โดย สุวิชชา เพียราษฎร์ 22 ธันวาคม 2551 20:24 น.
“ บันทึกเลือด 7 ตุลา กลางเสียงปืนและแก๊สน้ำตา” เป็นหนังสือที่รวบรวมมาจากเรื่องจริงจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชน จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ โทรศัพท์ 0-2629-4488 ต่อ 2205-2209
เป็นเวลาสองเดือนเศษ นับจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 กว่าที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะสรุป และส่งผลการสอบสวนเรื่อง “ความรุนแรงและการสูญเสียจากกรณีการสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยในวันที่ 7 ตุลาคม 2551” ให้กับคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าประชาชนซึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย คับแค้น ข้องใจ ทนทรมานทั้งกาย-ใจมานานแล้ว บัดนี้ นักการเมือง-คนสั่งการ-เจ้าหน้าที่ตำรวจและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ควรถึงเวลาที่พวกเขาจะได้รับผลแห่งการกระทำของตนแล้ว
“ การระดมยิงระเบิดแก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมากของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการเล็งปืนเข้าสู่เป้าหมายคือประชาชนโดยตรง หรือเป็นการขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนโดยตรง รวมทั้งการลอบยิงออกมาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ย่อมประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลคือ อาจทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัส และอาจถึงแก่ชีวิตได้
ทั้งนี้ โดยมีวัตถุพยานที่เป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากซึ่งบรรดาสื่อมวลชนแล ะประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้บันทึกภาพการสลายการชุมนุมไว้เป็นหลักฐาน นับเป็นการกระทำที่เกินกว่าความจำเป็น และเป็นการปฏิบัติการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ทั้งหมดนี้จึงอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ได้รับอันตรายสาหัส ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,295,297,288,289,83”
คณะกรรมการสิทธิฯ สรุปผลการสอบสวนและชี้ความผิดเอาไว้ชัดเจน!
จากนี้ ซึ่งคงอีกไม่นาน ความกระจ่างชัด ความจริงจะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. บอกว่าจะเอาสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิฯ มารวบรวมกับที่ ป.ป.ช.ที่ทำไว้แล้วคาดว่า กลางเดือนมกราคมนี้จะทราบว่าเอาผิดใครได้
“ คณะกรรมการสิทธิฯ มีหลักฐานจากซีดี วีซีดี เป็นจำนวนมากได้มาจากภาคเอกชนที่ถ่ายทำไว้ดีมาก ซึ่งจะถ่ายทุกขั้นตอน ตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาปิดล้อมบริเวณหน้ารัฐสภา จนถึงช่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.เป็นอย่างมาก”
ย้อนเวลานึกถึงวันนั้น ใครจะคาดคิดว่าประชาชนที่เรียกร้องต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จะได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณเพียงเพื่อคนคนเดียว!
ต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์เช้าตรู่ของวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลัง อาวุธหนัก และแก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนที่เข้าร่วมชุมนุมอยู่ที่บริเวณถนนราชวิถีและถนนอ ู่ทองในรอบๆ รัฐสภา ลามมาถึงบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และ บริเวณถนนศรีอยุธยาด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อเนื่องบ่ายและค่ำ ตามลำดับ เป็นเหตุให้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้นยังมีประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมเสียชีวิตด้วย เป็นความจริงที่ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่าความเศร้าสะเทือนใจอย่างที่สุด
ทว่า เพียงวันเดียวหลังจาก 7 ตุลาฯ สิ่งที่ประชาชนทั่วไปได้เห็นและรับรู้ก็คือ รัฐบาล นายตำรวจใหญ่ สื่อมวลชนบางค่ายและคนที่มีอคติต่อพันธมิตรฯ กลับมองและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างไม่รู้สึกละอายแก่ใจ
