++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การบ้านของประชาธิปัตย


โดย ราวี เวียงพยัคฆ์     15 ธันวาคม 2551 17:04 น.
ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเลย ผู้สันทัดกรณีทั้งหลายต่างก็ทำนายทายทักเป็นเสียงเดียวกันว่า รัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีจะอยู่ได้ไม่นานนัก
      
        คะแนนเสียงที่สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี 235 เสียง มากกว่าคะแนนที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้รับ 35 คะแนนก็จริง แต่ 235 เสียงนั้นเกินกึ่งหนึ่งอยู่ไม่กี่คะแนนเอง รัฐบาลต้องระวังตัวแจ ขาดประชุมหรือจะเข้าห้องน้ำห้องท่า จะเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องหามกันมาประชุม
      
        นั่นก็ช่างเถอะ เพราะแต่ละคนก็บอกว่า ทำเพื่ออนาคตของประเทศชาติ พรรคประชาธิปัตย์จะขาดทุน เสียภาพลักษณ์ไปบ้างเพราะไปดึงคะแนนเสียงจากพรรคอื่นเทมาก็ไม่เป็นไร หรือกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ยอมทิ้งนายก็บอกว่า เพราะเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน (ซึ่งทำให้สงสัยว่า ก่อนหน้านี้ไปอยู่เสียที่ไหน หรือคิดอะไรอยู่จึงไม่ได้คิดถึงประเทศชาติ และประชาชนอย่างทุกวันนี้)
      
        คะแสนเสียง 235 เสียงของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นยังจะเผชิญปัญหาการเลือกตั้งซ่อมอีก 20 กว่าเขต ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ขณะนี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในอนาคตอันไม่นานนี้
      
        ที่สำคัญก็คือ พรรคที่เข้ามาร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มก๊วนของนายเนวิน ชิดชอบ พรรคชาติไทย พรรครวมใจชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย เดิมนั้นต่างก็รู้ดีว่า การดำรงอยู่ของรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำขณะนี้ ล้วนพึ่งพาการสนับสนุนของกลุ่มก๊วน และพรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มก๊วนและพรรคการเมือง เหล่านี้เป็นพิเศษ จึงจะสามารถผูกใจพรรคเหล่านี้เอาไว้ได้
      
        นายใหญ่ที่มีเงินถุงเงินถัง กลุ่มก๊วนและพรรคการเมืองเหล่านี้ยังทรยศหักหลังได้ สำมะหาอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยดูถูกดูแคลนกลุ่มก๊วน และพรรคการเมืองเหล่านี้เสมอมา มีโอกาส มีจังหวะ ทำไมเขาจะทรยศหักหลังไม่ได้
      
        พรรคประชาธิปัตย์ต้องไม่ลืมว่าคำว่า “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” สมญานามที่เรียกนายเนวิน ชิดชอบ จนติดปากผู้คนในสังคมขณะนี้ นายเนวิน ชิดชอบ มิได้ได้มาโดยโชคช่วย หากเป็นฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ
      
        พรรคประชาธิปัตย์ต้องไม่ลืมว่า พรรคมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เอาการเอางานติดตามเรื่องทุจริต คอร์รัปชันของระบอบทักษิณมาตลอด 6-7 ปี และที่เปิดโปงออกสู่สังคมให้สังคมได้รับรู้ และบางกรณีก็กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมผ่าน คตส. อัยการ จนจะถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องราวของการทุจริตเหล่านั้นมีตั้งแต่กล้ายาง ปุ๋ยปลอม การให้เช่าพื้นที่ของท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ขายสินค้าปลอดภาษี ฯลฯ เรื่องราวอันอัปยศเหล่านี้ พรรคประชาธิปัตย์ลืมไปเสียแล้วหรือว่า กลุ่มก๊วนใดบ้างที่เกี่ยวข้องอยู่
      
        วันนี้เมื่อกลุ่มก๊วนเหล่านี้มาร่วมอยู่ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรต่อไป จะละเอาไว้เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล หรือจะให้ทุกประการดำเนินไปตามตัวบทกฎหมาย
      
        พรรคประชาธิปัตย์ยังจำได้หรือไม่ว่า เมื่อรัฐบาลหุ่นนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นาน รัฐมนตรีที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ดูแลสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ช่อง 11 ก็มาเอาเครื่องไม้เครื่องมือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปเป็นประโยชน์เพื่อพวกขอ งเขาเอง ผ่านบริษัทที่พวกเขา (ระบอบทักษิณ) จัดตั้งขึ้นมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์อีกนั่นแหละที่นำเรื่องนี้มาเปิดโป งให้สังคมรับรู้ รวมทั้งนำไปต่อสู้ในสภาผู้แทนราษฎร
      
        แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อย ซ้ำเจอกับรัฐบาลหน้าด้าน (ทั้งรัฐบาลนายสมัคร รัฐบาลนายสมชาย) เรื่องก็เลยคาราคาซังอยู่อย่างนั้น
      
        บัดนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะจัดการอย่างไรกับการแทรกแซงสื่อของรัฐบาลเก่า
      
        และแนวทางของรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำขณะนี้จะทำอย่างไร
      
        นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่อย่างไรเสียพรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องเผชิญ โดยที่ยังมิได้พูดถึงศึกหนัก คู่ต่อกรที่พร้อมจะฟาดฟันห้ำหั่นให้ตายไปข้างหนึ่งอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่มีอภิสิทธิ์โจมตีประเทศ โจมตีสถาบันสำคัญๆ ของประเทศ เช่น ศาลสถิตยุติธรรม
      
        พรรคประชาธิปัตย์มิใช่หรือที่เรียกร้องให้รัฐบาลหุ่นนายสมัคร/นายสมชาย ถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
      
        พรรคประชาธิปัตย์มิใช่หรือที่เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนำกลับมารับโทษ
      
        มาวันนี้รัฐบาลจะทำอย่างไร?
      
        พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งบอกว่า ไม่ว่าพรรคจะขาดทุน จะเสียชื่อเสียงไปบ้าง แต่ขอให้ประเทศชาติ และประชาชนได้ก็พอ
      
        ประชาชนจะได้อะไร?
      
        ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์หลังการเป็นรัฐบาล โน่นก็แตะไม่ได้ นี่ก็แตะไม่ได้ เพราะจะกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลกลุ่มก๊วนต่างๆ ที่ยกมือให้ขณะนี้จะไม่ยกมือให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่อายุยังน้อย
      
        แต่ถ้าหากทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายให้ความเป็นธรรมแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่อยู่ภายใต้ระบบเส้นสายมาเป็นเวลา 6-7 ปี ใช้ระบบคุณธรรม ประชาชนทั้งหลายก็จะยืนอยู่ข้างพรรคประชาธิปัตย์
      
        อยู่ได้ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ก็ไม่ใช่ปัญหาที่นักการเมืองจะต้องเป็นห่วง ถ้าหากมั่นใจว่า ยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
      
        ประชาชนก็จะต้องเลือกกลับมาวันยังค่ำ
      
        เว้นแต่จะยืนอยู่คนละข้างกับประชาชน
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000147405

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น