาธารณะ ใช้ระบบอาสาสมัครเข้ามาช่วย และไม่แสวงหากำไร
4.ชุมชนเป็นเจ้าของ สำหรับการกำหนดทิศทางและนโยบาย
ปัญหาและอุปสรรค
การใช้ประโยชน์ของคลื่นความถี่ทั้งหมดนี้ อยู่บนพื้นฐาน เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมของรัฐ และอยู่บนพื้นฐานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีเครือข่ายกระจายเสียงหลัก ( Nation Wide Broadcasting ) ที่แบ่งได้ 3 ระดับ ได้แก่
1.ระดับประเทศ อาทิ วิทยุกรมประชาสัมพันธ์, วิทยุอ.ส.ม.ท. ,วิทยุสำนักข่าวไทย,วิทยุกองพลที่ 1 รอ. และวิทยุรัฐสภา เป็นต้น
2.ระดับภูมิภาค อาทิ ศูนย์วิทยุกรมประชาสัมพันธ์เขต 8, วิทยุกองทัพภาค เป็นต้น
3.ระดับท้องถิ่น วิทยุ วปถ.ของกองทัพบก, กองทัพเรือ, อ.ส.ม.ท. และเอฟเอ็มในจังหวัดต่างๆ
----------------
ASTV, ตั้งสถานีวิทยุของตัวเอง, วิทยุชุมชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น