“ผู้ชุมนุมพกระเบิดมาเอง” “คนขาขาดคือขอทานพิการอยู่แล้ว” “แก๊สน้ำตาไม่ได้ทำให้คนเสียชีวิต” และอีกหลายต่อหลายกรณีที่ถูกแต่งเติมออกมาจากสมองของคนบาปพวกนี้
การบิดเบือนเหล่านี้ดำรงคงอยู่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการให้สัมภาษณ์ การนำเสนอข่าวหรือการแพร่กระจายข่าวต่อๆ กันไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้
นอกจากซีดี วีซีดี ผลสอบของกรรมการสิทธิฯ คือ ข้อมูลสำคัญที่จะตอบโต้ และพิสูจน์ความจริงให้สาธารณะได้รู้ตามที่ท่านกรรมการ ป.ป.ช. ว่าไว้ ต้องนับรวม “คำให้การหรือบอกเล่า” ของผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ
เนื่องเพราะผู้อยู่ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคมคือคนที่จะยืนยันและเห็นในสิ่งซึ่งหลายคนอาจไม่ได้เห็น เมื่อพวกเขาถ่ายทอดเรื่องราวออกมาย่อมน่าสนใจยิ่ง ความบริสุทธิ์และไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไรให้เคลือบแคลงสงสัย กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีกว่าการรายงานของสื่อมวลชนด้วยซ้ำ
คนเหล่านี้เลือกจะบันทึกเรื่องราวของตนไว้ตั้งแต่ในสมุดโน้ต ไดอารี่ส่วนตัว หรืออะไรก็ตามที่เทคโนโลยีจะเอื้ออำนวยให้เก็บข้อมูลไว้ได้ ซึ่งก็รวมถึงอินเทอร์เน็ต ในรูปของสิ่งที่เรียกว่า “เว็บล็อก (Weblog)” หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า บล็อก (Blog)
ในบล็อก เรามักจะได้อ่านและเห็นคลิปวิดีโอที่ต่างออกไปจากข่าวกระแสหลัก จากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ASTV ผู้จัดการ” เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่สามารถเข้าถึงพันธมิตรฯ ได้มากที่สุด
บล็อกของเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ส่วนหนึ่งก็เป็นแหล่งรวมข้อมูลของผู้อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาฯ หรือร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ มาอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาเขียนบันทึกจากความเป็นจริงที่เห็นและสัมผัส หลายเรื่องสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก คุณค่าความเป็นมนุษย์ การให้ความเคารพ คำสดุดีแด่วีรชนและเรื่องราวมากมายที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริง
ย กตัวอย่างเช่น “…เราเห็นกับตาว่าคนที่แต่งกายแบบตำรวจ ทำร้ายประชาชนบาดเจ็บ มีผู้หญิงตาย 1 คน มีคนขาขาด มีคนแขนขาด เราพยายามโทร.ตามหาเพื่อนๆน้องๆ ที่เป็นทหารด้วยกัน และคุมกำลัง ขอร้องให้ออกไปช่วยประชาชน…”
เมื่อรวมกันหลายๆ คนหลายๆ เรื่อง ผู้อ่านก็จะต่อภาพรวมได้ตามทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
นี่จึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรมองข้าม และอาจจะทรงคุณค่าเสียยิ่งกว่าข้อมูลจากสื่อเสียด้วยซ้ำ.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000150357
ผมจะเล่าเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง ผมจะเขียนเรื่องนี้อีกกี่ครั้ง "จากมุมของผม" มันก็จะยังเหมือนเดิม เพราะ "ผมเล่าจากความจริง"
คือ "มันฆ่าประชาชน"
ผมจะรู้สึกเิดิมๆ ผมจะไม่รู้สึกว่า "ผมคิดผิด พี่น้องคิดผิด" ในวันนั้น ในการตัดสินใจในวันนั้น
chairojt
ทั้งหมดนี้
เพราะไอ้เหลี่ยมและเครือญาติมัน
ที่เห็นแก่ตัวอย่างมาก
แล้วยังสะเออะ อยากกลับมารับใช้ประชาชน
การรับใช้ประชาชนทำได้ง่ายๆ
คือไม่ต้องกลับมาประเทศนี้
ไม่ต้องมายุ่งการเมืองไทยอีก
ไอ้ทรราชย์หน้าเหลี่ยม
ไอ้สมชาย หน้าหม้อ
ลืมเสียเถิด อย่าคิดถึงเมืองไทยเลย
เพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนผมที่เป็นตำรวจ
ชอบระบอบทักษิณโดยให้เหตุผลว่าชอบโดยไม่มีเหตุผล
ฟังแล้วรู้สึกอึ้ง ได้ต่อว่าไปเล็กน้อย
ผมจึงคิดว่าเพื่อนคนนี้ต้องเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รักชาติ
จะไม่โทษถ้าเป็นรากหญ้า แต่นี้จบกฎหมาย
ความเป็นธรรมไม่มีอยู่ในหัวสมองเลยหรือ
และแล้วความสัมพันธ์ในฐานะฉันเพื่อนค่อย ๆ สลายลง
นับแต่กลางเดือนนี้เอง
พธม.โคกยูง ตรัง
ผมเสียเพื่อนซึ้งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เรา12ผู้กล้าสวนมิสกวัน นาย ยุทธพงษ์ เสมอภาค(น้องเหน่ง) ผู้เสียชีวิต
นายโอม.นายหมี. นายมิ้น. นายตา. นายชัย. นายแดง.
