++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Superbrand Thailand “ศรีวรา อิสสระ” ประกาศตัวเลือกข้างความถูกต้อง

หลังสร้างความงุนงงให้เพื่อนฝูงและสื่อที่ใกล้ชิด ด้วยการสลัดภาพแม่ชีผู้ทรงศีล กระโดดขึ้นรถปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ศรีวรา อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ภรรยาของ สงกรานต์ เจ้าของ "ศรีพันวา" โครงการบ้านตากอากาศและโรงแรมสุดหรูในภูเก็ต ก็กลายมาเป็นขวัญใจคนไทยรักชาติทันที เพราะถึงวันนี้ หลายคนยังพูดถึงวีรกรรมของเธออย่างต่อเนื่อง ทั้งยังยกให้เป็น "นักธุรกิจสาวใหญ่ใจนักเลง" อีกตำแหน่ง

ในวันที่กรุงเทพฯ มีอากาศเย็นสบาย นักธุรกิจผู้ปฏิบัติธรรมถือศีล 5 แบบเคร่งครัด ไม่สนใจและไม่ชื่นชอบการเมืองแม้แต่น้อย อย่าง จุ๋ง-ศรีวรา อิสสระ ยืนยิ้มหวาน เปิดห้องรับแขกต้อนรับเรา เพื่อพูดคุยเรื่องถึงราวการออกตัวปกป้องประเทศไทยขับไล่รัฐบาลระบอบทักษิณ อย่างเป็นกันเอง พอเริ่มบทสนทนา จุ๋ง-ศรีวรา ก็ออกตัวทันทีว่า ถึงจะชอบปฏิบัติธรรมและปล่อยวางกับสิ่งรอบตัว แต่ไม่ใช่ว่าเธอต้องนิ่งดูดายในทุกสิ่ง ยิ่งเมื่อชาติบ้านเมืองมีปัญหา ทุกคนมีหน้าที่ต้องช่วยปกป้อง โดยใช้สติวิเคราะห์เหตุผล ก่อนตัดสินใจว่าควรทำอย่างไร ?

