สุญญากาศทางการเมืองในระบบจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ถ้าจะพูดในระบบเพื่อนำไปสู่สุญญากาศทางการเมืองแล้วจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญเรียงลำดับขั้นตอนดังนี้
1. ยุบสภาแต่ไม่สามารถเลือกตั้งให้ ส.ส.กลับมาได้ แม้จะเลือกตั้งซ้ำก็กลับมาไม่ได้ หมายความว่ารัฐบาลระบอบทักษิณชุดใหม่กลับมาไม่ได้ (ขั้นตอนนี้ทำสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ต้องยันให้ได้หลังจากนี้)
2. ประธานวุฒิสภา หรือรักษาการประธานวุฒิสภา ต้อง ไม่ใช่คนในระบอบทักษิณ เพื่อรอเวลาให้รัฐบาลรักษาการพ้นจากตำแหน่ง เพื่อจะทำให้ได้มั่นใจว่าหากรัฐบาลกลางที่รักษาการพ้นจากตำแหน่งแล้วเกิดสุญญากาศ รักษาการประธานวุฒิจะอาศัยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ สามารถทูลเกล้าเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ไม่ใช่คนในระบอบทักษิณ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอีก 2 ขั้นตอนคือ
ขั้นตอนที่ 2.1 การเลือกตั้ง ส.ว. ไม่สำเร็จ ส.ว.ชุดใหม่จึงกลับเข้าสู่อำนาจไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 วรรค 4 ต้องมี ส.ว.ให้ได้ 95% จากจำนวน ส.ว. ทั้งหมด 150 คน ดังนั้นถ้าเลือกตั้ง ส.ว.ไม่สำเร็จ 8 คน จากการเลือกตั้ง ส.ว. 77 จังหวัดในวันที่ 30 มีนาคม 2557 ส.ว.ชุดใหม่ก็จะจัดประชุมไม่ได้ คงเหลือแต่ประธานวุฒิสภาคนปัจจุบันที่จะรักษาการต่อไปหลังจากหมดวาระในวันที่ 2 มีนาคม 2557 ที่จะต้องรอขั้นตอนที่ 2.2
ขั้นตอนที่ 2.2 ประธานวุฒิสภาถูก ปปช.ชี้มูลความผิดในคดี การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นรองประธานวุฒิสภานายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย (มาจากการสรรหา) ก็จะเป็นบุคคลสำคัญที่จะเป็นผู้มาตรา 7 หากเกิดเหตุต่อมาในข้อ 3
3. รัฐบาลรักษาการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ความจริงแล้วโอกาสจะเกิดสุญญากาศจริงๆค่อนข้างยาก เพราะต้องพ้นไปทั้งคณะเท่านั้น ในคดี
ทุจริตจำนำข้าวต่อให้ผิดถึงคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ก็ไม่รวมรองนายกรัฐมนตรีบางคนที่เข่ามาในภายหลัง คงต้องไปลุ้นเรื่องความผิดการประกาศพรก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ความผิดรวมถึงคณะรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย
ถ้าทำตามระบบไม่ได้ต้องมีการปฏิวัติประชาชนเท่านั้น การจะปฏิวัติประชาชนจะต้องมีทหารร่วมด้วยเท่านั้น การที่ทหารจะเข้าร่วมได้ ก็ต้องทำให้เชื่อว่าไม่เกิดสงครามประชาชนในระดับรุนแรง สงครามประชาชนในระดับรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ชุมนุมครองหัวใจประชาชนส่วนใหญ่ให้ได้ และถ้าครองหัวใจประชาชนส่วนใหญ่ให้ได้ จะปฏิเสธชูธงเรื่องการปฏิรูปพลังงานไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น