++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เมื่อ...ต่อมลูกหมากโต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2552 09:50 น.
บทความโดย : รศ.นพ.อนุพันธ์ ตันติวงศ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์

ต่อมลูกหมากโต เป็นโรคที่ชายสูงวัยมักเป็นกันเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป

ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย
มีขนาดเท่าผลลิ้นจี่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ และล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น
หน้าที่สำคัญ คือ
ผลิตของเหลวเป็นตัวหล่อลื่นและนำส่งเชื้ออสุจิในขณะที่มีการหลั่งของน้ำ
อสุจิออกมา

ต่อมลูกหมากจะโตขึ้นตามวัย และโตมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น
ทำให้ชายสูงอายุ 2 ใน 5 คนอาจ จะมีอาการเหล่านี้ได้

1.ลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะกลางดึกทุกคืนหรือเกือบทุกคืน
2.สายปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหลๆ หยุดๆ
3.เกิดความรู้สึกว่าการขับถ่ายปัสสาวะเป็นเรื่องเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน
4.ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ
5.ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถปัสสาวะออกมาได้
6.รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ทำให้อยากปัสสาวะอยู่เรื่อยๆ
7.ปัสสาวะบ่อย ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง

อาการดังกล่าวเกิดจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมี
ขนาดโตขึ้นและไปบีบรัดท่อปัสสาวะให้แคบลง
ซึ่งหากละเลยอาจมีอาการมากขึ้นจนปัสสาวะไม่ออก อันตรายมาเยือนครับ

ว่าแต่... โรคต่อมลูกหมากโต
ไม่ใช่โรคมะเร็งและจะไม่มีวันกลายเป็นมะเร็งไปได้
แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีทั้งสองโรคนี้ร่วมกันได้

การวินิจฉัยโรค

1.แพทย์จะซักประวัติ สอบถามอาการ ระยะเวลาที่เริ่มมีอาการ
และอาจให้ผู้ป่วยทำแบบทดสอบเกี่ยวกับอาการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
2.แพทย์จะตรวจต่อมลูกหมาก
โดยใช้นิ้วที่ทายาหล่อลื่นคลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก
หากพบว่ามีลักษณะโต ผิวเรียบ แสดงว่า เป็นต่อมลูกหมากโตธรรมดา
แต่ถ้ามีลักษณะโต ผิวไม่เรียบ หรือค่อนข้างแข็ง
ก็สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ แพทย์จะตรวจหาเอนไซม์ในเลือด
ชื่อ พีเอสเอ (PSA : Prostate Specific Antigen) เพิ่มเติม
ซึ่งมีค่าปกติประมาณ 0-4 ng/ml (นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร)
และถ้าพบว่าผลเลือดสูงกว่าปกติ
แพทย์จะแนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมาก โดยใช้เข็มเล็กๆ
ผ่านทางทวารหนัก และนำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์
3.ตรวจสมรรถภาพการขับถ่ายปัสสาวะ โดยดูจากความแรงของการถ่ายปัสสาวะ และจำนวน
ปัสสาวะที่เหลือค้าง
4.ตรวจดูภายในกระเพาะปัสสาวะด้วยกล้องส่องเมื่อมีความจำเป็น
เพื่อวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง

ขั้นตอนการรักษา
1.หากผู้ป่วยมีอาการไม่มากนักและไม่วิตกกังวลจนเกินไป
แพทย์อาจแนะนำให้ดูอาการสักระยะหนึ่ง
ซึ่งระหว่างนี้ผู้ป่วยควรเอาใจใส่เรื่องสุขภาพของตนเองให้ดี
และรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติมากขึ้น
2.ถ้าผู้ป่วยปัสสาวะบ่อย เพราะดื่มน้ำมาก
โดยเฉพาะก่อนนอนก็ควรลดปริมาณการดื่มน้ำ และถ้าถ่ายปัสสาวะบ่อย
เพราะรีบไปถ่ายเมื่อเริ่มปวดก็ควรกลั้นไว้จนปวดมากพอสมควร
ปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสมในการขับถ่ายแต่ละครั้งประมาณ 1 แก้ว (200 ซีซี)
หรือห่างกันมากกว่า 2 ชั่วโมง
3.เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมากขึ้น
แพทย์จึงจะเริ่มให้ยาในการรักษา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ หลายชนิด
บางชนิดเป็นยาลดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บีบรัดท่อปัสสาวะ
บางชนิดมีสรรพคุณลดขนาดต่อมลูกหมาก
และบางชนิดเป็นสมุนไพรที่สกัดขึ้นเพื่อลดอาการบวมของต่อมลูกหมาก
ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการให้ยาตามความเหมาะสม
4.การใช้คลื่นความร้อน เช่น ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ หรือเลเซอร์
ผ่านเข้าไปที่ต่อมลูกหมาก เพื่อทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อและเล็กลง
ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้ในรายผู้ป่วยที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัด
5.การผ่าตัด เป็นวิธีรักษามาตรฐาน
โดยขูดต่อมลูกหมากด้วยกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ เรียกว่า TUR-P
(Transurethral Prostatectomy) เพื่อตัดต่อมลูกหมากออกเป็นชิ้นเล็กๆ
ซึ่งสามารถทำได้โดยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ
หรือศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ในระหว่างการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการวางยาเฉพาะส่วนล่าง
ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นในระยะ 3-4 วันแรก
แพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะได้พัก
และรอให้ปัสสาวะใสเสียก่อนจึงจะเอาสายสวนปัสสาวะออก
ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
วิธีนี้แพทย์จะใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการมากหรือมีภาวะแทรกซ้อน

เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่านอนใจ
1.ปัสสาวะไม่ออกทันที หรือค่อยเป็นค่อยไป
2.ปัสสาวะเป็นเลือดเนื่องจากต่อมลูกหมากบวมโตหรืออักเสบ
3.กระเพาะปัสสาวะคราก ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด
ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
4.การทำงานของไตเสื่อมลง และไตวายได้

ดังนั้น ชายวัย 50 ปีขึ้นไป
ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี
และเมื่อมีอาการปัสสาวะผิดปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
หากเป็นโรคต่อมลูกหมากโต
จะได้รักษาก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะแก้ไข

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000132623

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น