"ปกติแล้วดิฉันไม่ชอบการเมือง เพราะเห็นว่ามีเรื่องทุจริตและความไม่ชอบธรรมมากมาย ดิฉันไม่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์และไม่ชอบเปิดทีวี คุณสงกรานต์จะเป็นคนสรุปข่าวเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟัง พอรู้ว่ามีกลุ่มต่อต้านพ ร บนิรโทษกรรมและการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดิฉันมีจุดยืนชัดเจนว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ก็จะเสาะหาความรู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไร เมื่อแน่ใจในข้อมูลที่ได้มาแล้ว ก็ออกมาร่วมเลย ดิฉันต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ลาออก ไม่ใช่เพราะด้วยความโกรธ หรือความเกลียด แต่เพราะเห็นว่าเขาจำเป็นต้องลาออก เพราะเขาทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างหนักที่สุด" ตลอด 2 ปีกว่า รับรู้อย่างลึกซึ้งว่า ทุกนโยบายและสิ่งที่รัฐบาลกระทำต่างๆ ล้วนไม่ถูกต้อง ซึ่งเธอไม่สามารถจะยอมรับได้ แต่ในฐานะที่เป็นประชาชนคนธรรมดา ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องวางเฉย ปล่อยให้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามา ได้บริหารงาน จนถึงวันที่รัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรม แล้วมี คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมานำประท้วงตลอดจนพูดถึงการปฏิรูปประเทศ ก็รู้สึกดีใจและพอจะเริ่มมองเห็นทางออกของประเทศบ้างแล้ว "เมื่อได้ยินว่า จะมีการดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อคุณทักษิณ คุณสงกรานต์ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนหาเสียงเขารับปากกับประชาชนว่าจะไม่ทำเรื่องที่ผิดจริยธรรม แต่สุดท้ายเขาก็ทำจริงๆ เมื่อมวลมหาประชาชนออกมาต่อต้านก็ออกมาประกาศว่า ถอน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ถอนทั้งหมดอย่างที่บอก ก็เท่ากับโกหกประชาชน เท่านั้นไม่พอ ยังมาแก้กฎหมายที่มาของ ส.ว. ตามด้วยกฎหมายมาตรา 190 ที่ให้รัฐมีอำนาจทำทุกอย่างเด็ดขาด โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ยิ่งมาดูความสัมพันธ์ต่างๆ ของคุณยิ่งลักษณ์และคุณทักษิณ ที่เชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ จะเห็นได้ว่า มันมีเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น เรื่องพลังงาน และความเสียหายมากมายจากนโยบายประชานิยมต่างๆโดยเฉพาะเรื่องข้าวและชาวนา ทำให้รับไม่ได้จริงๆ" ศรีวรากล่าว ศรีวรา-สงกรานต์ อิสสระ ไปฟังการปราศรัยที่ราชดำเนิน ศรีวราบอกว่า ช่วงแรกจะเลือกวันว่างไปฟังปราศรัย ทุกครั้งที่ไปก็จะไปพูดคุยกับคนที่ไปชุมนุม จึงรู้ว่าคนส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด เพราะทนกับนักการเมืองที่โกงกินและขายชาติบ้านเมืองไม่ได้ รู้สึกว่าคนต่างจังหวัดเสียสละมากมาย ต้องทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว มากินนอนกลางถนน ในขณะที่ พวกเรามาฟังเสร็จก็กลับไปนอนที่บ้านสบาย จากนั้น ศรีวรากับสงกรานต์ จึงพากันไปร่วมชุมนุมเกือบทุกวัน "ช่วงที่กลุ่มนักธุรกิจสีลม-อโศกเริ่มรวมตัวออกมาแสดงจุดยืน ครอบครัวเราไปญี่ปุ่น เราได้ฟังข่าวก็รู้สึกชื่นชม เราก็คุยกันในครอบครัวว่าชาวถนนเพชรบุรีน่าจะทำบ้าง คุณสงกรานต์ก็บอกเอาสิเอาเลย(หัวเราะ) พรรคเพื่อไทยก็อยู่บนถนนเพชรบุรี เราก็น่าจะไปประกาศจุดยืนหน้าพรรคเพื่อไทย ตอนเที่ยงเรียกประชุมถามความคิดเห็นพนักงานคน แล้วออกแบนเนอร์ตอนห้าโมงเย็นเชิญชวนชาวถนนเพชรบุรีมาร่วมเดินตอนสิบเอ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้นกัน หลายบริษัทก็ตอบรับมา แล้วยังช่วยกันคิดต่อว่า ถ้าแบบนี้เราต้องมีรถเครื่องขยายเสียงนะ ดิฉันเองก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แถมตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว หารถไม่ทันเลยโทรศัพท์หาคุณทยา ทีปสุวรรณ ถามว่าจะหารถแบบนี้ได้ที่ไหน พอได้รถมาแล้วก็กังวลยังสงสัยว่า จะมีคนมาร่วมสักเท่าไหร่ เพราะนัดกระชั้นมาก ปรากฏว่าคนมากันเยอะมากจริงๆ เราตั้งใจว่าคนที่อ่านแถลงการณ์จะเป็นนักธุรกิจอีกคนหนึ่ง แต่บังเอิญเขามาไม่ได้ ก็มีเพื่อนคนดันบอกให้ดิฉันพูดเองเลย ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยนะคะ รู้สึกดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว" ศรีวรายังเล่าถึงความอัดอั้นในใจว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเรียกว่าหนักแสนหนักแล้ว แถมยังหวังพึ่งสื่อไม่ได้อีก หลายสื่อเสนอข่าวไม่เป็นกลาง ฟรีทีวีไม่มีการนำเสนอข่าวคราวของม็อบเลย ถ้าไม่มี บูลสกาย เอเอสทีวี หรือไม่ออกไปชุมนุม ไปสัมผัสบรรยากาศจริงๆ ก็คงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย "เห็นชัดเลยค่ะ ไม่ใช่แค่เลือกข้าง แต่ยังบิดเบือนด้วย ดิฉันเจอกับตัวเอง คือมี สำนักข่าวรอยเตอร์มาขอสัมภาษณ์คนไทย 4 คน มีดิฉัน, ปาลาวี (ลูกสะใภ้), คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ และ น้องตั๊น-จิตภัสร์ ดิฉันเข้าใจว่า พวกเราทุกคนมีเจตนาเดียวกันคือ ชี้แจงให้คนต่างชาติได้รู้ว่าเราต้องการให้รัฐบาลนี้ออกไปเพราะอะไรและผู้มาประท้วงเป็นใคร แต่ข่าวที่ออกมาไม่เป็นตามที่ให้สัมภาษณ์ บิดเบือนสิ่งที่เราพูดให้กลายเป็นปัญหาเรื่องชนชั้นสูงและคนกรุงเทพออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดูถูกชนชั้นล่าง ชึ่งเรื่องนี้ไม่เคยมีในสมองเราเลย หากมันเป็นกลยุทธ์ที่ระบอบทักษิณนำมาใช้ตั้งแต่ต้น สื่อที่ไร้คุณธรรมจริยธรรมมีมากในยุคนี้ หลังออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว เราอดถามเธอถึงผลกระทบในเรื่องธุรกิจ ซึ่งเธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่สดใสว่า ในแง่ของธุรกิจที่ทำยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรนักเลย มีลูกค้าหลายราย มาให้กำลังใจ บอกว่าดีใจและภูมิใจที่มาเป็นลูกค้าเรา"ดิฉันดีใจที่คนรอบข้างเข้าใจ และถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่กลัว เพราะถึงวันนี้ สำหรับดิฉัน ถัาไม่ต่อสู้ในวันนึ้ ประเทศไทยก็คงไม่ใช่ประเทศของคนไทยทุกคนอีกต่อไป"

"ศรีวรา" ในวัย 59 ปี ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง และแม้จะมีภารกิจช่วยชาติเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขในชีวิตหดหายไป ทุกวันนี้ยังสนุกกับการทำงานหลายอย่าง การปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ดูแลคุณพ่อ-คุณแม่ของเธอ รวมถึงเลี้ยงน้อง "เวฬา" หลานสาวคนเดียวที่บ้านอย่างเงียบ ก่อนแสงสุดท้ายแห่งวันจะหมดไป “ศรีวรา” ยังฝากทิ้งท้ายถึงคนที่ยังไม่กล้าที่จะเดินออกมาว่า “อย่าได้กลัว” ประเทศไทยจะพ้นวิกฤตเมื่อไหร่ดิฉันเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า หากเราทุกคนช่วยกัน วิกฤตนี้จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น