นายบอย. นายเสรี. นายเอก. ป๋าณรงค์. นายเล็ก สาธร 5
วันที 21พ.ย เวลา02"00 น ณ. แยกมิสกวัน
น้องเหน่ง กับ กลุ่มเพื่อน ๆพี่ ๆน้อง ๆได้โดนสุนัขรับใช้
ไอ้อำนาจรัฐชั่ว มันรอบกัด ยิงด้วยอาวุธสงคราม
ปืน m 79 ไล่ฆ่าประชาชน บริสุทธิ์ ทีออกมาปกป้อง
ชาติ และสถาบันกษัตริย์ ดว้ยความ โหดร้าย
มีพี่ นอ้งพันธมิตร ของเรา บาดเจ็บ8 คน ตาย1คน
ช่างน่าเสียดายวีรชนคนดี มีสำนึกรักแผ่นดินเกิด
นี้คือ..ตำนาน 12ผุ้กล้า ณ.สวนมิสกวัน
E.DANG5758@HOTMAIL.COM
ตอน ใกล้ ๑ ทุ่ม ของวันที่ ๗ ตุลาเรายืนอยู่ใกล้รั้วเขตทหาร บริเวณ ใกล้พระบรมรูปทรงม้า เสียงปืนดัง รัวนับไม่ถ้วน ซึ่งมันไม่ใช่แก๊ศทั้งหมด มีเพียงกลุ่มควันแก๊สน้ำตาเพียง ๒ แห่ง นอกนั้นดังเหมือรเสียงปืน และมี ๑ ครั้งที่เสียงดังเหมือนปืนและมีไฟแล่บหลากสีอยู่ข้างบนท้องฟ้า และวิถีเสียงปืนเหล่านั้นมาจาก พื้นที่ ใกล้ซ่องอภิมหาโจร บอชอนอ เสียงปืนดังรัว ประมาณไม่น้อยกว่า สามสิบ ครั้ง จนกระทั่ง มีรถทหารที่อยู่ใกล้ ๆ นั้นออกรถมุ่งหน้าสู่ พื้นที่ ๆใกล้ กับที่มีเสียงปืนดัง ตอนนั้น เสียงปืนมันดังรัวถี่มาก และเหมือนว่ามันใกล้ตัวเข้ามาแล้ว และคิดอยู่เหมือนกันว่าวันนี้ อาจมีการ กราดประสุนปืนใส่ประชาชนแน่ ๆ แต่ซักพักหลังจากรถทหารเคลื่อนตัวออกไป เสียงปืนก็เริ่มห่างลง ๆ แต่ก็ยังไม่หยุดยั้ง แต่ การ์ดก็เรียกต้อนพี่น้องให้กลับเข้าทำเนียบโดยเร็ว มันเลวมาก สุนัขรับใช้ไร้สำนึก ขาดมโนธรรมสำนึก มันใช้สมองส่วนที่ ๑ เหมือนสัตว์เดรัจฉานที่มีแต่ความรุนแรง คำนี้ไม่แรงเกินไป เพราะหลักการแพทย์ก็พูดเช่นนี้ ถ้าใช้ความรุนแรงบนชีวิต เลือดเนื้อและหยดเลือดของผู้รักษ์บ้านเมือง ก็สมควรแล้วเพราะไม่มีคำใดจะเหมาะยิ่งกว่านี้
สตังค์
ตำรวจฆ่าประชาชน ผู้มีส่วนร่วมในการสั่งฆ่าประชาชน
ในวันที่ 7 ตค 51 ขอให้รู้ไว้ด้วยเถอะว่า คุณและครอบครัว
ของคุณจะได้รับผลกรรมที่ทำขึ้นจนกว่าชีวิตของคุณสิ้น
เพราะ คุณไม่มีมโนสำนึก ในการที่จะรับใช้ประชาชน
คุณคิดว่าคุณเป็นเจ้านายของประชาชน ทั้งๆที่เงินเดือน
ที่คุณได้รับ ก็คือ เงินที่ประชาชนที่คุณสั่งฆ่านั่นแหละ
เขาเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้คุณ คุณมันโง่ที่ทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกหรือผิด
ไม้หน้าสาม
.ไม่ว่าจะลืมตา หรือหลับตา ภาพในวันที่ 7 ต.ค. มันยังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึก
... "ภาพ" ที่เต็มในด้วยหมอกควัน จากปืนและระเบิดลูกแล้วลูกเล่า ..เลือดที่ชุ่มโชก..
