พลับพลึงรึงเร้าเคล้าราตรี
พลับพลามาลีคลี่ขยาย
กรุ่นกลิ่นรินร่ำกำจรจาย
สะพรั่งพรายเผยผลิมะลิลา
คาราวานล้านดาวมาพราวพร่าง
ละล่องแดนแขวนคว้างหว่างเวหา
คาราวานหิ่งห้อยพริบพร้อยพา
ละเล่นแสงแหล่งระย้าไพร
ท่วมตะเกียงวอมแวมคืนแรมร้าง
ขับมืดอำพรางสว่างไสว
โอ้ค่ำคืนนี้หนอรออีกไกล
กว่าบรรจบภพใหม่บรรเจิดตะวัน
สะบัดพรมลมลอดมาพรอดผิว
ผะแผ่วพลิ้วคว้างน้ำค้างขวัญ
คนใกล้สางกลางสวนรัญจวนจันทร์
กึ่งจริงกึ่งฝันอยู่โดยเดียว
คะนึงหน่วงห้วงหนึงอยู่ซึ้งลึก
คะเนนึกห้วงนั้นพลันเปล่าเปลี่ยว
คำนวนนับชาติภพคำรบเดียว
ชีพนี้เหลือเพียงเสี้ยวธุลีทราย
สัญจรจากฟากฝันแห่งวันเก่า
มานั่งเหงานิ่งงันชมจันทร์ฉาย
น้ำค้างห่มลมเคล้าเร้าระบาย
ชมความงามง่ายง่ายสงัดวัน
เคยบ้างหรือไม่หัวใจถาม
เสาะพบความงามช่วงสั้นสั้น
ในบางเสี้ยวนาทีหนอชีวัน
หลังรบราฆ่าฟันกับวันเวลา
ช่วงนั้นอาจเสี้ยวนาทีแห่งชีวิต
อันเลิศล้ำสัมฤทธิ์มหิทธิค่า
กว่าช่วงกาลนานยาวทุกคราวมา
จากสัญจรอ่อนล้ามายาวนาน
ประทับภาพผ่องเพ็ญอันเด่นดวง
ประทีบดาวพราวร่วงมหาศาล
ประเทืองไว้ในนิมิตสนิทวาร
ท่องทะยานไปหว่านใจไว้โพ้นฟ้า
โสตถิเทพ แสวงประเทือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น