..ขวดน้ำที่กลาดเกลื่อนบนถนน.."เสียง" ไซเรน จากรถพยาบาล,รถมูลนิธิและรถที่ช่วยกันมารับคนเจ็บ
เสียงปืนและระเบิด ยังคงก้อง อยู่ในใจ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปซักเท่าไหร่ ความรู้สึกและความสะเทือนใจ ไม่เคยจากจาง..
...ทุกครั้งที่ผ่านเส้นทางนี้..เมื่อหลับตาลงครั้งใด เหมือนกับว่า เราได้อยู่ในสนามรบ ดังเช่นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
...ไม่รู้ว่า อีกนานแค่ไหน ฝันร้ายนี้จะหายไป
" ความทรงจำสีเลือด"...มันคงจะติดอยู่ในความรู้สึกของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไม่ลืมเลือน
nkanitha@hotmail.com
ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เห็นเหตุการณ์..เพราะคืนนั้น(6 ต.ค.51) เพื่อนๆเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อมารวมพลังกันที่หน้ารัฐสภา...ตัวเองไปร่วมไ ม่ได้เพราะมีงานต้งรับผิดชอบ
แ ต่ เรามีหน้าที่รายงาน ให้เพื่อๆ ที่นั่งรถ ขณะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ต้องรายงานทางโทรศัพท์ทั้งคืน..เรานอนดู ASTV. แล้วรายงานเหตุการณ์ ตลอดทั้งคืน..จนกระทั่งรุ่งเช้าที่ ตำรวจ ยิง..พวกเรา.. เพื่อๆ วิ่งจ้าละหวั่น...วิ่งกลับไปกลับมา สับสนวุ่นวาย คุณต้อม คุณสำราญ ก็บอกให้พี่น้องอยู่เฉยๆ นั่งลงๆๆๆ พี่น้องจะนั่งลงได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็น แก้สน้ำตามรณะ...เพื่อนวิ่งกัน ล้มลุกคลุกคลาน..โยนน้ำลงถนน..ขวดแล้วขวดเล่า เพื่อนๆ เราก็ยังคงโดนยิงตลอดเวลา..แม้แต่คนเจ็บ รถพยาบาล เขาก(ยังยิง..เราดูไป ร้องไห้ไป แช่งด่าอยู่หน้าจอ ทีวี...รายงานให้เพื่อนๆ ที่เดินทาง ตลอดเวลา วันที่ 6 เราไม่ได้นอนเลยทั้งคืน จนต้องเดินทางไปทำงาน และไปดูต่อที่ที่ทำงานอีกทั้งวัน ตลอดวันที่ 7 ต.ค. จนกระทั้งมืดค่ำ ตำรวจก็ไม่หยุดยิงเรา เกือบตลอดทั้งวันที่เราโดนตำรวจ งี่เง่า ทำร้ายเราที่เป็น นายของมัน เพราะมันเป็นขี้ข้าของประชาชน แต่มันกลับไปเป็นขี้ข้านักการเมือง..โง่แบบไม่มีที่ติเลยหละ ตำรวจไทย เราต้องไล่ตำรวจเลวๆ ออกให้หมดและให้มันชดใช้กรรมที่มันทำด้วย... เพราะเวรกรรมต้องมีจริง อย่าปล่อยให้คนชั่วๆ ลอยนวน...
PTM. (kwan1234
ดิฉันได้เดินทางมาร่วมชุมนุมหน้ารัฐสภากับแฟนในตอนสายของวันที่ 7 ตุลาคม 2551 หลังจากที่ได้เห็นการล้อมปราบของตำรวจในช่วง 6 โมงเช้า บรรยากาศในตอนสายไม่เหมือนว่าเพิ่งจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงมาก่อนในช่วงเช้า จนกระทั้งตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง ที่ตำรวจเข้าสลายอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนความฝัน ไม่คิดว่าตำรวจจะทำกับพวกเราประชาชนมือเปล่าได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งตอนค่ำที่หน้า บชน. ไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจต้องยิงออกมาจาก บชน. เพราะพวกเรากำลังจะเดินทางกลับกันอยู่แล้ว จนตอน 3 ทุ่มครึ่งได้ทราบข่าวจากแกนนำในทำเนียบว่าน้องโบถูกยิงเสียชีวิต ดิฉันร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร แค้นตำรวจ แค้นรัฐบาล แค้นทหารที่ออกมาแต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น จนวันนี้ดิฉันกลายเป็นคนเกลียดเครื่องแบบตำรวจไปแล้ว
Weewii
อุดหนุนเรียบร้อยเเล้วครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่เมื่อนึกมื่อไหร่ก็น้ำตาคลอทุกครั้ง
ทั้งที่ปกติเป็นคนจิตใจเข้มเเข็งมาก
ณ วันที่พวกเราพี่น้องพันธมิตร ได้ลุกขึ้นสู้กับความเลวร้ายของอำนาจรัฐทรราชย์ ทักษิณ เฉียดความสูญเสียต่อชีวิตเเละร่างกายในวันนั้น เเต่คนภายนอกกลับรับรู้ถึงความดีที่เราทำเพื่อชาติน้อยเหลือเกินครับ
เเต ่ไม่ว่าจะยังไงผมภูมิใจที่ได้ร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ พี่ ป้า น้า อาทุกคนครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่คิดดี ทำดีเพื่อ ชาติ ศาสนา เเละพระมหากษัตริย์ครับ
พันธมิตรแน่นอน
เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่คืนวันที่ 6 ตค. เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้เดินไปที่หน้ารัฐสภาหลังจากที่คุณสนธิพูดจบ....แล้วก็นั่งฟังเพลงอยู่ หน้ารัฐสภาจนเช้า...
เ ช้ามา...ก็คิดว่าอย่างเคย...คือแค่ยิงแก๊สน้ำตาปกติ...อย่างที่เคยเจอกันมา ...มีคนพูดกันว่า...มีผู้หญิงตาหลุด...มีคนขาขาด...ไม่อยากเชื่อ...ไม่คิดว่ าจะทำกันได้ขนาดนี้
แต่พวกเราก็ไม่มีใครถอย..พอสายๆ ผู้คนก็เริ่มมากันเยอะแยะ จนไม่มีที่จะเดินเลย...กำลังใจ..ความฮึกเหิมของพวกเรายิ่งมากขึ้น...เราเดิน อยู่บริเวณนั้นทั้งวัน ตั้งแต่หน้ารัฐสภา...หน้าสวนดุสิต...หน้าพรรคชาติไทย...
ช่วงบ่าย...ก็มา ปูเสื่อขอนอนซักงีบที่หน้าสวนสัตว์ใกล้ๆ กะแยกอู่ทองใน...จน 4 โมงเย็น ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก และสะเทือนไปทั่ว จนต้องตื่นมาสะลึมสะลือ...ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงเดินมาเตือนว่าอย่านั่งอยู่แบบ นี้...ก็เลยเก็บเสื่อลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ แบบงงๆ...
จากนั้นได้ยินเสียง ...บึ้มๆๆๆๆๆ..ตูมๆๆๆๆ..ปั้งๆๆๆๆๆ...ไล่มาอย่างรวดเร็วจนถึงแยกอู่ทองใน เห็นระเบิดแก๊สน้ำตาลอยอยู่กลางอากาศ.....เต็มไปหมด...
ดึกๆ...ไม่คิดว่ามันจะล้อมปราบพวกเรา...ประชาชนคนบริสุทธิ์ได้....ขนาดนั้น....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
MamyPoko
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น